ฉลอง 17 ปี #Bitcoin Whitepaper Day ด้วย 17 Fun Facts เกี่ยวกับ Bitcoin White Paper !!! 🤩
🗓️ 1. วันนี้ เป็นวันครบรอบ 17 ปี ที่ White Paper
ของเครือข่าย Bitcoin ถูกเผยแพร่สู่สาธารณชน
โดย Satoshi Nakamoto ตัวผู้สร้าง #BTC เอง
วันนี้ เดือนนี้ เมื่อ 17 ปีก่อน (31 ตุลาคม 2008)
จึงนับเป็นวันปล่อย White Paper แบบทางการ !
(ผู้ที่ได้รับกลุ่มแรกคือเหล่า Mailing List)
📃 2. Bitcoin White Paper ยาวเพียง 2,736 คำ
สั้นกว่าเปเปอร์วิชาการทั่วไปโดยเฉลี่ยราวครึ่งหนึ่ง
(เปเปอร์วิชาการยาวเฉลี่ย 4,000 ถึง 10,000 คำ)
📛 3. มีคำว่า Bitcoin ในเปเปอร์เพียงแค่ 2 ครั้ง
หลายคนเชื่อว่า Satoshi Nakamoto ไม่ได้คิดไว้
และอาจจะมาตั้งชื่อโปรเจ็กต์นี้ว่า Bitcoin ทีหลัง
โดยมีหลักฐานปรากฎไว้ด้วยว่า ซาโตชิ "อาจจะ"
ตั้งใจเรียก “Electronic Cash” หรือ “Netcoin”
ในตอนเริ่มคิดโปรเจ็กต์ (เดี๋ยวแปะวาร์ปให้555)
⏲ 4. ใน White Paper ไม่มีคำว่า "blockchain"
และไม่มีคำว่า "cryptocurrency" แม้แต่คำเดียว
แต่ซาโตชิเรียกสิ่งที่ทำหน้าที่ blockchain ว่า...
"เซิร์ฟเวอร์ประทับเวลา" (timestamp server)
ส่วนเปเปอร์เวอร์ชั่นก่อนหน้า เรียก "timechain"
📦 5. คำที่ใช้บ่อยที่สุด คือ คำว่า "block"
โดย "บล็อก" คือชุดธุรกรรมที่ได้รับการ...
"ประทับเวลา" ลงบนบล็อกเชนแล้ว และได้รับ
"การอนุมัติว่าถูกต้อง" จากเครือข่าย Bitcoin
ซึ่งคำนี้ถูกใช้บ่อยถึง 48 ครั้งใน White Paper
ทั้งนี้คือไม่ได้นับพวกที่เติม s ต่อท้ายนะสหาย
เช่น คำว่า "transaction" กับ "transactions"
จะนับว่าเป็นคนละคำกัน คำไหนถูกใช้กี่ครั้งว่าไป
ทั้งสองคำจะไม่ถูกนับจำนวนการใช้รวมกันนะ
🔢 6. ไม่ได้มีสมการคณิตศาสตร์เยอะขนาดนั้น
หลายคนอาจเข้าใจว่าเปเปอร์นี้ต้อง Geek มาก
คงมีสมการทางคณิตศาสตร์เต็มไปหมดแน่เลย
แต่ความจริง "ไม่ใช่เลย" สหาย นับทั้งเปเปอร์
ประกอบด้วยสมการทางคณิตศาสตร์ทั้งหมด...
เพียงแค่ "3 สมการ" เท่านั้น (เดี๋ยวแปะวาร์ป)
แถมนิด ทั้ง 3 สมการที่ยกขึ้นมาประกอบนั้น...
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความน่าจะเป็นที่จะมีคน...
โจมตีหรือขัดขวางเครือข่าย Bitcoin ได้นั่นเอง
คนอ่านจะได้เห็นภาพว่าเครือข่ายปลอดภัย 💪
✍ 7. ซาโตชิเขียนโค้ดก่อนเขียนเปเปอร์
โดยมีข้อความที่เขาเคยบอกว่าเขานั้น...
