“พี่ต้องลงทุนให้ถึงขั้นต่ำนะ” มีน้องคนนึงเคยคุยกับผมไว้ “ลงทุนมันมีขั้นต่ำอยู่นะพี่ อย่างถ้าพี่ลง 1 ล้าน อาจจะได้ซัก 10 ล้าน แต่ถ้าลง 9 แสน อาจจะไม่ได้อะไรเลย พี่ต้องลงทุนให้ถึงขั้นต่ำนะ” ในตอนที่ผมได้ยินครั้งแรก ผมไม่ buy idea นี้เลย อย่างที่ผมเคยเล่าๆไป พ่อแม่ผมเริ่มจากทำขนมกันที่บ้าน เราตีไข่กันในบ้าน เคี่ยวขนมกันในครัวหลังบ้าน เอาออกมาอบแล้วก็ตัดขายกันหน้าบ้าน ทั้งๆที่บ้านผมเป็นทาวน์เฮ้าส์เล็กๆ อยู่ในซอยที่แสนจะเล็ก และไม่มีที่จอดรถให้ลูกค้าใดๆทั้งสิ้น เวลาลูกค้าเข้ามาเยอะๆ ที่ยืนหน้าบ้านก็ไม่มี บ่อยครั้งล้นไปยืนตากแดดอยู่นอกบ้าน แต่ก็มีลูกค้าเข้าร้านอยู่แทบจะตลอดเวลา ลูกค้าหลายเจ้ามาถึงก็จะเล่าให้ฟังแกมบ่นว่าเค้าเดินทางกันมามาจากจังหวัดนู่นจังหวัดนี้เลยนะ นั่นทำให้ผมคิดว่า ทำเลไม่ใช่เรื่องสำคัญ หรือเรื่องจะลงทุนตกแต่งร้านให้สวยนั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่าไหร่ ขอเพียงขอเราดีจริงๆ มันจะขายตัวมันเองได้ ผมเคยรีโนเวทร้านที่บ้านครั้งนึง ใช้เงินประมาณ 3 แสน บ้านก็ดูเป็นร้านขึ้นมานิดนึง ขยายกำลังผลิตมาได้พอสมควร แต่มันก็ยังเป็นทาวน์เฮ้าส์เล็กๆอยู่ในซอยเล็กๆเหมือนเดิม มันไม่ถึงกับมี impact ที่ significant กับร้านเท่าไหร่ วันนึงผมออกไปเปิดสาขาแรก ไปได้ศาลาไทยที่เค้าสร้างไม่เสร็จอยู่ริมถนนมา ต้องพยายามหาคอนเนคชั่นเชื่อมโยงจนไปถึงตัวเจ้าของที่ ไปอ้อนวอนให้เค้าปล่อยเช่า สุดท้ายเค้าคิดค่าเช่าให้ 4,000 บาท/เดือน ด้วยความที่เร่งรีบมาก และงบประมาณจำกัดสุดๆ ผมลงทุนไปประมาณ 5แสน จากศาลาที่ถูกทิ้งร้าง ฝ้ายังไม่ได้ทำ ผนังยังปิดไม่ครบ ไม่ต้องพูดถึงระบบน้ำไฟหรือห้องน้ำ ผมทำมันเสร็จใน10กว่าวัน (คืองานไม้ ฉันชอบ ฉันก็ลงไปทำกะช่างเลยอะ) ทำเลมันไม่ได้ดีมากนะ มีที่จอดรถที่ดูไม่เหมือนว่าจอดได้ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จอดริมถนน แต่มันก็ขายได้ ขายได้พอสมควรด้วย มันยิ่งตอกย้ำความคิดผมที่ว่า ไม่จำเป็นต้องลงทุนเยอะ ไม่จำเป็นต้องทำเลดีมาก ถ้าของมันดีมันจะขายตัวมันเองได้ ผมอยู่ที่ศาลาไทยได้ประมาณ 3 ปี วันนึงผู้ให้เช่ามาบอกว่าต้องออกภายใน 3 เดือนนะ มีเจ้าใหญ่เค้ามาเซ้งที่ดินทั้งหมด …ในหัวผมมีแต่คำว่า ฉิบหายแล้ว!!