ช่วงนี้ผมหยุดมองตัวเลขตัวหนึ่งบ่อยเป็นพิเศษ
เลขธรรมดา ๆ ที่เห็นอยู่ทุกวันอยู่แล้ว
แต่วันหนึ่งมันกลายเป็นตำแหน่งที่ผมยืนอยู่พอดี
เลยเผลอหยิบขึ้นมาคิดต่อเงียบ ๆ
เลขนี้เขียนง่าย แค่ 4 กับ 1 วางเคียงกัน
ตอนเด็ก ๆ ผมเคยชอบเลขคู่ เลขกลม ๆ ดูเรียบร้อยน่าไว้ใจ
พอโตขึ้นกลับรู้สึกถูกชะตากับเลขที่ไม่ค่อยกลมกล่อมเท่าไร ยังไงก็หารไม่ลงตัวกับใครง่าย ๆ
เลขนี้เป็นจำนวนเฉพาะ หารได้แค่ด้วย 1 กับตัวมันเอง
ผมไม่ได้อยากอยู่คนเดียว แค่เริ่มเข้าใจมากขึ้นว่า ชีวิตไม่จำเป็นต้องลงตัวกับทุกคนทุกวงเสมอไป
บางความสัมพันธ์ห่างออก บางบทบาทค่อย ๆ วางลง เหลือเพียงไม่กี่อย่างที่อยากดูแลให้ดีจริง ๆ
เหมือนลดตัวประกอบส่วนเกินออกทีละนิด ให้เหลือแก่นที่ใจยอมรับโดยไม่ต้องเถียงกันอีก
พอมองลึกเข้าไปอีกหน่อย...
เลข 4 อยู่ข้างหน้าเหมือนเสาบ้านสี่ต้น
นึกถึงฐานที่อยากยืนให้มั่นขึ้นเรื่อย ๆ
สุขภาพที่ไม่ควรผลัดวันประกันพรุ่ง
งานที่ยังอยากทำด้วยความหมาย คนไม่กี่คนที่อยากอยู่ใกล้แล้วปลอดภัยทั้งสองฝ่าย
ส่วนเลข 1 เล็ก ๆ ข้างหลัง
เหมือนพื้นที่เล็ก ๆ ที่ยังอยากเริ่มต้นใหม่
อยากลองเป็นมือใหม่กับบางเรื่อง
ฝึกฟังให้ลึกขึ้น ฝึกวางให้บ่อยขึ้น ฝึกอยู่กับตัวเองโดยไม่ต้องหาที่พึ่งภายนอกตลอดเวลา
เมื่อก่อนเคยอยากสะสมอะไรหลายอย่าง
คำชม ตำแหน่ง โอกาส
ตอนนี้กลับสนใจคุณภาพของลมหายใจมากกว่า
อยู่ในห้องเงียบ ๆ แล้วใจเบาได้หรือเปล่า ได้นั่งกินข้าวกับคนที่รักโดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูบ่อยขนาดไหน
หัวเราะได้เต็มปอดโดยไม่ต้องแกล้งเข้มแข็งเท่าเดิมไหม
ตัวเลขที่ยืนอยู่ตรงกลางตอนนี้เลยเป็นเหมือนเครื่องเตือนว่า...
ข้างนอกไม่จำเป็นต้องเพิ่มอะไรนักแล้ว
สิ่งที่ควรเพิ่มคือเนื้อที่ว่างข้างใน ให้หัวใจไม่ต้องวิ่งตามทุกกระแสเหมือนเมื่อก่อน
บางความฝันอาจไม่ไปถึง บางเส้นทางอาจปิดไปถาวร
แปลกดี… พอยอมรับได้ ใจกลับโล่งขึ้น เหมือนได้เก็บของในห้องเก่า คัดออกเสียบ้าง เหลือไว้เฉพาะที่ยังรักจริง ๆ
ผมไม่ได้แน่ใจหรอกว่าเข้าใจโลกมากขึ้นแค่ไหน
แค่รู้สึกว่าทุกปีที่ผ่าน น้ำหนักของคำว่าพอแล้ว มันชัดขึ้นเรื่อย ๆ
ถ้าวันหนึ่งมีใครถามว่า ตัวเลขช่วงนี้สอนอะไรกับชีวิตบ้าง ก็คงตอบได้เพียงว่า...