เขียนโค้ดอยู่ราว 2 ปีก่อนปล่อยเปเปอร์
🗣 8. Bitcoin White Paper มีการอ้างอิง
ถึงแหล่งข้อมูล 8 รายการ ซึ่งในนั้นมีพูดถึง
โปรเจ็กต์ที่พยายามจะสร้างเงินสดดิจิทัล
อย่าง B-money โดย Wei Dei และพูดถึง
Hashcash โดย Adam Back ด้วยเช่นกัน
และในปัจจุบัน ก็มีเพียงแค่ Adam Back
ที่ยังมีมีส่วนร่วมอยู่ในโลกคริปโตทุกวันนี้
(หมายถึงในบรรดาชื่อคนทีพูดถึงอะนะ555)
💻 9. มีการระบุว่า CPU ใช้สร้างบล็อก
ใน White Paper ระบุว่าพลังงานจาก CPU
จะถูกใช้เพื่อสร้างบล็อก ซึ่งไม่ใช่แล้ว !
ปัจจุบันข้อนี้จึงไม่ได้ถูกต้องเสียทีเดียว
เพราะพลังงานคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่
ที่ใช้กันในเครือข่าย มาจากเครื่อง ASIC
🎃 10. จงใจปล่อยในวัน Halloween ?!
วันที่และเวลาแบบเป๊ะ ๆ ที่ปล่อยเปเปอร์
คือ... "วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม" !!! ปี 2008
ณ ตอน 14:10 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออก
หลายคนจึงคาดเดาว่าเป็นการ "ตั้งใจ"
เพื่อจะได้เล่นกับธีมของวัน Halloween
ในเรื่อง "การดับสูญและเกิดสิ่งใหม่"
สื่อถึงช่วงเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยเก่า
ที่เงินแบบเก่ากำลังจะได้เวลาจบไป
และได้เวลากำเนิดยุคสมัยเงินใหม่ขึ้น
แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันได้เลย
เป็นเพียงการคิดต่อยอดกันเองเท่านั้น
🤏 11. ไม่มีการพูดเรื่อง 21 ล้านเหรียญ !!!
หลายคนเชื่อว่าเรื่อง Bitcoin จะมีกี่เหรียญ
ซาโตชิน่าจะตัดสินใจเป็นส่วนท้าย ๆ สุดเลย
เพราะในเปเปอร์ไม่มีพูดถึงแม้แต่คำเดียว
มาประกาศเรื่องนี้เอาตอน มกราคม ปี 2009
🔥 12. เป็นที่ถกเถียงยับตอนเปเปอร์ออก !
เหล่า Mailing List (รายชื่อผู้จะได้รับอีเมล)
ต่างถกเถียงกันดุเดือดหลังเปเปอร์ออกมา
จนผู้ดูแลต้องเข้ามาแทรกกลางและห้ามไว้
โดยบอกให้คุยกันแค่เรื่องโปรโตคอลเท่านั้น
หยุดลามไปจวกเงิน Fiat, ภาษี, หรืออื่น ๆ
และถ้าอยากคุยให้ก็ทำ Mailing List แยก
ซึ่ง Satoshi และ Hal Finney ก็ทำแยกจริง
🤔 13. คนแรกที่ตอบกลับเปเปอร์ยังอยู่ !
James A. Donald คือคนแรกที่ตอบกลับ
เพื่อแสดงความเห็นที่มีต่อ White Paper
ซึ่งทุกวันนี้เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่ตอนนั้น...
เขาดันไม่เชื่อด้วยซ้ำว่ามันจะสำเร็จได้จริง
😎 14. Hal Finney นี่แหละของแทร่ !!!