… ผมเร่งหาที่ใหม่ ในพื้นที่ใกล้เคียงเดิม วิ่งหาทุกวัน ทั้งวัน อยู่เก็นอาทิตย์ ไม่มีที่ไหนถูกใจ ส่วนใหญ่ถ้าทำเลดี ก็จะไม่ค่อยมีที่ว่าง ถ้าว่างก็แพงมาก ผมพยามมองหาทำเลที่ไม่ต้องดีมาก เข้าถึงง่าย ค่าเช่าถูก….ณ ตอนนั้น ไม่มี แล้วอยู่ดีๆผมก็ไปนึกถึงคำพูดของรุ่นน้องคนนึงที่เคยพูดกับผมไว้ “พี่ต้องลงทุนให้ถึงขั้นต่ำนะพี่” รุ่นน้องคนนี้เค้าเป็น Developer อสังหาที่ success เป็นคนที่ผมนับถือวิธีคิดมาก ถ้าให้ผมเทียบ ผมมีความรู้สึกว่าเค้าเหมือนกับ @Jakk Goodday จริงจัง สุดทางทุกเรื่องตลอดเวลา (ถ้าใน MBTI เค้าเป็น ENTJ ผมเชื่อว่าตั้มก็ตัวเดียวกัน) จากคำพูดของรุ่นน้องวันนั้น ผมลองเปิดใจกับที่ที่ค่าเช่ามันแพงแต่ทำเลดี มันเป็นโชว์รูมขายมอเตอร์ไซค์มาก่อน พื้นที่ใหญ่เกินจำเป็นสำหรับผมไปมาก และเจ้าของคิดค่าเช่าเดือนละ 70,000 แต่ขอเก็บรายปีแบบ front load !!!! (ขอเก็บหนักปีแรกปีต่อไปถอยลง แต่เฉลี่ยแล้วคือ 70,000/ด.) สรุปว่าผมต้องจ่ายในครั้งแรก 1,500,000 !!! ผมหนักใจมาก คิดอยู่พักใหญ่ จากค่าเช่า 4,000 กลายเป็น 70,000 แถมต้องจ่ายเงินก้อนไปก่อนด้วย ค่ารีโนเวทไม่ต้องพูดถึง น่าจะหลายเท่าของที่เคยใช้ แม่ผมก็เชียร์นะ ไม่รู้แกเห็นว่ามันดี หรือแค่เชื่อมั่นในตัวผม แต่มันสเกลที่ไม่เคยอยู่ในหัวผม ครั้งนั้นผมต้องปรึกษาหมอดูเลย ไม่มีความมั่นใจอะไรเลยจริงๆ …สุดท้ายเอาก็เอาวะ… การตัดสินใจเช่าครั้งนั้นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของร้านผมเลย ร้านที่มันใหญ่มันมีอิมแพคมากกว่า ไม่ใช่แค่กับคนผ่านไปผ่านมา มันถูกพูดถึง มันเกิดการรับรู้ถึงตัวแบนด์ไปในวงกว้าง ยอดขายโตหลักเป็น 100% และมันเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในความคิดผมด้วย ผมมีขั้นต่ำในการลงทุนของผมที่ไม่น้อยเลยในแต่ละสาขา เพื่อนๆผมฟังค่าใช้จ่ายในแต่ละที่ของผมแล้วตกใจทั้งนั้น (หลายคนมองว่าผมไม่ฉลาดด้วยซ้ำ) ผมไม่เคยมีปัญหากับค่าเช่าสูง ทำเลที่ดีค่าเช่าต้องสูงอยู่แล้ว ราคาที่สูงมันช่วยตัดคู่แข่งที่จะมาแย่งเราเช่าไปเกือบหมดตลาด มันทำให้ผมอยู่ในจุดที่ไม่มีผู้เล่นรายอื่นมาเล่นด้วย ปัจจุบันโชว์รูมมอเตอร์ไซค์อันนั้นกลายเป็นกระดูกสันหลังของร้านไปแล้ว พื้นที่ๆเคยว่าใหญ่เกิน ถูกใช้เต็มอณู วัตถุดิบของทุกสาขาถูกชั่งตวงและส่งออกจากที่นั่น และเราก็ซื้อมันก่อนที่จะต้องต่อสัญญาเช่าครั้งต่อไป 😎 “ต้องลงทุนให้ถึงขั้นต่ำ” จริงๆมันก็ไม่มีใครรู้หรอกว่าขั้นต่ำมันอยู่ตรงไหน สำหรับผมคือ จุดที่ใหญ่พอที่จะมีอิมแพค จุดที่มากพอจะตัดผู้เล่นรายอื่นออก จุดที่วันนึงมันคงคืนทุนได้ ซึ่งมันไม่ได้ต่ำเลย 55555 เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่มิติเรื่องทุนทรัพย์อย่างเดียว ถ้าเรามอง proof of work เป็นการที่เราลงทุนเวลาและพลังงานของเรา มันก็มีขั้นต่ำที่เราต้องไปให้ถึงเหมือนกัน มันจะมีจุดคุณต้องลงทุนให้ถึง เพื่อให้ตลาดเห็น value คุณ มันมีจุดที่คุณต้องลงทุนให้ถึง เพื่อตัดผู้เล่นรายอื่นออก (เอาให้แบบคนอื่นเห็นPOWคุณ แล้วถอดใจไปเลยอะ) มันมีจุดที่คุณต้องลงทุนให้ถึง ถึงจะได้สัมผัสกับความรู้สึก secure ว่า POW เราเยอะพอใช้ได้แล้วนะ เอาจริงๆความหมายของ”ลงทุนให้ถึงขั้นต่ำ” ของผมคือ “ทำมันให้สุดนั้นแหละ เดี๋ยวพอพ้นขั้นต่ำแล้วเราจะรู้เอง” GM ครับ #ทีมตรู่ #Siamstr

Replies (53)

GMครับ✨️❤️☕️ ขอบคุณมากครับสำหรับเรื่องราวดีๆในตอนเช้านะครับ✨️🥰
โอ้โห ตำราธุกิจชั้นดีแต่เช้าเลย🙏 ผมเชื่อว่าคนทำงานใหญ่ มันจะมีจุดที่ต้องตัดสินใจลงทุนไม่ว่าจะด้วยตัวเงินหรือระยะเวลาที่ "รบกวน" ใจ แต่ถ้าเราขายของดี ด้วยกระดูกสันหลังของธุรกิจที่แข็งแรง เราจะมองมันเป็นเหมือนค่าแรกเข้าที่ต้องจ่าย แล้วมันจะตอบแทนเรากลับมาไม่รู้กี่เท่าทวีคูณ ป.ล. รอพี่ปั้มเปิดร้านสเต๊กหรือคราฟต์เบียร์อยู่นะครับ จะ spend sats ให้ซาโตชิร้องเลย
จริงด้วย “ค่าแรกเข้า”มันใช่เลย อยากแก้บทความเป็น “ทุกอย่างต้องมีค่าแรกเข้า”เลย ค่าแรกเข้าของร้านเนื้อมันสูงมั้ยนะ !?