มันชวนให้เลือกยืนบนฐานที่มั่นคงสักไม่กี่อย่าง กล้าตัดตัวประกอบที่ไม่จำเป็น
แล้วรักษาใจดวงเล็ก ๆ ให้ยังกล้าลอง กล้ารัก กล้าผิดพลาด โดยไม่ต้องรอคำยืนยันจากโลกมากเท่าเดิม
เท่านี้… ก็นับว่าเป็นของขวัญชิ้นใหญ่แล้ว
สำหรับตัวเลขที่กำลังยืนอยู่ตรงนี้
#Siamstr
เลยเผลอหยิบขึ้นมาคิดต่อเงียบ ๆ
เลขนี้เขียนง่าย แค่ 4 กับ 1 วางเคียงกัน
ตอนเด็ก ๆ ผมเคยชอบเลขคู่ เลขกลม ๆ ดูเรียบร้อยน่าไว้ใจ
พอโตขึ้นกลับรู้สึกถูกชะตากับเลขที่ไม่ค่อยกลมกล่อมเท่าไร ยังไงก็หารไม่ลงตัวกับใครง่าย ๆ
เลขนี้เป็นจำนวนเฉพาะ หารได้แค่ด้วย 1 กับตัวมันเอง
ผมไม่ได้อยากอยู่คนเดียว แค่เริ่มเข้าใจมากขึ้นว่า ชีวิตไม่จำเป็นต้องลงตัวกับทุกคนทุกวงเสมอไป
บางความสัมพันธ์ห่างออก บางบทบาทค่อย ๆ วางลง เหลือเพียงไม่กี่อย่างที่อยากดูแลให้ดีจริง ๆ
เหมือนลดตัวประกอบส่วนเกินออกทีละนิด ให้เหลือแก่นที่ใจยอมรับโดยไม่ต้องเถียงกันอีก
พอมองลึกเข้าไปอีกหน่อย...
เลข 4 อยู่ข้างหน้าเหมือนเสาบ้านสี่ต้น
นึกถึงฐานที่อยากยืนให้มั่นขึ้นเรื่อย ๆ
สุขภาพที่ไม่ควรผลัดวันประกันพรุ่ง
งานที่ยังอยากทำด้วยความหมาย คนไม่กี่คนที่อยากอยู่ใกล้แล้วปลอดภัยทั้งสองฝ่าย
ส่วนเลข 1 เล็ก ๆ ข้างหลัง
เหมือนพื้นที่เล็ก ๆ ที่ยังอยากเริ่มต้นใหม่
อยากลองเป็นมือใหม่กับบางเรื่อง
ฝึกฟังให้ลึกขึ้น ฝึกวางให้บ่อยขึ้น ฝึกอยู่กับตัวเองโดยไม่ต้องหาที่พึ่งภายนอกตลอดเวลา
เมื่อก่อนเคยอยากสะสมอะไรหลายอย่าง
คำชม ตำแหน่ง โอกาส
ตอนนี้กลับสนใจคุณภาพของลมหายใจมากกว่า
อยู่ในห้องเงียบ ๆ แล้วใจเบาได้หรือเปล่า ได้นั่งกินข้าวกับคนที่รักโดยไม่ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูบ่อยขนาดไหน
หัวเราะได้เต็มปอดโดยไม่ต้องแกล้งเข้มแข็งเท่าเดิมไหม
ตัวเลขที่ยืนอยู่ตรงกลางตอนนี้เลยเป็นเหมือนเครื่องเตือนว่า...
ข้างนอกไม่จำเป็นต้องเพิ่มอะไรนักแล้ว
สิ่งที่ควรเพิ่มคือเนื้อที่ว่างข้างใน ให้หัวใจไม่ต้องวิ่งตามทุกกระแสเหมือนเมื่อก่อน
บางความฝันอาจไม่ไปถึง บางเส้นทางอาจปิดไปถาวร
แปลกดี… พอยอมรับได้ ใจกลับโล่งขึ้น เหมือนได้เก็บของในห้องเก่า คัดออกเสียบ้าง เหลือไว้เฉพาะที่ยังรักจริง ๆ
ผมไม่ได้แน่ใจหรอกว่าเข้าใจโลกมากขึ้นแค่ไหน
แค่รู้สึกว่าทุกปีที่ผ่าน น้ำหนักของคำว่าพอแล้ว มันชัดขึ้นเรื่อย ๆ
ถ้าวันหนึ่งมีใครถามว่า ตัวเลขช่วงนี้สอนอะไรกับชีวิตบ้าง ก็คงตอบได้เพียงว่า...
มันชวนให้เลือกยืนบนฐานที่มั่นคงสักไม่กี่อย่าง กล้าตัดตัวประกอบที่ไม่จำเป็น
แล้วรักษาใจดวงเล็ก ๆ ให้ยังกล้าลอง กล้ารัก กล้าผิดพลาด โดยไม่ต้องรอคำยืนยันจากโลกมากเท่าเดิม
เท่านี้… ก็นับว่าเป็นของขวัญชิ้นใหญ่แล้ว
สำหรับตัวเลขที่กำลังยืนอยู่ตรงนี้
#Siamstr