เขาคือคนทดลองใช้งาน Bitcoin คนแรก
และให้การสนับสนุนซาโตชิเรื่อยมาแต่เดิม
ทันทีที่ได้อ่าน White Paper เขาพูดเลยว่า
ระบบ Proof of Work นี่แหละ เป็นแนวคิด
ที่ "มีแนวโน้มจะสำเร็จสูงมาก ๆ" 💪
⚖ 15. White Paper โดนกฎหมายโจมตี
หลายคนตอนนั้นก็ดราม่ากันยับ ไม่แฟร์เลย
แต่ช่างเถอะ เพราะมันทำให้แข็งแกร่งขึ้น
หลัง White Paper โดนสั่งลบ ก็มีเว็บไซต์
หลายแห่งทั่วโลกช่วยกันกระจายให้เลย
แม้แต่เว็บของภารรัฐสหรัฐและเมืองไมอามี
ก็มี White Paper นี้แปะบนหน้าเว็บเช่นกัน
แม้แต่บริษัทมหาชน อย่าง บริษัท Block
และบริษัท Microstrategy ก็ด้วย อิอิ ! 💪
📱 16. บางส่วนของเปเปอร์ก็ไม่ได้ไปต่อ
ใน White Paper ซาโตชิเคยมีเสนอเรื่อง
การแก้ปัญหาด้าน Scaling เอาไว้ โดยใช้
"Simple Payment Verification (SPV)"
เป็นแนวคิดที่จะทำให้ผู้ใช้ยืนยันธุรกรรม
โดยไม่ต้องดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมดมา
ไม่ต้องดึงมาหมดทั้งเครือข่ายบล็อกเชน
แต่แนวคิดนี้ยังมีช่องโหว่และไม่ได้ไปต่อ
(ซึ่งซาโตชิก็รู้ ไม่ได้บอกว่ามันสมบูรณ์)
ข้อเสนอนี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้ในท้ายที่สุด
ไม่ได้ถูกพัฒนาต่อ และมีทางอื่นมาแทน
🌐 17. เว็บไซต์แรกที่ให้โหลดเปเปอร์
คือ "Bitcoin .org" ปัจจุบันก็ยังมีอยู่นะ
แถมมีให้เลือกโลดมากกว่า 40 ภาษา
แต่ประเด็นคือ... ข้าได้ยินมาว่าเว็บนี้นั้น
เคยมีประวัติโดนแฮ็คอยู่ และเคยมีเหตุ
ปล่อย client เวอร์ชั่นอันตรายลงในเว็บ
ใครจะเข้าไปยุ่งอะไรกับเว็บนี้ก็ดูให้ดีนะ
เสียหายโทษใครไม่ได้ เช็คกันเอง555
จบแล้วกับ 17 Fun Facts เกี่ยวกับ
#Bitcoin White Paper เพื่อฉลอง
ครบรอบ 17 ปี Whitepaper Day
อ่านกันเพลิน ๆ นะ ว๊าาาฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🧙♂️
#พ่อมดคริปโต #siamstr
ฉลอง 17 ปี #Bitcoin Whitepaper Day ด้วย 17 Fun Facts เกี่ยวกับ Bitcoin White Paper !!! 🤩
🗓️ 1. วันนี้ เป็นวันครบรอบ 17 ปี ที่ White Paper
ของเครือข่าย Bitcoin ถูกเผยแพร่สู่สาธารณชน
โดย Satoshi Nakamoto ตัวผู้สร้าง #BTC เอง
วันนี้ เดือนนี้ เมื่อ 17 ปีก่อน (31 ตุลาคม 2008)
จึงนับเป็นวันปล่อย White Paper แบบทางการ !
(ผู้ที่ได้รับกลุ่มแรกคือเหล่า Mailing List)
📃 2. Bitcoin White Paper ยาวเพียง 2,736 คำ
สั้นกว่าเปเปอร์วิชาการทั่วไปโดยเฉลี่ยราวครึ่งหนึ่ง
(เปเปอร์วิชาการยาวเฉลี่ย 4,000 ถึง 10,000 คำ)
📛 3. มีคำว่า Bitcoin ในเปเปอร์เพียงแค่ 2 ครั้ง
หลายคนเชื่อว่า Satoshi Nakamoto ไม่ได้คิดไว้
และอาจจะมาตั้งชื่อโปรเจ็กต์นี้ว่า Bitcoin ทีหลัง
โดยมีหลักฐานปรากฎไว้ด้วยว่า ซาโตชิ "อาจจะ"
ตั้งใจเรียก “Electronic Cash” หรือ “Netcoin”
ในตอนเริ่มคิดโปรเจ็กต์ (เดี๋ยวแปะวาร์ปให้555)
⏲ 4. ใน White Paper ไม่มีคำว่า "blockchain"
และไม่มีคำว่า "cryptocurrency" แม้แต่คำเดียว
แต่ซาโตชิเรียกสิ่งที่ทำหน้าที่ blockchain ว่า...
"เซิร์ฟเวอร์ประทับเวลา" (timestamp server)
ส่วนเปเปอร์เวอร์ชั่นก่อนหน้า เรียก "timechain"
📦 5. คำที่ใช้บ่อยที่สุด คือ คำว่า "block"
โดย "บล็อก" คือชุดธุรกรรมที่ได้รับการ...