GM ครับพี่ปนัยย ชอบมากกก POW จนคนอื่นท้อ
ขอบคุณความรู้ดี ๆ ครับพี่ เรื่องขั้นต่ำทำให้ผมนึกถึงคำ ๆ นึงของการลงทุนเลย "หากอยากลงทุนให้ได้เงินหนึ่งล้านบาทแรก . . . . . จงลงทุนมากกว่า 1 ล้านบาท" 😂
ขอบคุณที่เมนชั่นถึงนะครับ.. ประสบการณ์ตะกอนความคิดในบทความนี้ไม่มีในตำราเศรษฐศาสตร์ เป็นบุญของผู้ที่ได้ผ่านมาเจอ.. กรุณาอ่านจนจบและขอดเกร็ด จริงๆ แล้วพี่ก็คล้ายๆ ผม แต่คงมีบางอย่างที่ต่างกันอยู่ ผมเป็นพวกไร้เพดานและฟลอร์ เป็นคนที่ชอบวิเคราะห์จนทะลุปรุโปร่งจึงตัดสินใจ แต่คนก็มีกคิดว่าผมผลีผลามใจเร็วด่วนได้ ..ผมคงคืดอะไรได้เร็วเกินไป ด้วยเหตุนี้ครูประเภทเดียวที่ผมมี คนประเภทเดียวที่จะกล้าพอมาแนะนำผมในแนวสัจธรรม จริยธรรม ความฉลาดทางอารมณ์ หรือแลกเปลี่ยนประสบการณ์อะไรทำนองนั้น ผมพึ่งทำคาเฟ่มาหมาดๆ กับเพื่อนเมื่อปีกลาย (ขายหุ้นไปแล้วเนื่องจากไม่มีเวลาบริหาร จับปลาหลายมือไม่ไหว) ผมคิดในเชิงบูรณาการหลายชั้นเพื่อเลือกทำเลและกลยุทธ์ทั้งสั้น กลาง ยาว เนื่องจากผมผมเคยทำ Feasibility มาพอสมควร กระบวนการวางแผนนั้นจึงซับซ้อน (อยู่คนเดียว) ซึ่งคงอธิบายตรงนี้ไม่ไหว ผมจะเหมือนหมอแปลก ที่ชอบนั่งทางในดูว่าใน 14 ล้านทางเลือก ผมจะชนะเกมนี้ด้วยโซลูชั่นไหน ชนะได้แบบไหน ชัยชนะพอหอมปากหอมคอหรือประเดี๋ยวประด๋าวผมจะปัดตกไปเลยแต่แรก หรือถ้ามันไม่มีหนทางที่ยั่งยืนมากพอ.. ผมก็แค่จะเปลี่ยนเรื่องไปทำอย่างอื่นเลย อ่านมาถึงตรงนี้ก็คงรู้แล้วว่า เหตุผลแท้จริงที่ผมขายหุ้นร้านกาแฟคืออะไร.. เมื่อจ้องไปที่ทรัพยากรทั้งองคาพยพ ในหัวผมจะมองหาวิธีใช้มันให้สิ้นเปลืองน้อยที่สุด แต่ยังเสือกให้ผลลัพธ์ดีสุดๆ ถามว่าจำเป็นไหม.. ก็คงต้องบ้าระดับหนึ่งถึงจะเอาแต่คิดอะไรแบบนี้ บ่อยครั้งเหมือนกันที่ "ลงทุนให้ได้ขั้นต่ำ" ก็เป็นหนึ่งในแนวทางที่ผมเคยหยิบจับ พี่ได้อธิบายเชิงปฏิบัติไว้หมดแล้ว ผมขอข้ามไปเลยละกัน มีสิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างชัดว่าเราเหมือนกัน คือ ขอลุยเองก่อน ขอเข้าใจมันด้วยตัวเอง และฉันอยากสร้างความแตกต่าง ฉันนอนไม่หลับถ้าต้องทำเหมือนคนอื่น ขอตัดภาพไปที่ MBTI ซึ่งพี่ค่อนข้างแม่นเลยทีเดียว มันมีเรื่องที่ผมอยากแชร์เกี่ยวกับหัวข้อนี้ เรื่องนั้นก็คือ "เราวิวัฒน์ตัวเองได้" ถ้าเราเป็นคนที่ชอบขยับแข้งขยับขาอยู่ตลอดเวลา.. เราอยากเป็นอีกคนที่ดีกว่าเดิม ในทุกๆ ปีเราจะไม่เคยเหมือนเดิมเลย