Thread

Zero-JS Hypermedia Browser

Relays: 5
Replies: 0
Generated: 07:27:55
image ฉลอง 17 ปี #Bitcoin Whitepaper Day ด้วย 17 Fun Facts เกี่ยวกับ Bitcoin White Paper !!! 🤩 🗓️ 1. วันนี้ เป็นวันครบรอบ 17 ปี ที่ White Paper ของเครือข่าย Bitcoin ถูกเผยแพร่สู่สาธารณชน โดย Satoshi Nakamoto ตัวผู้สร้าง #BTC เอง วันนี้ เดือนนี้ เมื่อ 17 ปีก่อน (31 ตุลาคม 2008) จึงนับเป็นวันปล่อย White Paper แบบทางการ ! (ผู้ที่ได้รับกลุ่มแรกคือเหล่า Mailing List) 📃 2. Bitcoin White Paper ยาวเพียง 2,736 คำ สั้นกว่าเปเปอร์วิชาการทั่วไปโดยเฉลี่ยราวครึ่งหนึ่ง (เปเปอร์วิชาการยาวเฉลี่ย 4,000 ถึง 10,000 คำ) 📛 3. มีคำว่า Bitcoin ในเปเปอร์เพียงแค่ 2 ครั้ง หลายคนเชื่อว่า Satoshi Nakamoto ไม่ได้คิดไว้ และอาจจะมาตั้งชื่อโปรเจ็กต์นี้ว่า Bitcoin ทีหลัง โดยมีหลักฐานปรากฎไว้ด้วยว่า ซาโตชิ "อาจจะ" ตั้งใจเรียก “Electronic Cash” หรือ “Netcoin” ในตอนเริ่มคิดโปรเจ็กต์ (เดี๋ยวแปะวาร์ปให้555) ⏲ 4. ใน White Paper ไม่มีคำว่า "blockchain" และไม่มีคำว่า "cryptocurrency" แม้แต่คำเดียว แต่ซาโตชิเรียกสิ่งที่ทำหน้าที่ blockchain ว่า... "เซิร์ฟเวอร์ประทับเวลา" (timestamp server) ส่วนเปเปอร์เวอร์ชั่นก่อนหน้า เรียก "timechain" 📦 5. คำที่ใช้บ่อยที่สุด คือ คำว่า "block" โดย "บล็อก" คือชุดธุรกรรมที่ได้รับการ... "ประทับเวลา" ลงบนบล็อกเชนแล้ว และได้รับ "การอนุมัติว่าถูกต้อง" จากเครือข่าย Bitcoin ซึ่งคำนี้ถูกใช้บ่อยถึง 48 ครั้งใน White Paper ทั้งนี้คือไม่ได้นับพวกที่เติม s ต่อท้ายนะสหาย เช่น คำว่า "transaction" กับ "transactions" จะนับว่าเป็นคนละคำกัน คำไหนถูกใช้กี่ครั้งว่าไป ทั้งสองคำจะไม่ถูกนับจำนวนการใช้รวมกันนะ 🔢 6. ไม่ได้มีสมการคณิตศาสตร์เยอะขนาดนั้น หลายคนอาจเข้าใจว่าเปเปอร์นี้ต้อง Geek มาก คงมีสมการทางคณิตศาสตร์เต็มไปหมดแน่เลย แต่ความจริง "ไม่ใช่เลย" สหาย นับทั้งเปเปอร์ ประกอบด้วยสมการทางคณิตศาสตร์ทั้งหมด... เพียงแค่ "3 สมการ" เท่านั้น (เดี๋ยวแปะวาร์ป) แถมนิด ทั้ง 3 สมการที่ยกขึ้นมาประกอบนั้น... เพื่อแสดงให้เห็นถึงความน่าจะเป็นที่จะมีคน... โจมตีหรือขัดขวางเครือข่าย Bitcoin ได้นั่นเอง คนอ่านจะได้เห็นภาพว่าเครือข่ายปลอดภัย 💪 ✍ 7. ซาโตชิเขียนโค้ดก่อนเขียนเปเปอร์ โดยมีข้อความที่เขาเคยบอกว่าเขานั้น... เขียนโค้ดอยู่ราว 2 ปีก่อนปล่อยเปเปอร์ 🗣 8. Bitcoin White Paper มีการอ้างอิง ถึงแหล่งข้อมูล 8 รายการ ซึ่งในนั้นมีพูดถึง โปรเจ็กต์ที่พยายามจะสร้างเงินสดดิจิทัล อย่าง B-money โดย Wei Dei และพูดถึง Hashcash โดย Adam Back ด้วยเช่นกัน และในปัจจุบัน ก็มีเพียงแค่ Adam Back ที่ยังมีมีส่วนร่วมอยู่ในโลกคริปโตทุกวันนี้ (หมายถึงในบรรดาชื่อคนทีพูดถึงอะนะ555) 💻 9. มีการระบุว่า CPU ใช้สร้างบล็อก ใน White Paper ระบุว่าพลังงานจาก CPU จะถูกใช้เพื่อสร้างบล็อก ซึ่งไม่ใช่แล้ว ! ปัจจุบันข้อนี้จึงไม่ได้ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะพลังงานคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ ที่ใช้กันในเครือข่าย มาจากเครื่อง ASIC 🎃 10. จงใจปล่อยในวัน Halloween ?! วันที่และเวลาแบบเป๊ะ ๆ ที่ปล่อยเปเปอร์ คือ... "วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม" !!! ปี 2008 ณ ตอน 