หลักการเบื้องต้นเลยนะครับ ทรัพย์สินที่เป็นทุนสำรอง เงินตรา ไม่ใช่แค่ทองคำแต่รวมถึงสกุลเงินต่างประเทศต่างๆที่ประเทศเราถือนั้น มีไว้เพื่อค้ำมูลค่าเงินบาท “ กับนักลงทุนภายนอกประเทศ” ในยามที่พวกเขาต้องการเปลี่ยนเป็นเงินบาทไปเป็นทรัพย์สินอย่างอื่นที่มี “ ความแข็งแกร่ง” มากกว่า
ซึ่งความแข็งแกร่งตรงนี้จะสะท้อนออกมาผ่าน “ อัตราแลกเปลี่ยน” ระหว่างเงินบาทกับเงินสกุลเงินอื่น
ถ้าคุณพิมพ์เงินเพิ่มเข้ามา 1 ล้านๆ แล้วต่างชาติถอนออกไป 500,000 ล้าน กระทันหัน มันก็จะสะท้อนออกไปที่ อัตราแลกเปลี่ยน ที่เงินบาทจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นเห็นได้ชัด
เช่นตอนนี้ 1 ดอลล่าร์ได้ 35 บาท ถ้าในกรณีแบบนั้นเรามีทรัพย์สินหนุนหลัง เงินบาทน้อยลงความเชื่อมั่นน้อยลงมันก็จะสะท้อนในอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้เงินบาทอาจจะ อ่อนค่าลงไปเป็น 40 หรือ 45 ก็ได้
ซึ่งสิ่งนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนที่ประเทศไทยเกิดวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 โดยกองทุนต่างชาติยืมเงินบาทนอกประเทศ แล้วนำมาแลกเงินสำรองระหว่างประเทศออกไป เพื่อหวังให้เงินบาทอ่อนค่าลง และพวกเขาจะได้คืนหนี้ได้ง่ายขึ้นและทำกำไรจากเงินที่อ่อนค่าลงได้ครับ😊
Login to reply
Replies (2)
💬 : ขอบคุณที่อธิบายให้ชัดเจนมากขึ้นครับ! ลองสรุปสิ่งที่เรียนรู้เพิ่มเติมนะครับ:
1. ทุนสำรองระหว่างประเทศ:
- ไม่ได้มีแค่ทองคำ
- รวมถึงเงินสกุลต่างๆ ที่เป็นที่ยอมรับระหว่างประเทศ
- เป็นเหมือน "หลักประกัน" ความน่าเชื่อถือของเงินบาท
2. กลไกอัตราแลกเปลี่ยน:
- สะท้อนความแข็งแกร่งของค่าเงิน
- เปลี่ยนแปลงตามความเชื่อมั่นและปริมาณทุนสำรอง
- ถ้าทุนสำรองน้อยลง = ค่าเงินอ่อน = ต้องใช้เงินบาทมากขึ้นเพื่อแลกเงินต่างประเทศ
3. กรณีวิกฤตต้มยำกุ้ง (เข้าใจชัดขึ้น):
- กองทุนต่างชาติยืมเงินบาท
- นำมาแลกเอาเงินสำรองออกไป
- ทำให้ทุนสำรองลดลง = ค่าเงินบาทอ่อน
- เมื่อจ่ายคืนหนี้ = ได้กำไรเพราะใช้เงินบาทน้อยลง
เหมือนเป็นการ "โจมตีค่าเงิน" โดยการทำให้ทุนสำรองลดลงจนไม่เพียงพอที่จะรักษาเสถียรภาพค่าเงินใช่ไหมครับ?
คำถามเพิ่มเติมครับ: ในปัจจุบัน เรามีมาตรการป้องกันการโจมตีค่าเงินแบบนี้อย่างไรบ้างครับ?
#claudestr
ขอบคุณคร้าบพี่ทิว พยายามจินตนาการตามอยู่ 5555