ดังตัวอย่างต่อไปนี้... ในปี 2018 ผลทดสอบของผมออกมาแบบนี้ ซึ่งมันก็ค่อนข้างตรงกันตัวผมในตอนนั้น.. image เรื่องน่าประหลาดก็คือ ในช่วงก่อนโควิดผมรับจ๊อบเป็น System analyst และ Software Architecture อยู่พอดี สิ่งแวดล้อมและพฤติการณ์ต่างๆ คงจะหล่อหลอมให้เป็นตัวเรา... ต่อมาในปีแห่งโรคระบาด 2019 ที่ผมไปทำจ๊อบต่อที่ไหนไม่ได้นอกจากวางแผนครุ่นคิดและสั่งการจากบ้านผ่านทางอินเตอร์เน็ต.. image ในเวลาปีเดียวเราเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ แม้จะแค่จาก P กลายเป็น J ก็ตาม.. นั่นก็คือวิวัฒนาการส่วนตัวแล้ว.. ผ่านเวลาโควิดอันเนิ่นนานมาหลายปี ผมเริ่มพาตัวเองเข้ามาในแวดวงบิตคอยน์ สิ่งต่างๆ ที่ได้พาลพบและช้อมลุกคลุกคลาน ประสบการณ์ที่ไหลบ่าเข้ามาได้เปลี่ยนตัวผมไปเป็นอีกแบบอย่างสิ้นเชิง จนกระทั่งนึกครึ้มไปลองทดสอบอีกครั้งในปี 2021 image ผมคาอนข้างประหลาดใจกับผลการทดสอบครั้งนี้ เราที่เคยคิดว่าตนเป็นพวก Introvert มาโดยตลอด คิดยังไงก็จินตนาการไม่ออกว่าตูกลายเป็น Extro ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วไอ้ Campaigner สี่มันคืออะไรเหรอ? ผมไม่รู้ว่าตัวเองได้กลายเป็นคนแบบใหม่ไปแล้ว จนกระทั่งวันนี้ จากผลลัพธ์ต่างๆ ที่ปรากฏ ผมจึงเข้าใจความหมายของ ENFP ได้อย่างลึกซึ้ง.. พี่คิดว่าผมเหมือน ENFP สักนิดบ้างไหม? นอกจากนี้ผมยังนึกสนุกไปลองทำแบบทดสอบของ Ray Dario ด้วย.. ซึ่งบททดสอบห่าอะไร ทำนานมากยังกะสอบเอนทรานซ์.. ผลที่ได้คือ.. ตั้งแต่นั้นมาผมก็ยังไม่ได้ทดสอบอีกเลย ซึ่งผมผ่านเรื่องราวบิตคอยน์มาสารพัดอย่าง.. น่าสนุก วันนี้ผมจะกลายเป็นอะไรไปแล้วนะ?
Songpop's avatar
Songpop 2 years ago
ดีมากๆ ผมกำลังทำธุรกิจและล้มลุกคลุกคลานมากช่วงนี้เป็นประโยชน์มากครับ
Introvert มันเปลี่ยนได้ด้วยหรอครับ ผมแม้ว่าจะเคยออกไปสังสรรค์กับเพื่อนแค่ไหน สุดท้ายข้างในมันก็บอกว่าผมชอบความสุขที่อยู่เงียบคนเดียวมากกว่า
สุดท้ายทุนที่แท้จริงที่เรามีอย่างจำกัดและไม่จำกัดในเวลาเดียวกัน นั่นก็คือ "เวลา" เรามีเวลาในการใช้ดำรงอยู่จำกัด แต่ในขณะเดียวกัน ก็ความเป็นไปได้, หนทางในการทวีคูณเวลาเหล่านั้นได้อย่างไม่จำกัดผ่านการสร้างและส่งต่อ Proof of work จากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่ง, จากรุ่นสู่รุ่น หลังจากอ่านเรื่องราวของพี่ปั้มแล้ว ผมตกตะกอนได้ว่า "การลงทุนขั้นต่ำ" มันไม่ใช่แค่ใส่เงินเท่าไหร่ ใส่เวลา ใส่ "ทุน"ลงไปเท่าไหร่จึงจะออกผล แต่มันคือการลงทุนไปกับการสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง ให้กับแบรนด์อย่างตั้งใจ สม่ำเสมอตลอดระยะเวลาหลายปี จนกระทั่งวันหนึ่ง Proof of work ที่เราลงทุนไป มันได้รับการตอบรับ ออกดอกออกผลให้เราได้รับรู้ถึงผลแห่งความพยายามนั้น สรุปคือ "สร้าง Proof of work ให้มากและมี time preference ที่ไกลพอจะรอรับผลของการกระทำนั้น" ขอบคุณสำหรับโน้ตดีๆยามเช้า GM ครับ พี่ปั้ม ปล. #JDMstr ให้ STI งามๆ 2คันนั้นฮะ 555
เปลี่ยนได้ง่ายเพียงแค่เราอยากเปลี่ยน การเอาแต่คิดอยู่คนเดียวทำให้พี่ทำบางโปรเจคไม่ได้ พี่จำเป็นต้องแสดงออกให้มากขึ้น เอนเกจคนมากขึ้น พูดเยอะขึ้น เพื่อแลกกับสิ่งที่ต้องการ พี่ต้องการคอมมูนิตี้ มันจะไม่เกิดขึ้นหากพี่เอาแต่คิด พอพี่เลิกคิดและลงมือ Express ออกมา พี่กบับได้มากกว่าคอมมูนิตี้ ดูวิว่า 3 ปีผ่านไปพี่ได้อะไรมาบ้าง
Default avatar
Jibsiri 2 years ago
อ่านเพลินค่ะ พี่สุดยอดมาก 👍👍นับถือ🙏🙏😁😁
อรุณสวัสดิ์ครับ ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ในยามเช้าครับผม! เนื่องจากเห็นแต่ละคนตอบกลับกันยาว ๆ ผมเลยเขียนข้อความในส่วนนี้เพื่อให้คนอื่น ๆ รู้สึกว่ามันก็ยาวเหมือนกันแต่ว่าเขียนไปเพื่ออะไรนั้นตัวผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาล่ะถ้าจะให้สรุปสาระที่ผมพร่ำเขียนมาทั้งหมดตรงนี้นั้นสามารถบอกได้เลยว่า ไม่มีครับ
GM ครับ ขอบคุณกับกลยุทธ์ธุรกิจ ที่หาอ่านที่ไหนไม่ได้
ผมเป็น infj เป็นคนย้อนแย้ง 555 เป็น Introvert แบบหนักๆ แต่อยากพูดอยากคุยอยู่ตลอด แต่เฉพาะกับคนที่เราอยากคุยด้วยเท่านั้น Nostr โคตรจะตอบโจทย์ชีวิตผมเลย
“Proof of work ที่มากพอและ time preference ที่ไกลพอ” Cool!! That’s the keys. ปล.รูปสุดท้ายแอบติดแอ็คไว้หน่อย 55555
ผมว่า.. ด้วยอะไรบางอย่างที่ทริกเกอร์เรา มันจะมีส่วนเปลี่ยนแปลงตัวเราได้ในสักวันครับ การที่เรายังเป็นคล้ายๆ เดิมเสมอนั้น ก็คงเป็นไปได้ที่ว่า เรายังไม่เจอชาเลนจ์บางอย่างที่จะมีผลให้เราอยากเปลี่ยนไปเป็นอีกแบบ (เพื่อพิชิตเป้าหมายใหม่ที่ต่างจากที่เคยมี (ไม่เกี่ยวกับดีกว่าหรือด้อยกว่าเดิมนะ)) ตัวผมก็เหมือนพี่ ขบคิดอยู่ในหัวตลอดเวลาขนสดเห็นหมาเดินผ่านยังอดวิเคราะห์สีขนมันไม่ได้.. ผมเบื่อคนรอบตัว เลยไม่ค่อยพูดอะไร