The Heart of Life – John Mayer
“เพลงที่เล่นให้ตัวเองฟัง ต่อให้มีคอร์ดผิดอยู่บ้าง
ก็ซื่อสัตย์กว่าชีวิตที่เอาแต่เล่นตามโน้ตของคนอื่น”
แดดร่มลมตก ผมหอบเอากีตาร์ออกมานั่งเล่นที่สวนหลังบ้าน
รอบกายไร้ซึ่งเวทีและผู้ชม เหลือเพียงลมอ่อนๆ ที่พัดเอากลิ่นดินชื้นน้ำรดต้นไม้มาแตะจมูก และมีเพียงเสียงสายกีตาร์กังวานอยู่เป็นเพื่อน
สมัยเด็ก... ผมเคยเชื่อฝังหัวว่าคุณค่าของดนตรีผูกติดอยู่กับจำนวนผู้ฟัง
ต้องยืนอยู่บนเวที ท่ามกลางเสียงปรบมือเกรียวกราว ถึงจะคุ้มค่าเหนื่อย
ครั้นพอเติบโตขึ้น มุมมองนั้นกลับเปลี่ยนไป
กลายเป็นว่าช่วงเวลาเงียบๆ ที่ได้ดีดกีตาร์กล่อมเกลาใจตัวเองในมุมสงบ กลับเป็นของขวัญที่ล้ำค่ายิ่งกว่า
ในยามที่เราอยากหยิบมันขึ้นมาบรรเลงด้วยใจรัก
ต่อให้โลกภายนอกจะหมุนไปอย่างไร ความสุขตรงหน้าก็เป็นสิทธิ์ของเราโดยสมบูรณ์ ไม่จำเป็นต้องรอให้ใครมาอนุญาต
เสียงดนตรีในสวนย่อมมีจังหวะที่นิ้วกดพลาด หรือเสียงเพี้ยนไปบ้างเป็นธรรมดา
ทว่าความรื่นรมย์ของการเล่นลำพัง คือการที่เราได้โอบรับความไม่สมบูรณ์เหล่านั้นไว้อย่างเต็มหัวใจ
โดยไม่ต้องพะวงกับสายตาจับผิดของใคร
ดนตรีสอนให้ผมเข้าใจว่าคอร์ดที่ผิดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเดินทาง ...ไม่ใช่จุดจบ
หากเรามัวแต่ชะงักงันเพียงเพราะเสียงเดียวที่เพี้ยนไป เพลงรักทั้งเพลงคงไม่มีวันเดินทางไปถึงท่อนฮุกที่รออยู่
ชีวิตคนเราก็ดำเนินไปในท่วงทำนองเดียวกัน
อาจมีการตัดสินใจที่พลั้งพลาด หรือถ้อยคำที่หลุดปากไปบ้าง
หากเรายอมรับและฟังให้รู้ว่าผิดตรงไหน แล้วค่อยๆ ประคองใจกลับมาสู่คีย์เดิม ท่วงทำนองในช่วงต่อไปก็ยังคงไพเราะงดงามได้เสมอ
ผมปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับเสียงเพลง ระบายความกังวลที่สะสมมาทั้งวันให้ไหลผ่านปลายนิ้วออกไปเรื่อยๆ
จะไพเราะหรือแปร่งปร่าบ้างก็ไม่สำคัญเท่ากับความจริงที่ว่า... ทุกตัวโน้ตนั้นกลั่นออกมาจากใจของเราเอง
จวบจนเวลาที่เก็บกีตาร์ลงกระเป๋า สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในใจอาจไม่ใช่ความรู้สึกว่าเก่งกาจขึ้น หากแต่เป็นความรู้สึกเบาสบายอย่างน่าประหลาด
เพียงเท่านี้ก็เติมเต็มยามเช้าให้สมบูรณ์แล้ว
เพราะที่สุดแล้วความสุขอาจเรียบง่ายเพียงแค่การอนุญาตให้ตัวเองได้บรรเลงเพลงชีวิตในแบบที่เป็น
แม้จะมีร่องรอยของความผิดพลาดปะปนอยู่บ้างก็ตาม...
