Thread

Zero-JS Hypermedia Browser

Relays: 5
Replies: 0
Generated: 16:44:06
มี 0.1 BTC คุณรวยกว่า คนครึ่งโลกไปแล้ว - Sats And Sound Ep.57 https://youtu.be/8Q3Ie5rOLX4 คลิปนี้พูดจากความเห็นส่วนตัวร่วมกับข้อมูลสถิติที่ไปหามานะครับ ใครจะมองว่ากาว หรือ เว่อ อยากให้ฟังให้จบก่อน ผมมีเหตุผลสนับสนุนที่มีน้ำหนัก ในสังคมปัจจุบันที่หลายคนเหนื่อยกับการใช้ชีวิต เงินแต่ละเดือนหาแทบไม่พอ ข้าวของแพงขึ้น ค่าครองชีพแพงขึ้นตลอด และมันพุ่งขึ้นหลังจากที่อเมกาทํา QE ช่วงโควิด ทุกอย่างมันแย่มาเรื่อยๆ จนคําว่า รวย อาจจะไม่อยู่ในความคิดของใครหลายๆคน ในโลกที่มืดมน เต็มไปด้วยความสิ้นหวังจากเงินเฟียตที่เฟ้อตลอดเวลาเป็นอัตราเร่ง ความเฮียของเงินเฟ้อที่เสื่อมค่า มันกัดกินคุณภาพชีวิตของคนทุกวัยในระบบ แค่หาเงินใช้จ่าย ก็เดือนชนเดือน จะออมก็ลําบากแล้ว อย่าคิดจะรวยเลย เรายังมีสินทรัพย์ที่ถูกสร้างขึ้นมา ต่อต้านเงินเฟ้อ อย่างบิทคอย มันเปรียบเสมือนความหวังของคนในยุคนี้ ที่โลกการเงินเต็มไปด้วยอํานาจมืดจากเงินเฟียตที่ควบคุมทุกอย่าง บิทคอย lunch ครั้งแรกในวันที่ 3 มกราคม 2009 โดยคนที่ใช้นามแฝงว่า ซาโตชิ นากาโมโตะ ถือว่าเป็นเงินดิจิตอลเหรียญแรกที่ทําสําเร็จ ก่อนหน้านี้มีคนรู้ปัญหาเงินเฟ้อมาตั้งแต่ปี 1971 ที่เกิด Nixon shock ริบทองคําจากประชาชน กลุ่มคนที่ชื่อว่า Cypherpunk ก็ได้พยายามคิดค้น เงินดิจิตอลที่จะแก้ไขเงินเฟ้อ ป้องกันการถูกรวบศูนย์ และถูกควบคุม 40 ปี ผ่านไป จากหลายๆเทคโนโลยีมาผสมกัน ก็เกิด บิทคอยที่ใช้งานได้จริงในปี 2009 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ในช่วงวิกฤต hamburger ที่ตลาด อสังหาฯในอเมริกา พังระแนระนาด จากปี 2009 - 2025 เป็นเวลา 16 ปี ที่บิทคอยเกิดมาและ run อยู่ใน network มันก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย แต่สิ่งที่หลายๆคนเห็นชัดเจนคือ มันต้านเงินเฟ้อได้จริง ไม่มีใครควบคุมได้ และ ยิ่งโดนโจมตี ยิ่งแข็งแกร่ง ระบบ network ของบิทคอย ที่ต้องอาศัยการรันโหนด ซึ่งในช่วงเริ่มต้น มันอ่อนแอเพราะคนรันโหนดน้อย ในตอนนี้ network มันแข็งแกร่งจนแทบไม่มีใครสามารถโจมตีได้แล้ว 16 ปีที่ผ่านมาเกิดเงินเฟ้อขึ้นมหาศาล