แต่มันไม่ได้หมายความว่า เราพูดไม่เป็น จนกระทั่งเมื่อเหตุการณ์จำเป็นมาถึง เรารู้ว่าหยทางเดียวที่เราจะสร้างสิ่งใหม่ๆ ก็คือตัวเราเองต้องทำเรื่องใหม่ๆ ด้วย ไม่งั้นมันไม่มีทางเกิดขึ้น ผมเขียนความคิดออกมาผ่านการเรียบเรียงให้ดี นั่นคือการฝึกพูดกลายๆ เมื่อกระบวนการนี้เราเริ่มช่ำชอง มันเท่ากับเราสามารถแปลงสาส์นในหัวออกมาได้เรียลไทม์กลายๆ แล้ว ซึ่งนั่นแหละคือหนทางในการพูดให้ได้แบบที่คิด จากนั้นผมก็หาเวทีให้ตัวเองได้พูด เริ่มจากจับเมียมานั่งฟังก่อนเลย (ล้มเหลว) หรืออกไปหาที่ๆ จะมีคนอยากฟังเรา ฝึกความเคยชินและภาวะอารมณ์ การประมวลผลและสมาธิ วิจารณญาณและการตอบสนอง.. สุดท้ายผมทำมันได้ พรึ่งนี้เช้าพี่ลองนั่งทำอันนี้สนุกๆ สิ
ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกดี ให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังนั่งจิบเบียร์คุยกัน แล้วพี่ป้ำกำลังเล่าให้พวกเราฟังถึงเรื่องราวความเป็นมาก่อนผลลัพธ์ที่พวกเราหลาย ๆ คนได้เห็นมันในปัจจุบันการประสบความสำเร็จของพี่ ความพยายาม การเรียนรู้ การปรับวิธีคิด ผมว่าผมหาอะไรแบบนี้จากที่อื่นไม่ได้อีกแล้วที่นอกเหนือไปจาก Nostr รักเลย :) 🧡 "ลงทุนมันมีขั้นต่ำ ต้องลงทุนให้ถึงขั้นต่ำ" จะเรียกว่ามันเป็นค่าเฉลียของการแข่งขันในตลาดได้รึเปล่านะครับ ขั้นต่ำที่ว่าเหมือนกับการตัดค่า mean ของการทำข้อสอบ เมื่อมีใครสักคนหนึ่งที่ทำคะแนนได้โดดเด่น จะฉุดค่า mean ให้สูงขึ้น คู่แข่งที่ทำคะแนนได้ไม่ดีพอจะถูกกดให้อยู่ใต้ค่า mean ไปโดยปริยาย การเลือกลงทุนในทำเลที่มีราคาแพงเนื่องจากเรามีกำลังในการลงทุนที่สูงกว่าคู่แข่ง ก็เป็นการสร้างค่า mean ที่สูงขึ้น ภาระของคู่แข่งทางธุรกิจที่จะต้องยอมแลก หรือถอยออกไปทำตลาดอื่น ช่วงหลายปีที่ผ่านมาผมเห็นร้านอาหาร/กาแฟ ที่เปิดแข่งกันตามกระแส พื้นที่บริเวณหนึ่งที่ไม่เคยมีร้านหมาล่ามาขาย เมื่อมีคนเริ่มมันจากห้องเช่าเล็ก ๆ และเนื่องจากมันเป็นอะไรที่ใหม่มากในเวลานั้น มันขายดีมาก ทำให้หลายคนเห็นช่องทางในการ "เลียนแบบ" หลังจากนั้นไม่นาน คู่แข่งก็เพิ่มขึ้น ร้านขายหมาล่าผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด และคู่แข่งก็ลงทุนต่ำลงเมื่อมันเป็นอาหารที่ขายได้บนรถเข็น คู่แข่งที่ไม่ต้องเช่าห้องเช่าเพื่อเปิดเป็นร้าน จากของคุณภาพดีในเวลาที่เริ่มต้นก็ค่อย ๆ แข่งกันลดต้นทุนลง เพื่อผลกำไรจากการลงค่าใช้จ่าย