"ประทับเวลา" ลงบนบล็อกเชนแล้ว และได้รับ
"การอนุมัติว่าถูกต้อง" จากเครือข่าย Bitcoin
ซึ่งคำนี้ถูกใช้บ่อยถึง 48 ครั้งใน White Paper
ทั้งนี้คือไม่ได้นับพวกที่เติม s ต่อท้ายนะสหาย
เช่น คำว่า "transaction" กับ "transactions"
จะนับว่าเป็นคนละคำกัน คำไหนถูกใช้กี่ครั้งว่าไป
ทั้งสองคำจะไม่ถูกนับจำนวนการใช้รวมกันนะ
🔢 6. ไม่ได้มีสมการคณิตศาสตร์เยอะขนาดนั้น
หลายคนอาจเข้าใจว่าเปเปอร์นี้ต้อง Geek มาก
คงมีสมการทางคณิตศาสตร์เต็มไปหมดแน่เลย
แต่ความจริง "ไม่ใช่เลย" สหาย นับทั้งเปเปอร์
ประกอบด้วยสมการทางคณิตศาสตร์ทั้งหมด...
เพียงแค่ "3 สมการ" เท่านั้น (เดี๋ยวแปะวาร์ป)
แถมนิด ทั้ง 3 สมการที่ยกขึ้นมาประกอบนั้น...
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความน่าจะเป็นที่จะมีคน...
โจมตีหรือขัดขวางเครือข่าย Bitcoin ได้นั่นเอง
คนอ่านจะได้เห็นภาพว่าเครือข่ายปลอดภัย 💪
✍ 7. ซาโตชิเขียนโค้ดก่อนเขียนเปเปอร์
โดยมีข้อความที่เขาเคยบอกว่าเขานั้น...
เขียนโค้ดอยู่ราว 2 ปีก่อนปล่อยเปเปอร์
🗣 8. Bitcoin White Paper มีการอ้างอิง
ถึงแหล่งข้อมูล 8 รายการ ซึ่งในนั้นมีพูดถึง
โปรเจ็กต์ที่พยายามจะสร้างเงินสดดิจิทัล
อย่าง B-money โดย Wei Dei และพูดถึง
Hashcash โดย Adam Back ด้วยเช่นกัน
และในปัจจุบัน ก็มีเพียงแค่ Adam Back
ที่ยังมีมีส่วนร่วมอยู่ในโลกคริปโตทุกวันนี้
(หมายถึงในบรรดาชื่อคนทีพูดถึงอะนะ555)
💻 9. มีการระบุว่า CPU ใช้สร้างบล็อก
ใน White Paper ระบุว่าพลังงานจาก CPU
จะถูกใช้เพื่อสร้างบล็อก ซึ่งไม่ใช่แล้ว !
ปัจจุบันข้อนี้จึงไม่ได้ถูกต้องเสียทีเดียว
เพราะพลังงานคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่
ที่ใช้กันในเครือข่าย มาจากเครื่อง ASIC
🎃 10. จงใจปล่อยในวัน Halloween ?!
วันที่และเวลาแบบเป๊ะ ๆ ที่ปล่อยเปเปอร์
คือ... "วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม" !!! ปี 2008
ณ ตอน 14:10 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออก
หลายคนจึงคาดเดาว่าเป็นการ "ตั้งใจ"
เพื่อจะได้เล่นกับธีมของวัน Halloween
ในเรื่อง "การดับสูญและเกิดสิ่งใหม่"
สื่อถึงช่วงเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยเก่า
ที่เงินแบบเก่ากำลังจะได้เวลาจบไป
และได้เวลากำเนิดยุคสมัยเงินใหม่ขึ้น
แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันได้เลย
เป็นเพียงการคิดต่อยอดกันเองเท่านั้น
🤏 11. ไม่มีการพูดเรื่อง 21 ล้านเหรียญ !!!
หลายคนเชื่อว่าเรื่อง Bitcoin จะมีกี่เหรียญ
ซาโตชิน่าจะตัดสินใจเป็นส่วนท้าย ๆ สุดเลย
เพราะในเปเปอร์ไม่มีพูดถึงแม้แต่คำเดียว
มาประกาศเรื่องนี้เอาตอน มกราคม ปี 2009
🔥 12. เป็นที่ถกเถียงยับตอนเปเปอร์ออก !