จากการ FED ที่พิมพ์เงิน เพื่อใช้หนี้ ทําสงคราม กระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึง แบงค์เอกชน ที่ใช้ระบบ fractional reserve banking ปล่อยกู้จนเกิดเงินที่ไม่มีอยู่จริงเยอะมาก ว่ากันว่าทุกครั้งที่คุณไปฝากเงิน ไปกู้เงินแบ้งก็จะเสกเงินนั้นจากอากาศขึ้นมาได้ แต่เมื่อมีบิทคอย มันทําให้ผมมีความหวังที่จะ รวย ขึ้นมาอีกครั้ง คําถามคือ เราจะต้องมี บิทคอย มูลค่าเท่าไหร่? จากรายงานความมั่งคั่งระดับโลก (Global Wealth Report) ของ Credit Suisse และ UBS ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่มีการอ้างอิงอย่างกว้างขวาง ข้อมูลการแบ่งชั้นความมั่งคั่งจะอ้างอิงจาก "ความมั่งคั่งสุทธิ" (Net Worth) ซึ่งคือมูลค่าของสินทรัพย์ทั้งหมด (เช่น เงินสด, หุ้น, อสังหาริมทรัพย์, สินทรัพย์ดิจิทัล, ฯลฯ) หักด้วยหนี้สินทั้งหมด กลุ่ม Top 1% ของโลก: ต้องมีทรัพย์สินสุทธิประมาณ $1 ล้าน หรือประมาณ 36 ล้านบาท ขึ้นไป กลุ่ม Top 5% ของโลก: ต้องมีทรัพย์สินสุทธิประมาณ $250,000 หรือประมาณ 9 ล้านบาท ขึ้นไป กลุ่ม Top 10% ของโลก: ต้องมีทรัพย์สินสุทธิประมาณ $100,000 หรือประมาณ 3.6 ล้านบาท ขึ้นไป กลุ่มที่มีความมั่งคั่งสุทธิต่ำกว่า $10,000 (ประมาณ 360,000 บาท) เป็นกลุ่มประชากรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมผู้ใหญ่ประมาณ 50-60% ของประชากรโลก คุณเห็นตัวเลขพวกนี้แล้วยังครับ ถ้าคุณมีสินทรัพย์ ประมาณ 360,000 ไทยบาท คุณก็จะรวยกว่า "คนครึ่งโลก" ไปแล้ว ซึ่งมันก็เทียบเท่ากับ 0.1 BTC ในวันนี้นั่นเอง 0.1 BTC มูลค่า 360,000 บาท ไม่น้อยเลยนะ แต่เราไม่จําเป็นต้องเก็บก้อนใหญ่ทีเดียว เราสามารถทยอยสะสมทีละน้อยๆได้ อยากให้เริ่มจาก เป้าหมายแรก 0.01 BTC ก่อนครับ ผมเคยทําคลิป ลองไปดูกันได้ ดูจบวางแผนออมได้เลย เมื่อเป้าหมาย 0.01 BTC สําเร็จ ก็มาถึงเป้าหมาย 0.1 BTC ที่ท้าทายขึ้น แต่ถ้าเราทําได้ เท่ากับว่า เราจะรวยกว่า คนครึ่งโลกนี้เลยนะ ประชากรโลกมี 8พันล้านคน ถ้าคุณมี 0.1 BTC คุณรวยกว่าคน 4พันล้านคน แล้วนะ มันน่าตกใจเหมือนจะเกินความจริง แต่มันเป็นจริงไปแล้วครับ ผมเชื่อว่า ถ้าหากคุณทําเป้า 0.01 BTC สําเร็จได้ คุณจะมีวิธีของตัวเองในการทําเป้า 0.1 BTC สําเร็จได้เหมือนกัน เงินเหมือนจะเยอะ แต่ถ้าเราทยอยเก็บ stack sats ไปเรื่อยๆ สัก2-3 ปี ก็ถึง ยิ่งหลังจากนี้อาจจะเป็นช่วงบิทคอยราคาลงในช่วงตลาดหมี คุณก็จะเก็บบิทคอยได้มากขึ้นอีกด้วย อาจจะมีคําถามว่า ทําไมต้องเก็บเป็นบิทคอย เก็บเป็นหุ้น ทองคํา อสังหาฯ เงินสด altcoin อื่นๆ ไม่ได้เหรอ มันก็มีมูลค่าเหมือนกัน??? - เงินสด ตัดออกไปก่อนเลย เพราะมูลค่าของมันจะลดลงตามเงินที่พิมพ์ออกมาเรื่อยๆ เงินเฟ้อในปัจจุบันเฉลี่ย 6-8% ทบต้น เท่ากับว่าใครเก็บเงินสดหรือเงินเฟียตไว้เฉยๆ ผ่านไป 10 ปี อํานาจการจับจ่ายจะลดลงครึ่งนึง จํานวนเงินเท่าเดิมแต่มันจะซื้อของได้น้อยลง - หุ้น สําหรับคนที่มีความรู้ มีเวลาศึกษา สามารถหาหุ้นที่ชนะเงินเฟ้อจริงๆได้เหมือนกัน แต่ที่ผมไม่ลงทุนในหุ้นเพราะผมมี บิทคอยที่เข้าใจง่ายกว่า ซับซ้อนน้อยกว่า ผลตอบแทนดีกว่ามาก และไม่ต้องมานั่งอ่านงบการเงิน ตามข่าวบริษัทย่อยๆอยู่ พวกกองทุนก็ช่วยลดภาระตรงนี้แต่เราจะไปเสียค่าธรรมเนียมกองทุนแทน หุ้นเช่น s&p 500 มูลค่าของมันไม่ได้โตตามผลประกอบการของบริษัท เพราะบริษัทพวกนี้โตมากๆแล้ว มูลค่าหุ้นมันแค่โตตามเงินเฟ้อที่อัดเข้าไปในระบบ ดังนั้นเมื่อ การวิกฤต มีการประกาศเพิ่ม-ลด ดอกเบี้ย มูลค่าปลอมๆของหุ้นเหล่านี้ก็จะขึ้นลงตามคําพูดของคนมีอํานาจ คําถามคือ สินทรัพย์ของเราที่หามาอย่างยากลําบาก ทําไมต้องมาขึ้นอยู่กับคําพูดของคนพวกนี้? อยากปลดแอกจากระบบเงินเฟียต ถ้าถือหุ้น คุณจะต้องทําผลตอบแทนให้ชนะเงินเฟ้อ (ใช้พลังชีวิตเยอะเหมือนกันนะ) ศึกษาที่เหมาะกับตัวเอง - เหรียญ altcoin อยากให้เทียบเป็นบริษัท start up ที่เสี่ยงสูง มีคนดูแล คนควบคุม และไม่ต่างจะโลกของเงินเฟียตที่เราอยู่ แค่มันถูก tokenize ให้เข้าไปในดิจิตอลเท่านั้น อยากให้ไปดูคลิป ผมขาดทุน altcoin หลักแสน คลิปนั้นเล่าละเอียดเลยว่าทําไมผมไม่ลง altcoin - อสังหาฯ ข้อนี้ผมมี 2 คลิปที่พูดถึง บิทคอยทําไมถึงดีกว่า อสังหาฯปล่อยเช่า และ ถ้าชีวิตยังไม่มั่นคง การมีบิทคอยถึงสําคัญกว่าการมีบ้าน ทั้งสองคลิปนี้จะเฉลยความยุ่งยากและผลตอบแทนที่ไม่แน่นอนของอสังหาฯ ที่ผูกติดอยู่กับโลกการเงินแบบเดิมๆ - ทองคํา