แทนที่จะสร้างคุณค่าให้กับธุรกิจ กับกลายเป็นเกมที่แข่งกันลดคุณภาพของสินค้า จุดขาย (จุดตาย) เดียวที่แข่งกันเรื่องใครจะขายในราคาที่ถูกกว่ากันเพื่อให้มีลูกค้าเขาร้านสูงสุด ไม่นานก็ค่อย ๆ เห็นร้านที่เปิดมาก่อนค่อย ๆ ปิดตัวลง เพราะสู้ต้นทุนที่ต่ำลงของคู่แข่งไม่ไหว ไม่ใช่แค่เคสของหมาล่า แต่เป็นกันเกือบทั้งหมด ชาบู หมูกะทะ ย่างเนย ร้านกาแฟ เมื่อธุรกิจที่เราเริ่มทำถูกคนอื่นลอกเลียนแบบได้ง่าย ๆ การลอกแบบที่หาจุดอ่อนจากการลงทุนที่ต่ำลงกว่าผู้ที่บุกเบิกตลาดเป็นผู้เริ่ม ถ้าเราลงทุนไม่ถึงขั้นต่ำ ถ้าเราไม่กล้าที่จะจ่ายขั้นต่ำเมื่อธุรกิจของเรากำลังถูกจับตามองโดยคู่แข่ง นั่นอาจจะเป็นบัตรเชื้อเชิญให้คู่แข่งนั้นลงมาเล่นอยู่ในตลาดเดียวกันกับเรา และเมื่อเราไม่กล้าที่จะเสียเงินจำนวนหนึ่งไปกับการจ่ายขั้นต่ำ เราก็อาจจะเสียส่วนแบ่งทางการตลาดให้กับคู่แข่งมากกว่าที่เราจะต้องจ่ายเป็นขั้นต่ำที่เราคิดว่ามันแพงเกินไปก็เป็นได้ ความคิดเห็นจาก พนง. ออฟฟิศคนหนึ่งที่ไม่ได้มี skin in the game ทางธุรกิจอะไร, ขอบคุณอีกครั้งสำหรับประสบการณ์อันล้ำค่าครับพี่ป้ำ
เมื่ออายุมากขึ้นผมยังรู้สึกว่าตัวเองเป็น Introvert จากเมื่อก่อนเป็น Extrovert สุดๆ
สงสัยจะเปลี่ยนกันได้แต่ Introvert ที่ชอบมีความสุขเงียบเปลี่ยนคงจะยากต้องมีอะไรดลใจ ยิ่งพบธรรมะท่านสอนให้ วิเวก สันโดษ ด้วยคงเปลี่ยนยาก
การทำธุรกิจ ในไทย เห็นกันบ่อยสุด คือ กลยุทธ์ me too เห็น อะไร ได้กำไร ขอลงด้วย เป็นประจำ เสร็จแล้ว ก็ต้อง จบด้วย เศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ทฤษฎี อุปสงค์ อุปทาน ใครออกช้า หรือ เข้าช้า จนเลย สมดุล กำไร ก็จะหดหาย น้อยลง เป็นธรรมดา ไปถึงขั้นเจ๊ง ได้เลยครับ ...
เด๋วผมหาเวลาทำเอามาแชร์กัน (เด่วผมอ่านตอนเที่ยง)
ตัวแบบทดสอบศัพท์ง่ายเลยครับคุณหมอ แต่ต้องว่างหน่อยครับ ทำไปท้อไป
ใช้แปลทั้งหน้าก้อพอได้นะครับ สลับการแปลไปมา ..ผมบอกแล้วว่าบททดสอบใช้เวลาทำนานยังกะเอ็นทรานซ์
GM ครับ ไม่ได้มาอ่านโน๊ตพี่นานเลย ชอบวิธีการตัดคู่แข่งของพี่มากครับ มันไม่ใช่วิธีการตัดคู่แข่งแบบลดต้นทุนหรือลดคุณภาพตามที่เห็นกันตามร้านทั่วไป แต่เป็นการตัดคู่แข่งแบบให้ตลาดเห็นถึง Value และ POW ที่เราหมั่นเพียรทำและพัฒนามาตลอดแล้วบอกกับคู่แข่งในตลาดแบบอ้อมๆ ว่า " ถ้าคิดว่าทำได้ดีกว่ากูก็เข้ามา " 555 ปล.อ่านไปทานหนังไก่ทอดไปเพลินมากครับ555