"ชื่อที่ถูกกู้คืน" ...แด่คนที่ขังตัวเองไว้ในความผิดพลาด image ไม่กี่วันก่อน... ความเงียบของกล่องข้อความถูกทำลายด้วยชื่อหนึ่ง ชื่อที่หายไปจากวงโคจรเกือบสามปีเต็ม ตัวอักษรเรียงกันด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย แต่ก็แบกน้ำหนักอะไรบางอย่างเอาไว้มหาศาล “สวัสดีครับพี่ตั้ม... เวลามันผ่านไปไวจริง ๆ ผมไม่อยากผัดวันไปเรื่อย ๆ อีกแล้ว ช่วงที่ผ่านมา ผมเอาเสียงในหัวมาบั่นทอนตัวเองเยอะไป... ผมคิดถึงช่วงที่ได้สร้างแรงถีบในคอมมูนี้ครับ” อ่านจบผมนิ่งไปพักใหญ่... ความเงียบนั้นไม่ได้ว่างเปล่า... มันอัดแน่นด้วยความยินดีที่รู้ว่า “เขา” หาทางกลับมาเจอ ย้อนกลับไปในปี 2022 ในวันที่โลกคริปโตยังเป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ บนกลุ่มดิสคอร์ดชื่อ Local Bitcoin Thailand ยุคที่ยังไร้ชื่อ Right Shift คอมมูนิตี้ยังไร้รูปทรงที่ชัดเจน วงล้อมวันนั้นมีคนเพียงไม่กี่คน อาจารย์ขิง อาร์ม ตั๋ง บอส คนอื่นๆ และเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อาสารับหน้าที่ดูแลหลังบ้าน ตั้งเซิร์ฟเวอร์ จัดหมวดหมู่ คอยเปิดประตูต้อนรับคนแปลกหน้า เดิมทีเขาสนใจสินทรัพย์ดิจิทัลในภาพกว้าง ไม่ได้เจาะจงบิตคอยน์ แต่การซึมซับ บทสนทนา และการถกเถียง ค่อย ๆ เปลี่ยนเขาไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งเขากล้าเรียกตัวเองว่า “บิตคอยเนอร์” ได้เต็มเสียง เขาอยู่ตรงนั้น... ในเงาของงานหลายอย่าง ตั้งแต่จัดระเบียบกลุ่ม จนถึงมีตอัพสีส้มครั้งแรกท่ามกลางกลิ่นโรงเบียร์มิตรสัมพันธ์ งานแปลหนังสือ เว็บบทความ ฯลฯ แม้นามจะไม่ปรากฏบนหน้าเพจ... ทว่ารอยนิ้วมือของเขากลับประทับแน่นอยู่บนอิฐก้อนแรก ๆ ของที่นี่ สำหรับผม เขาคือหนึ่งในราก รากแขนงเล็ก ๆ ที่ช่วยพยุงต้นไม้ต้นนี้ในวันที่ลมยังแรง แล้วชีวิตก็ผลักเขาเข้าสู่ทางแคบ... จุดที่ต้องตัดสินใจด้วยความเร็วสูง การเรียน การเลี้ยงชีพ ความฝันที่จะดูแลตัวเอง... ทุกอย่างวิ่งเข้ามาชนพร้อมกัน เขาจำเป็นต้องหาเงิน ต้องประคองอนาคต จนจำยอมเลือกเส้นทางที่เร่งรีบ เส้นทางที่ต้องแลกด้วยศรัทธาบางอย่างที่เคยสร้างไว้ รายละเอียดไม่จำเป็นต้องขุดซ้ำ แต่ในวันที่เขาจะหายไปจากวงโคจร เรามีโอกาสคุยกันยาวครั้งหนึ่ง เสียงของเขามีรอยร้าว ความเหนื่อย ความสับสน และความเสียใจที่ไหลปนออกมาในจังหวะหายใจ ผมบอกเขาไปเพียงสั้น ๆ ให้เวลาไปจัดการชีวิต... เอาให้รอด เอาให้นิ่ง วันไหนเบาลง อยากกลับมา ประตูบานเดิมก็ไม่ได้ล็อก สิ้นบทสนทนานั้น เขาเงียบหายไปจากกลุ่ม ไม่ได้หายไปจากโลก แค่หายไปจากพื้นที่ที่เขาเคยอนุญาตให้ตัวเองมีความสุข สามปีผ่านไป... คอมมูนิตี้เติบโต กิ่งก้านขยาย กลุ่มใหม่ผุดขึ้น สายสัมพันธ์ถักทอ งานอีเวนต์และเรื่องเล่ามากมายหลั่งไหล ในสายตาคนนอก