ข้อนี้น่าจะดีที่สุดในที่เทียบมาแล้ว ทองคําเก็บรักษามูลค่าได้ แต่การเก็บทองจริงๆนั้นยากนะ เพราะต้องไปถอนมาเก็บในเซฟที่บ้านเอง ถ้าหากซื้อทองแล้วต้องอาศัยตัวกลางในการจัดการ และเก็บรักษาให้ มันก็มีความเสี่ยงอยู่นะ ถ้าเกิดวิกฤตทุกคนไปแห่ถอนทองคําพร้อมกันหมด เราไม่มีทางรู้เลยว่า โบรกเกอร์จะมีทองคําให้เราไหม ทองคําไม่เก็บเอง มันก็ไม่ได้เป็นของเราอยู่ดี และอีกหนึ่งข้อเสียของทองคําคือ มันเป็น physical product ที่ถูกระบบเงินเฟียตควบคุมมานาน การขนย้ายทองคํา จํานวนมากๆ ยิ่งย้ายข้ามประเทศ จะต้องขออนุญาตรัฐ และ จํากัดจํานวนด้วย คําถามคือ ทองคําของเรา ซื้อมา เก็บอย่างดี แต่พอจะขนย้าย หรือ ใช้งาน กลับมีรัฐมาควบคุม มันเป็นสินทรัพย์ของเราจริงๆเหรอ? สรุปสั้นๆว่า ทําไมผมถึงเลือกบิทคอย แทนสินทรัพย์ตัวอื่นๆ เพราะสินทรัพย์ที่กล่าวมาขั้นต้นไม่ว่าเป็น เงินสด หุ้น กองทุน อสังหาฯ ทองคํา altcoin ล้วนแต่เป็นสินทรัพย์ที่เป็นระบบเงินเฟียตที่มีอํานาจเบื้องหลังควบคุม ผ่านการดูแลโดยตัวกลาง ผมถือว่าสินทรัพย์เหล่านั้น ไม่ใช่ของเราอย่างแท้จริง เพราะเรายังต้องพึ่งระบบในการเก็บหรือ ดูแลอยู่ เขาสามารถยืดหรืออายัดสินทรัพย์เราได้ตลอดเวลา ถ้าสินทรัพย์นั้นถึงเราจะมีมากเท่าไหร่ แต่ถ้ายังอาศัยตัวกลางในการดูแล ควบคุม ย่อมมีความเสี่ยงเสมอ สินทรัพย์นั้นอาจจะไม่ใช่ของเราอย่างแท้จริง ดังนั้น ถ้าจะรวย ผมจะไม่รวยจากสินทรัพย์ที่เราควบคุมเองไม่ได้ครับ บิทคอย คือคําตอบของทุกอย่างครับ - ต่อต้านเงินเฟ้อ มูลค่าไม่ลดลง มีแต่เพิ่มขึ้น - ไร้ศูนย์กลาง ไม่มีใครควบคุม หรือ อายัดบิทคอยของเราได้ - แค่จํา seed phrase 12-24 คําเราก็สามารถพกบิทคอยออกไปใช้ที่ไหนก็ได้ทั่วโลก โดยที่ไม่มีใครขโมยมันไปได้ - ต้องมีความรู้เรื่องการเก็บบิทคอยด้วยตัวเอง เก็บ seed phrase อย่างปลอดภัยด้วยนะ ผมเคยมีคลิปสอน โอนเข้า HW แบบจับมือทําเข้าไปดูได้ เท่านี้ คุณก็จะเป็นเจ้าของบิทคอยของคุณอย่างแท้จริง - บิทคอยคือความรับผิดชอบส่วนตัว ถ้าคุณเผลอทํา seed phrase หลุด โอนผิด บิทคอยที่มีอาจจะหายไปตลอดกาลได้เหมือนกัน ดังนั้น ต้องศึกษาและทําทุกอย่างอย่างมีสติ เป้าหมาย 0.1 BTC คุณจะรวยกว่าคนตั้งครึ่งโลก ใครจะทําได้ระยะสั้นๆก็ดี