แนวทางของดอยคำ คือทุนนิยม
คลาสสิก ที่ไม่ใช่ทุนนิยมกระแสหลักแบบในปัจจุบัน ทุนนิยมคลาสสิก ที่มองที่ " ทุน " จริงๆ ที่ไม่ใช่ทุนแค่เงินที่เป็นตัวกลางการแลกเปลี่ยน และเน้นที่กระบวนการของกลไกตลาดตามธรรมชาติ ซึ่งแนวทางทั้งหมดไม่ใช่สังคมนิยม ที่หลายคนชอบพูดกันแน่นอน
pao.siwat
pao.siwat@siamstr.com
npub17eft...0j4y
PoliticalScienceRU62 | OTA @sweat16_official | Reddy @redspin_official | Twist @mypretzelle |
OTA @lastidol_th | Pixel @pixxie_official
นั่งฟังคุณปลื้มคุยเรื่อง Bitcoin City ที่เอลซัลวาดอร์ และวิจารณ์นโยบายต่างๆ ของนายิบ บูเคเล่ แล้วรู้สึกว่าคุณปลื้มแกยังไม่เข้าจุดประสงค์ของ Bitcoin ขนาดนั้นอะ และแกยังเข้าใจรวมๆ เอา Bitcoin กับเหรียญอื่นว่าไม่ต่างกันอยู่เลย #Siamstr
ฟังอาจารย์คนนี้พูดแกบอกว่าตัวแกเองเป็นนักเศรษฐศาสตร์สายเคนเชียน และแกก็บอกว่าแกเชื่อทฤษฎีเศรษฐศาสตร์การพัฒนาที่เชื่อว่ารัฐควรจะมีบทบาทในการพัฒนาประเทศ (ซึ่งถ้าให้ชัดๆ แกนิยมเศรษฐศาสต์แนวสังคมนิยมนั่นแหละ ที่ต้องการให้รัฐมีบทบาทในการพัฒนาประเทศ)
แปลกใจไหม ไม่เลย ทุนนิยมเคนเชียนเน้นรัฐ นักการเมืองควบคุมระบบการเงิน ไม่ต่างกับสังคมนิยมที่เชื่อว่ารัฐควรจะมีบทบาทในการพัฒนาประเทศ
#siamstr
GM ath btc รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่หยุดยั้งเลย #siamstr


นั่งคิดเล่นๆ ประเทศที่มีความเป็นอิสระนิยม
libertarian มากๆ มันคือประเทศที่มีขนาดเล็กๆ อย่างราชรัฐลีชเทินชไตน์ หรือเร็วๆนี้
ที่มีข่าวว่าภูฏานทำเหมืองขุดบิตคอยน์จากพลังงานน้ำ และเป็นประเทศที่ยังมีการปกครองที่มีการสืบต่อจากอดีต ทั้งสองประเทศ #SiamSTR
PARADISE • พาราไดซ์ | ความอยุติธรรมของทุนนิยมสามานย์ต่อสังคมมนุษย์
" พนักงานบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพที่ค้นพบความจริงอันโหดร้าย (คอสต์จา อัลล์แมนน์) เดินหน้าทําภารกิจชี้เป็นชี้ตายเพื่อช่วย ภรรยา (มาร์ลีเนอ ทันซิก) ทวงคืนเวลาชีวิต 40 ปีที่เสียไป "
นี่คือประโยคสั้นๆ ที่ใช้บอกเล่าเรื่องราวคร่าวๆ
ให้ผู้ชมมีความรู้สึกอยากดูภาพยนตร์เรื่อง
PARADISE • พาราไดซ์ ทาง Netflix แค่ประโยคสั้นๆ และทีเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้นี่แหละที่ทำให้เราสนใจเลือกที่จะกดเข้าไปเพื่อรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างตั้งใจ
ซึ่งเมื่อได้ดูจนถึงบทสุดท้ายของภาพยนตร์ก็ไม่ทำให้
ผิดหวังเลยแม้แต่น้อย เป็นภาพยนตร์เรื่องนึงที่มี
เนื้อหา และบทภาพยนตร์ที่ลงตัวมากๆ ที่ทำให้ผู้ชมสามารถติดตามและสามารถขบคิดไปกับบทภาพยนตร์ในแต่ละฉาก ว่าเนื้อเรื่องจะเดินต่อไปยังไง? ตัวละครแต่ละตัวจะตัดสินใจแบบใหน?