มันคือภาพความสนุก แต่ในสายตาของคนที่เคยก่ออิฐก้อนแรก... ภาพเหล่านี้คงมีรสชาติที่ขมปร่า ผมเชื่อว่าเขายังอยู่... นั่งอยู่เงียบ ๆ ตรงมุมมืดสักแห่งหลังหน้าจอ มองดูการเติบโตด้วยความยินดี... และความน้อยเนื้อต่ำใจในเวลาเดียวกัน เขาเล่าให้ฟังในข้อความล่าสุดว่า ตลอดช่วงที่หายไป เสียงในหัวเล่นวนอยู่ประโยคเดียว “ทำไมวันนั้นถึงเลือกแบบนั้น?” เขาพิพากษาตัวเองซ้ำ ๆ ทุกวัน โทษหนักจนไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเท้ากลับเข้ามาในที่ที่เคยรัก เรื่องของเขาทำให้ผมย้อนกลับมาเปิดพจนานุกรมในใจ ที่ๆ ผมพยายามลบคำว่า “ล้มเหลว” ทิ้งไปตั้งนานแล้ว อยากมองทุกการสะดุดเป็นค่าเทอมของปัญญา ในเมื่อมันสอนเราได้ชัดเจนว่า “อะไรไม่ควรทำซ้ำ” เราจะไม่เรียกมันว่าการก้าวเดินได้อย่างไร? เราโทษตัวเองได้ครับ... การรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองคือความงดงามของมนุษย์ เพียงแต่อีกด้านหนึ่ง... หากนิ้วที่ชี้เข้าหาตัวเองไม่เคยลดลงเลย นิ้วนั้นจะกลายเป็นกรงขัง และเราจะขังตัวเองไว้ในห้องมืดของความละอายตลอดไป การโทษตัวเองไม่ควรเป็นคำพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต มันควรเป็นแค่บทเรียนบทหนึ่ง... อ่านให้จบ แล้วพลิกหน้าต่อไป ผมบอกเขา... ในสายตาผม เขาไม่ใช่คนทรยศเส้นทาง เขาเป็นแค่คนที่เหนื่อย จนเผลอเลี้ยวเข้าซอยแคบไปชั่วคราว กลับรถลำบากอยู่พักใหญ่ แต่สุดท้าย... เขาก็หาทางกลับมาเจอถนนหลักจนได้ เราไม่จำเป็นต้องชดใช้ความผิดพลาดด้วยการเนรเทศตัวเองจากความสุขตลอดกาล แค่รู้ว่าเลือกพลาด ก็พอแล้ว หลังจากนั้นคือแบบฝึกหัดของการ “วางไม้พายลง” รู้จักให้อภัยตัวเอง แล้วค่อย ๆ หันหัวเรือกลับมา วิธีกลับมาไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ ไม่ต้องเริ่มโปรเจกต์กู้โลก เพียงแค่ออกมาเชื่อมกับผู้คนที่กำลังลงมือทำ มายืนอยู่ข้างเวที ช่วยยกโต๊ะ ช่วยฟัง ช่วยหัวเราะ เดี๋ยวงานที่เหมาะมือจะไหลมาหาเอง ที่นี่ไม่ได้ต้องการคนสมบูรณ์แบบ ต้องการแค่คนที่พร้อมจะเรียนรู้... และลุกขึ้นเดินใหม่ไปด้วยกัน ผมไม่รู้ว่าในวันที่คุณอ่านมาถึงบรรทัดนี้ ในใจคุณมี “คนตัวเล็ก ๆ” ซ่อนตัวอยู่มุมไหนบ้างหรือเปล่า คนที่เคยพลาด เคยเปลี่ยนทาง แล้วใช้เวลาหลายปีลงโทษตัวเองอยู่เงียบ ๆ ในห้องขังที่สร้างเอง ถ้าใช่... ผมอยากจะบอกเบา ๆ ว่า โทษตัวเองได้นะ... แต่อย่าให้นานเกินไป อย่าให้เสียงนั้นดังจนกลบโอกาสที่จะเริ่มใหม่ วันหนึ่งหากคุณเดินเข้ามาในงานของเรา แล้วมีน้องคนหนึ่งเดินมาทักด้วยรอยยิ้มเขิน ๆ ว่า.. “สวัสดีครับ ผมชื่อแฮ่มครับ” ผมฝากยิ้ม ฝากคำทักทาย และฝากอ้อมกอดจากทุกคนไว้ล่วงหน้า เพื่อต้อนรับเขา... และโอบกอดส่วนหนึ่งในตัวเราทุกคน ที่ต่างกำลังหาทางกลับบ้านอยู่เหมือนกัน #JakkDiary #Siamstr

Replies (2)