ถ้าใครมีสินทรัพย์เก่าที่แพ้เงินเฟ้อ เปลี่ยนมาเป็นบิทคอยก็ได้นะ เป้าจะถึงเร็วขึ้น แต่ถ้าใครยังไม่ไหว ก็ขยายเป้าหน่อยก็ได้ครับ แนะนําเป้าระยะกลาง 1-3 ปี ที่อยากให้เก็บให้ได้ภายใน cycle นี้ เพราะ เงินเฟ้อและราคาบิทคอยครับ จากสถิติ ราคามันจะพุ่งไปเรื่อยๆ ยิ่งแผนนานเช่นสัก 10 ปี ผมว่า เราจะเก็บบิทคอยยากขึ้น เพราะราคามันอาจจะแพง ไปมากแล้วครับ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ทยอยเก็บไป 10 ปี ก็ดีกว่าไม่เก็บเลยนะครับ สรุป 1 แค่มีบิทคอย 0.1 BTC คุณก็จะรวยกว่าคนอีกครึ่งโลกไปแล้ว 2 ปริมาณ 0.1 BTC เหมือนจะน้อย แต่ด้วยความที่บิทคอยไม่เสื่อมมูลค่า ผ่านไปนานเท่าไหร่ มูลค่ามันก็ไม่ลดลง มีแต่เพิ่มขึนเรื่อยๆ สิ่งแบบนี้หาไม่ได้ ถ้ายังถือเงินเฟียต 3 สินทรัพย์อย่างอื่นที่ยังอยู่ในระบบเงินเฟียตเดิมนั้น ก็ทําให้เรารวยขึ้นได้เหมือนกัน แต่ต้องอาศัยทั้งประสบการณ์ ความรู้ และพลังชีวิตที่มากกว่า ในเมื่อผมเจอบิทคอยแล้ว สินทรัพย์ในโลกเงินเฟียตที่ทําให้ชีวิตเรายากขึ้น แถมได้ผลตอบแทนน้อยกว่าไม่รู้จะไปถือให้เสียเวลาชีวิตทําไม 4 รวยไม่รวยอยู่ที่มายเซ็ตและความรู้ทางการเงิน "ที่ถูกต้อง" ศึกษาเงินเฟ้อก่อนเลย มันจะนําทางต่อเอง 5 บิทคอยนั้น ยิ่งซื้อช้า ยิ่งแพง ดังนั้นใครมีเป้าหมาย 0.01 BTC หรือ เป้ารวย 0.1 BTC พยายามทําให้สําเร็จใน 1-3 ปี ใน cycle ช่วงตลาดหมีที่จะมาถึงนี้ เพราะ ถ้าเป้าที่นานเกินไปสัก 5-10 ปี คุณอาจจะเก็บบิทคอยปริมาณนี้ได้ยากกว่าเดิมหลายเท่า แต่เหมือนที่บอก ถ้าไม่ไหวจริงๆค่อยเก็บก็ได้ ทยอยเก็บ 10 ปี ดีกว่าไม่ได้เก็บเลย แต่ผมเชื่อว่าคนที่ศึกษาบิทคอย และเข้าใจความเลวร้ายของเงินเฟ้อ เราจะมีแรงพลักดันให้เก็บบิทคอยสําเร็จ เพราะยิ่งช้ายิ่งโดนเงินเฟ้อทําร้ายไปเรื่อยๆ 6 การเก็บบิทคอยด้วยตัวเองใน HW ถือเป็นการรับผิดของเรา ถ้าหากเราทําหาย seed phrase หลุดบิทคอยอาจจะหายไปทั้งหมดได้เหมือนกัน ต้องระวังให้ดี 7 คุณจะรวยได้จริง ก็ต่อเมื่อ สินทรัพย์ที่คุณครอบครองอยู่นั้น เป็นของคุณ และมีคุณคนเดียวที่จัดการมันได้ #siamstr #satsandsound #btc #bitcoin #stacksats #0.1BTC
2025-09-26 09:12:21 from 1 relay(s)
Login to reply