เกริ่นมาพอสมควร เดี๋ยวจะลองเล่าบริบทของภาพยนตร์
เรื่องนี้ในแบบที่พยายามจะไม่สปอยเนื้อเรื่อง ฉากเปิดภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มจากโฆษณาในทีวีที่เกี่ยวกับสินค้าและบริการของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ ที่เชิญชวนให้คนในสังคมที่นั่น (ในเรื่องคือยุโรป) ให้เห็นความสำคัญของการขายเวลาชีวิตของตนเอง เพื่อที่จะนำไปให้กับนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ ที่บริษัทนั้นบอกว่าคนเหล่านี้จะสามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมโลกได้มากๆ ซึ่งการเลือกที่จะสละเวลาชีวิตของตนเองกับเงิน มีความคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปอย่างแน่นอน
เนื้อเรื่องของภาพยนตร์นี้มีสองคนที่เป็นตัวละคร
ดำเนินเรื่อง คนแรกคือพระเอกที่เป็นพนักงานบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ ที่มีหน้าที่เหมือนกับเซลล์ขายประกัน ที่จะต้องหาลูกค้า พูดจูงใจให้ลูกค้าที่มีความสนใจหรือ
ที่มีสถานะการเงินขัดสน และมีความจำเป็นจะต้องขายเวลาชีวิตของตัวเองเพื่อแลกกับเงิน ซึ่งพระเอกก็สามารถทำได้ดีจนเป็น Top 1 ของเซลล์บริษัทแห่งนี้
ตัวละครคนที่ 2 คือนางเอกที่เป็นภรรยาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองกับพระเอก และคงเป็นธรรมดาของคนในสังคมเมืองที่มีค่าครองชีพสูง ที่ไม่ต่างอะไรในบริบทของสังคมปัจจุบัน และคงด้วยสถานะการเงินของทั้งคู่ที่จำเป็น
จะต้องขอสินเชื่อจากธนาคาร ซึ่งทั่วไปแล้วการจะขอ
สินเชื่อจากสถาบันการเงินที่รัฐบาลรับรอง นั้นจำเป็น
จะต้องมีเครดิตที่ดีถึงจะสามารถของสินเชื่อได้
แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้เลือก "เวลาชีวิต" ของคนเรามาทำหน้าที่เสมือนกับ "เครดิต" ที่เอามาใช้ค้ำประกันเพื่อมาขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
จุดที่สำคัญของเรื่องจุดหนึ่งคือ จะมีเหตุการณ์หนึ่ง
ที่ไม่คลาดคิด ที่ทำให้นางเอกและพระเอกจำเป็นเร่งด่วนต้องไปชำระค่าสินเชื่อกับธนาคาร แต่ทั้งคู่ในขณะนั้นไม่สามารถหาสินทรัพย์อะไรอย่างอื่นได้แล้ว นอกจาก
"เวลาชีวิต" ของนางเอก ที่ได้นำไปค้ำประกันสินเชื่อ
โดยที่พระเอกไม่เคยทราบมาก่อน จุดสำคัญจุดนี้แหละที่ทำให้พระเอกจำเป็นจะต้องหาวิธีทางเพื่อให้นางเอกไม่ต้องเอา "เวลาชีวิต" ไปแลก
บริบทของสังคมที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ แสดงให้เห็นตลอดทั้งเรื่องคือ บริบทที่คนในสังคมเกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนที่มีสถานะทางการเงินมั่นคง กับคนส่วนใหญ่ในสังคมที่ได้หลงเชื่อโฆษณาชวนเชื่อของบริษัทแห่งนี้
ว่าถ้าจะสามารถทำให้สังคมโลก สังคมมนุษย์ ดีขึ้นและมีความเจริญมากกว่านี้ ควรจะมีการนำ "เวลาชีวิต" ของตนเองมาขาย เพื่อเอาไปให้กับนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์
หรือบอกว่าคนที่มีความสำคัญในการพัฒนาสังคมโลกในอนาคต ให้พวกเขาสามารถมี "เวลาชีวิต" มีมากขึ้น
และจะได้สามารถคิดนวัตกรรม เทคโนโลยี หรือมา
บริหารประเทศ เพื่อให้สังคมโลกเจริญมากยิ่งขึ้น
เมื่อเกิดความเหลื่อมล้ำในสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ (ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากในบริบทของปัจจุบัน) ก็จะเริ่มมีคนในสังคมมองเห็นปัญหาว่า ความเหลื่อมล้ำในสังคมนั้นเกิดจากอะไร และการที่คนเขียนบทภาพยนตร์ เลือกใช้เหตุการณ์ที่พระเอกช่วยนางเอกทวงคืนเวลาชีวิต 40 ปี