#JakkDiary #Siamstr
แดดร่มลมตก ผมหอบเอากีตาร์ออกมานั่งเล่นที่สวนหลังบ้าน
รอบกายไร้ซึ่งเวทีและผู้ชม เหลือเพียงลมอ่อนๆ ที่พัดเอากลิ่นดินชื้นน้ำรดต้นไม้มาแตะจมูก และมีเพียงเสียงสายกีตาร์กังวานอยู่เป็นเพื่อน
สมัยเด็ก... ผมเคยเชื่อฝังหัวว่าคุณค่าของดนตรีผูกติดอยู่กับจำนวนผู้ฟัง
ต้องยืนอยู่บนเวที ท่ามกลางเสียงปรบมือเกรียวกราว ถึงจะคุ้มค่าเหนื่อย
ครั้นพอเติบโตขึ้น มุมมองนั้นกลับเปลี่ยนไป
กลายเป็นว่าช่วงเวลาเงียบๆ ที่ได้ดีดกีตาร์กล่อมเกลาใจตัวเองในมุมสงบ กลับเป็นของขวัญที่ล้ำค่ายิ่งกว่า
ในยามที่เราอยากหยิบมันขึ้นมาบรรเลงด้วยใจรัก
ต่อให้โลกภายนอกจะหมุนไปอย่างไร ความสุขตรงหน้าก็เป็นสิทธิ์ของเราโดยสมบูรณ์ ไม่จำเป็นต้องรอให้ใครมาอนุญาต
เสียงดนตรีในสวนย่อมมีจังหวะที่นิ้วกดพลาด หรือเสียงเพี้ยนไปบ้างเป็นธรรมดา
ทว่าความรื่นรมย์ของการเล่นลำพัง คือการที่เราได้โอบรับความไม่สมบูรณ์เหล่านั้นไว้อย่างเต็มหัวใจ
โดยไม่ต้องพะวงกับสายตาจับผิดของใคร
ดนตรีสอนให้ผมเข้าใจว่าคอร์ดที่ผิดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเดินทาง ...ไม่ใช่จุดจบ
หากเรามัวแต่ชะงักงันเพียงเพราะเสียงเดียวที่เพี้ยนไป เพลงรักทั้งเพลงคงไม่มีวันเดินทางไปถึงท่อนฮุกที่รออยู่
ชีวิตคนเราก็ดำเนินไปในท่วงทำนองเดียวกัน
อาจมีการตัดสินใจที่พลั้งพลาด หรือถ้อยคำที่หลุดปากไปบ้าง
หากเรายอมรับและฟังให้รู้ว่าผิดตรงไหน แล้วค่อยๆ ประคองใจกลับมาสู่คีย์เดิม ท่วงทำนองในช่วงต่อไปก็ยังคงไพเราะงดงามได้เสมอ
ผมปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับเสียงเพลง ระบายความกังวลที่สะสมมาทั้งวันให้ไหลผ่านปลายนิ้วออกไปเรื่อยๆ
จะไพเราะหรือแปร่งปร่าบ้างก็ไม่สำคัญเท่ากับความจริงที่ว่า... ทุกตัวโน้ตนั้นกลั่นออกมาจากใจของเราเอง
จวบจนเวลาที่เก็บกีตาร์ลงกระเป๋า สิ่งที่หลงเหลืออยู่ในใจอาจไม่ใช่ความรู้สึกว่าเก่งกาจขึ้น หากแต่เป็นความรู้สึกเบาสบายอย่างน่าประหลาด
เพียงเท่านี้ก็เติมเต็มยามเช้าให้สมบูรณ์แล้ว
เพราะที่สุดแล้วความสุขอาจเรียบง่ายเพียงแค่การอนุญาตให้ตัวเองได้บรรเลงเพลงชีวิตในแบบที่เป็น
แม้จะมีร่องรอยของความผิดพลาดปะปนอยู่บ้างก็ตาม...
#JakkDiary #Siamstr