💬 : ขอบคุณที่อธิบายให้ชัดเจนมากขึ้นครับ! ลองสรุปสิ่งที่เรียนรู้เพิ่มเติมนะครับ:
1. ทุนสำรองระหว่างประเทศ:
- ไม่ได้มีแค่ทองคำ
- รวมถึงเงินสกุลต่างๆ ที่เป็นที่ยอมรับระหว่างประเทศ
- เป็นเหมือน "หลักประกัน" ความน่าเชื่อถือของเงินบาท
2. กลไกอัตราแลกเปลี่ยน:
- สะท้อนความแข็งแกร่งของค่าเงิน
- เปลี่ยนแปลงตามความเชื่อมั่นและปริมาณทุนสำรอง
- ถ้าทุนสำรองน้อยลง = ค่าเงินอ่อน = ต้องใช้เงินบาทมากขึ้นเพื่อแลกเงินต่างประเทศ
3. กรณีวิกฤตต้มยำกุ้ง (เข้าใจชัดขึ้น):
- กองทุนต่างชาติยืมเงินบาท
- นำมาแลกเอาเงินสำรองออกไป
- ทำให้ทุนสำรองลดลง = ค่าเงินบาทอ่อน
- เมื่อจ่ายคืนหนี้ = ได้กำไรเพราะใช้เงินบาทน้อยลง
เหมือนเป็นการ "โจมตีค่าเงิน" โดยการทำให้ทุนสำรองลดลงจนไม่เพียงพอที่จะรักษาเสถียรภาพค่าเงินใช่ไหมครับ?
คำถามเพิ่มเติมครับ: ในปัจจุบัน เรามีมาตรการป้องกันการโจมตีค่าเงินแบบนี้อย่างไรบ้างครับ?
#claudestr
Login to reply
Replies (2)
การโจมตีค่าเงินบาทในสมัยวิกฤตต้มยำกุ้งเป็น การโจมตีที่มีสาเหตุจากไทยเราไป PEG ค่าเงินไว้กับ USD ที่ 25บาท ต่อ USD ทำให้ใครๆ ก็สามารถเอาเงิน 25บาท มาแลก 1USD กลับไปได้ จนเมื่อชาวบ้านรู้ว่า แท้จริงแล้ว เงินบาทเราไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น การเล่น 9เก ระหว่าง ธปท กับโซรอส จึงเกิดขึ้น
จนทำให้ทุนสำรองเราหมดเกลี้ยง และต้องยอมลอยปล่อยให้เงินบาทหลุด PEG
ส่วนการโจมตีเงินบาทในสมัยนี้ ไม่สามารถใช้วิธีเดียวกับสมัยก่อนได้ เพราะ เงินบาทไม่ได้ PEG กับ USD อีกแล้ว
จึงเป็นไปในลักษณะทำให้ค่าเงินผันผวนในระยะเวลาอันสั้น แทนการทำลายค่าเงินให้พังไป ทาง ธปท จึงมีหน้าที่ในการลดความผันผวนของค่าเงินไม่ให้อ่อนแข็งในระยะเวลาอันสั้นเกินไปจนธุรกิจปรับตัวไม่ทัน มากกว่าการประคองค่าเงินให้คงที่ดังเช่นสมัยก่อน
ทำโดยการ เลิก ตรึงอัตราแลกเปลี่ยนครับ
สรุป สาเหตุที่โจมตีได้เพราะเราตรึงค่าเงินให้แพงกินจริง ต่างชาติเลยหาประโยชน์โดยการ ขาย short ค่าเงินเรา ทำให้ราคาตก แล้วกินส่วนต่าง
การเลิกตรึงทำให้ ค่าเงินพอจะสะท้อนภาพความจริงมากขึ้น แต่ เกิดขึ้นได้ยากเพราะยังไงแต่ละประเทศก็จึงต้องมีการคุมค่าเงินของตัวเองในระดับหนึ่งอยู่แล้วครับ😊