เหล่า Mailing List (รายชื่อผู้จะได้รับอีเมล)
ต่างถกเถียงกันดุเดือดหลังเปเปอร์ออกมา
จนผู้ดูแลต้องเข้ามาแทรกกลางและห้ามไว้
โดยบอกให้คุยกันแค่เรื่องโปรโตคอลเท่านั้น
หยุดลามไปจวกเงิน Fiat, ภาษี, หรืออื่น ๆ
และถ้าอยากคุยให้ก็ทำ Mailing List แยก
ซึ่ง Satoshi และ Hal Finney ก็ทำแยกจริง
🤔 13. คนแรกที่ตอบกลับเปเปอร์ยังอยู่ !
James A. Donald คือคนแรกที่ตอบกลับ
เพื่อแสดงความเห็นที่มีต่อ White Paper
ซึ่งทุกวันนี้เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่ตอนนั้น...
เขาดันไม่เชื่อด้วยซ้ำว่ามันจะสำเร็จได้จริง
😎 14. Hal Finney นี่แหละของแทร่ !!!
เขาคือคนทดลองใช้งาน Bitcoin คนแรก
และให้การสนับสนุนซาโตชิเรื่อยมาแต่เดิม
ทันทีที่ได้อ่าน White Paper เขาพูดเลยว่า
ระบบ Proof of Work นี่แหละ เป็นแนวคิด
ที่ "มีแนวโน้มจะสำเร็จสูงมาก ๆ" 💪
⚖ 15. White Paper โดนกฎหมายโจมตี
หลายคนตอนนั้นก็ดราม่ากันยับ ไม่แฟร์เลย
แต่ช่างเถอะ เพราะมันทำให้แข็งแกร่งขึ้น
หลัง White Paper โดนสั่งลบ ก็มีเว็บไซต์
หลายแห่งทั่วโลกช่วยกันกระจายให้เลย
แม้แต่เว็บของภารรัฐสหรัฐและเมืองไมอามี
ก็มี White Paper นี้แปะบนหน้าเว็บเช่นกัน
แม้แต่บริษัทมหาชน อย่าง บริษัท Block
และบริษัท Microstrategy ก็ด้วย อิอิ ! 💪
📱 16. บางส่วนของเปเปอร์ก็ไม่ได้ไปต่อ
ใน White Paper ซาโตชิเคยมีเสนอเรื่อง
การแก้ปัญหาด้าน Scaling เอาไว้ โดยใช้
"Simple Payment Verification (SPV)"
เป็นแนวคิดที่จะทำให้ผู้ใช้ยืนยันธุรกรรม
โดยไม่ต้องดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมดมา
ไม่ต้องดึงมาหมดทั้งเครือข่ายบล็อกเชน
แต่แนวคิดนี้ยังมีช่องโหว่และไม่ได้ไปต่อ
(ซึ่งซาโตชิก็รู้ ไม่ได้บอกว่ามันสมบูรณ์)
ข้อเสนอนี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้ในท้ายที่สุด
ไม่ได้ถูกพัฒนาต่อ และมีทางอื่นมาแทน
🌐 17. เว็บไซต์แรกที่ให้โหลดเปเปอร์
คือ "Bitcoin .org" ปัจจุบันก็ยังมีอยู่นะ
แถมมีให้เลือกโลดมากกว่า 40 ภาษา
แต่ประเด็นคือ... ข้าได้ยินมาว่าเว็บนี้นั้น
เคยมีประวัติโดนแฮ็คอยู่ และเคยมีเหตุ
ปล่อย client เวอร์ชั่นอันตรายลงในเว็บ
ใครจะเข้าไปยุ่งอะไรกับเว็บนี้ก็ดูให้ดีนะ
เสียหายโทษใครไม่ได้ เช็คกันเอง555
จบแล้วกับ 17 Fun Facts เกี่ยวกับ
#Bitcoin White Paper เพื่อฉลอง
ครบรอบ 17 ปี Whitepaper Day
อ่านกันเพลิน ๆ นะ ว๊าาาฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🧙♂️
#พ่อมดคริปโต #siamstr
Login to reply