มีเรื่องมาเล่าให้ฟัง
บ้านเพื่อนของเรา ไม่ได้อยู่ใกล้แหล่งน้ำตามธรรมชาติ
ในหมู่บ้านอาศัยน้ำจากคลองชลประทานเพื่อการเกษตร
ต่อไปนี้ เราจะเรียกหมู่บ้านเพื่อนว่า หมู่บ้านเอ
ปีนี้ทุกพื้นที่ในจังหวัด พบกับสภาวะน้ำแล้ง
ฝนตกอาทิตย์ 1-2 ครั้ง
สำหรับจังหวัด ที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตร มันสาหัสมาก
หมู่บ้านเอ ที่ต้องอาศัยน้ำจากระบบชลประทานยิ่งหนัก
ไม่มีการปล่อยน้ำจากชลประทาน โดยอ้างว่าถ้าปล่อยมาน้ำจะไม่พอใช้ตอนหน้าแล้ง
ซึ่งคลองส่งน้ำนั้น ไม่ได้ไหลเข้าแค่หมู่บ้านเอ
แต่ไหลไปยังหมู่บ้านอื่นๆด้วย ขอเรียกว่าหมู่บ้านบี
เกิดสงครามแย่งชิงน้ำระหว่าง 2 หมู่บ้าน
หมู่บ้านบี เอาเครื่องสูบน้ำมาตั้งดัก ที่ทางน้ำเหนือหมู่บ้านเอ พอน้ำปล่อยมา ก็ถูกสูบออกไปที่หมู่บ้านบี มันเป็นแบบนั้นมาตลอดหน้าฝนนี้
ความสัมพันธ์ระหว่างชาวบ้านหมู่บ้านเอ และ บี
ที่เคยเน้นเฟ้น ตอนนี้เริ่มสั่นคลอน เพราะปัญหาเรื่องแย่งน้ำกันใช้
แต่น้ำที่ไหลมา ก็ไม่ได้เพียงพอกับการทำการเกษตรอะไรมากมายนัก มันแค่พอได้กินได้ใช้
เอาไปปลูกข้าวแบบเดิมๆไม่ได้แล้ว
ทีนี้เราก็เลยถามไปว่าแล้วแบบนี้คนในหมู่บ้านปลูกอะไร ไม่มีน้ำแบบนี้
คำตอบคือ "ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์"
ข้าวโพดเมล็ดแข็งๆ ที่แม้แต่คนปลูกก็
เอามาบริโภคกินประทังชีวิตไม่ได้
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มันเป็นพืชอุตสาหกรรมที่แตกแขนงออกไปเยอะมากไม่ใช่แค่อาหารสัตว์
มันเป็นได้ทั้ง แป้ง น้ำมัน น้ำตาล หรือ แม้แต่กาแฟ(เทียม)
เมื่อไปดูคุณสมบัติของต้นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
มันก็ไม่ได้ต้องการน้ำ และ ไม่ชอบดินแฉะ
ก็เลยเอ๊ะ! ว่า นี่มัน อะไรกัน ช่างพอดีซะเหลือเกิน
เมื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
มีข้อมูลจากหน่วยงานรัฐเต็มไปหมด
ทั้งกรมส่งเสริมการเกษตร สำนักปลัดกระทรวงการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร บริษัทผู้ค้าเมล็ดพันธุ์รายใหญ่ มีการประกันราคาจากธนาคารเพื่อการเกษตรอีกด้วย
แต่ผลกระทบของมันนี่สิ
ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มันดูดธาตุอาหารในดินออกไป
ในที่สุดพื้นที่เหล่านั้นก็จะเหลือแต่ความแห้งแล้งแบบของจริง ต่อให้มีน้ำเข้าถึงจนเหลือเฟือ
มันก็ไม่สามารถเพาะปลูกพืชอะไรได้อีกแล้ว
และถ้าถามว่า
ถ้าเราเป็น IMF และ ธนาคารโลก เราจะทำอะไร?
ก็ดูดธาตุอาหารในดินจากประเทศไทยนี่แหละ
ดูดออกมาให้หมด ไม่ต้องเพาะปลูก กินผัก กินหญ้า เลี้ยงสัตว์ พึ่งพาตัวเองได้หรอก
ซื้อกินสิ เน้นการซื้อบริโภคสิ
มันคุ้มค่าและสาสมกับประเทศที่อุดมสมบูรณ์เรื่องดินอย่างเรามากที่สุดแล้ว
#FuckIMF #Siamstr


สาเหตุหลักเป็นเพราะเราเชื่อมั่นใน #Value4Value (หรือ #v4v) เรามองเห็นถึงศักยภาพของชาวไทย #Siamstr ในทุ่งม่วงแห่งนี้ว่า แต่ละคนมีสกิลจัดจ้านในการสร้างสรรค์โน้ตเจ๋ง ๆ ชนิดที่เราสิงอยู่ในนี้ทั้งวันก็มีเรื่องสนุกให้อ่านได้ไม่มีหมด
เราอยากให้ "คุณค่า" เหล่านี้ได้รับ "คุณค่า" ตอบแทนกลับไปอย่างสาสม เอ้ย สมน้ำสมเนื้อ!
- คุณค่าที่คุณ Alex Gladstein เขียนบทความนี้ขึ้นมากอย่างละเมียดละไม
- คุณค่า (และลูกบ้า) ของคุณปกป้องริเริ่มแปลบทความขนาด 100 หน้านี้ด้วยตนเอง
- คุณค่าที่ทีมงาน Right Shift หลายรายรุมเร้ามันจนมีชีวิตโลดแล่นในวันนี้
- คุณค่าที่ผู้อ่าน spend time เพื่ออ่านมัน
- คุณค่าที่ผู้อ่าน spend time เพื่อเขียนโน้ตร่วมสนุกในกิจกรรมนี้
- และที่สำคัญ นี่คือคุณค่าที่พวกเราทุกคนใน #Nostr มีส่วนผลักดัน Freedom Protocol Adoption ให้เกิดขึ้นจริง ชนิดที่ต่างชาติทึ่งว่าทำไมคอมมูฯ ไทยมันสนุกคึกคักขนาดนี้!
และนี่คือ 3 ผู้ได้รับคุณค่าพิเศษจาก Right Shift "I Fucked IMF Badge" ที่มีแค่ดีไซน์เดียวในโลก อวดคนได้ชั่วลูกชั่วหลานว่าข้าพเจ้าคือ 3 คนในโลกที่มีสิ่งนี้ประดับชีวิต
1.