14:10 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออก หลายคนจึงคาดเดาว่าเป็นการ "ตั้งใจ" เพื่อจะได้เล่นกับธีมของวัน Halloween ในเรื่อง "การดับสูญและเกิดสิ่งใหม่" สื่อถึงช่วงเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยเก่า ที่เงินแบบเก่ากำลังจะได้เวลาจบไป และได้เวลากำเนิดยุคสมัยเงินใหม่ขึ้น แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันได้เลย เป็นเพียงการคิดต่อยอดกันเองเท่านั้น 🤏 11. ไม่มีการพูดเรื่อง 21 ล้านเหรียญ !!! หลายคนเชื่อว่าเรื่อง Bitcoin จะมีกี่เหรียญ ซาโตชิน่าจะตัดสินใจเป็นส่วนท้าย ๆ สุดเลย เพราะในเปเปอร์ไม่มีพูดถึงแม้แต่คำเดียว มาประกาศเรื่องนี้เอาตอน มกราคม ปี 2009 🔥 12. เป็นที่ถกเถียงยับตอนเปเปอร์ออก ! เหล่า Mailing List (รายชื่อผู้จะได้รับอีเมล) ต่างถกเถียงกันดุเดือดหลังเปเปอร์ออกมา จนผู้ดูแลต้องเข้ามาแทรกกลางและห้ามไว้ โดยบอกให้คุยกันแค่เรื่องโปรโตคอลเท่านั้น หยุดลามไปจวกเงิน Fiat, ภาษี, หรืออื่น ๆ และถ้าอยากคุยให้ก็ทำ Mailing List แยก ซึ่ง Satoshi และ Hal Finney ก็ทำแยกจริง 🤔 13. คนแรกที่ตอบกลับเปเปอร์ยังอยู่ ! James A. Donald คือคนแรกที่ตอบกลับ เพื่อแสดงความเห็นที่มีต่อ White Paper ซึ่งทุกวันนี้เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่ตอนนั้น... เขาดันไม่เชื่อด้วยซ้ำว่ามันจะสำเร็จได้จริง 😎 14. Hal Finney นี่แหละของแทร่ !!! เขาคือคนทดลองใช้งาน Bitcoin คนแรก และให้การสนับสนุนซาโตชิเรื่อยมาแต่เดิม ทันทีที่ได้อ่าน White Paper เขาพูดเลยว่า ระบบ Proof of Work นี่แหละ เป็นแนวคิด ที่ "มีแนวโน้มจะสำเร็จสูงมาก ๆ" 💪 ⚖ 15. White Paper โดนกฎหมายโจมตี หลายคนตอนนั้นก็ดราม่ากันยับ ไม่แฟร์เลย แต่ช่างเถอะ เพราะมันทำให้แข็งแกร่งขึ้น หลัง White Paper โดนสั่งลบ ก็มีเว็บไซต์ หลายแห่งทั่วโลกช่วยกันกระจายให้เลย แม้แต่เว็บของภารรัฐสหรัฐและเมืองไมอามี ก็มี White Paper นี้แปะบนหน้าเว็บเช่นกัน แม้แต่บริษัทมหาชน อย่าง บริษัท Block และบริษัท Microstrategy ก็ด้วย อิอิ ! 💪 📱 16. บางส่วนของเปเปอร์ก็ไม่ได้ไปต่อ ใน White Paper ซาโตชิเคยมีเสนอเรื่อง การแก้ปัญหาด้าน Scaling เอาไว้ โดยใช้ "Simple Payment Verification (SPV)" เป็นแนวคิดที่จะทำให้ผู้ใช้ยืนยันธุรกรรม โดยไม่ต้องดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมดมา ไม่ต้องดึงมาหมดทั้งเครือข่ายบล็อกเชน แต่แนวคิดนี้ยังมีช่องโหว่และไม่ได้ไปต่อ (ซึ่งซาโตชิก็รู้ ไม่ได้บอกว่ามันสมบูรณ์) ข้อเสนอนี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้ในท้ายที่สุด ไม่ได้ถูกพัฒนาต่อ และมีทางอื่นมาแทน 🌐 17. เว็บไซต์แรกที่ให้โหลดเปเปอร์ คือ "Bitcoin .org" ปัจจุบันก็ยังมีอยู่นะ แถมมีให้เลือกโลดมากกว่า 40 ภาษา แต่ประเด็นคือ... ข้าได้ยินมาว่าเว็บนี้นั้น เคยมีประวัติโดนแฮ็คอยู่ และเคยมีเหตุ ปล่อย client เวอร์ชั่นอันตรายลงในเว็บ ใครจะเข้าไปยุ่งอะไรกับเว็บนี้ก็ดูให้ดีนะ เสียหายโทษใครไม่ได้ เช็คกันเอง555 จบแล้วกับ 17 Fun Facts เกี่ยวกับ #Bitcoin White Paper เพื่อฉลอง ครบรอบ 17 ปี Whitepaper Day อ่านกันเพลิน ๆ นะ ว๊าาาฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🧙‍♂️ #พ่อมดคริปโต #siamstr
2025-10-31 15:46:36 from 1 relay(s)
Login to reply