ที่เสียไปจากเหตุการณ์ที่ไม่คลาดคิด เป็นการที่จะพา
ผู้ชมไปสัมผัสกับเหตุการณ์ต่างๆในเรื่องแต่ละเหตุการณ์ที่จะทำให้ผู้ชมได้ขบคิดกับประเด็นต่างๆ ในบริบทของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งพวกเราอาจจะสามารถคิดและ
เชื่อมโยงมาถึงในบริบทสังคมปัจจุบันที่พวกเรากำลังใช้ชีวิตอยู่ทุกวัน
" การจะซื้อชีวิตใครสักคน
เป็นแค่อีกทางหนึ่งในการคร่าชีวิต
ผมเคยเป็นส่วนหนึ่งของมัน
ตอนนี้ผมรู้แน่แล้ว
ตราบใดที่เอออนยังอยู่
ตราบใดที่มีการถ่ายโอนเวลาชีวิตผิดกฎหมาย
ความอยุติธรรมก็คงอยู่ต่อไป "
" เวลาคุณ โอกาสคุณ ทางเลือกคุณ "
" fix money, fix the world "
ศิวัช สุรัตนวนิช
21 ตุลาคม 2567
---------------------------------------
ปล.ดูจนจบแล้วยังคิดว่าคนเขียนบท ผู้กับกับ เป็น bitcoiner หรือใครที่มีอุดมการณ์แบบอิสระนิยม (libertarian) รึป่าวนะแต่คงไม่ใช่มั้ง ในเรื่องมีบอกว่ารัฐบาลจีนพยายามพูดในเวทีระหว่างประเทศเพื่อ
ต่อต้านสหภาพฯยูโรปในเรื่องการมีกฎหมายให้สามารถ
นำเวลาชีวิตของมนุษย์มาแลกกับเงินของรัฐบาล ซึ่งถ้าลองมองเปรียบเทียบเล่นๆ กับในบริบทปัจจุบันจีนนี่ก็ไม่ต่างอะไรกับสหภาพฯยุโรป หรือสหรัฐอเมริกาฯ เลยนะ
แต่ถ้าคิดว่าคนเขียนบทมองแบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศปกติที่กลุ่มประเทศจีน รัสเซีย อินเดีย
พยามสร้างระบบการเงินศูนย์กลางแห่งใหม่แทนชาติตะวันตก ก็เป็นไปได้แหละนะ
#SiamSTR
" พนักงานบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพที่ค้นพบความจริงอันโหดร้าย (คอสต์จา อัลล์แมนน์) เดินหน้าทําภารกิจชี้เป็นชี้ตายเพื่อช่วย ภรรยา (มาร์ลีเนอ ทันซิก) ทวงคืนเวลาชีวิต 40 ปีที่เสียไป "
นี่คือประโยคสั้นๆ ที่ใช้บอกเล่าเรื่องราวคร่าวๆ
ให้ผู้ชมมีความรู้สึกอยากดูภาพยนตร์เรื่อง
PARADISE • พาราไดซ์ ทาง Netflix แค่ประโยคสั้นๆ และทีเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้นี่แหละที่ทำให้เราสนใจเลือกที่จะกดเข้าไปเพื่อรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างตั้งใจ
ซึ่งเมื่อได้ดูจนถึงบทสุดท้ายของภาพยนตร์ก็ไม่ทำให้
ผิดหวังเลยแม้แต่น้อย เป็นภาพยนตร์เรื่องนึงที่มี
เนื้อหา และบทภาพยนตร์ที่ลงตัวมากๆ ที่ทำให้ผู้ชมสามารถติดตามและสามารถขบคิดไปกับบทภาพยนตร์ในแต่ละฉาก ว่าเนื้อเรื่องจะเดินต่อไปยังไง? ตัวละครแต่ละตัวจะตัดสินใจแบบใหน?
เกริ่นมาพอสมควร เดี๋ยวจะลองเล่าบริบทของภาพยนตร์
เรื่องนี้ในแบบที่พยายามจะไม่สปอยเนื้อเรื่อง ฉากเปิดภาพยนตร์เรื่องนี้เริ่มจากโฆษณาในทีวีที่เกี่ยวกับสินค้าและบริการของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ ที่เชิญชวนให้คนในสังคมที่นั่น (ในเรื่องคือยุโรป) ให้เห็นความสำคัญของการขายเวลาชีวิตของตนเอง เพื่อที่จะนำไปให้กับนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ ที่บริษัทนั้นบอกว่าคนเหล่านี้จะสามารถทำประโยชน์ให้กับสังคมโลกได้มากๆ ซึ่งการเลือกที่จะสละเวลาชีวิตของตนเองกับเงิน มีความคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปอย่างแน่นอน
เนื้อเรื่องของภาพยนตร์นี้มีสองคนที่เป็นตัวละคร
ดำเนินเรื่อง คนแรกคือพระเอกที่เป็นพนักงานบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ ที่มีหน้าที่เหมือนกับเซลล์ขายประกัน ที่จะต้องหาลูกค้า พูดจูงใจให้ลูกค้าที่มีความสนใจหรือ
ที่มีสถานะการเงินขัดสน และมีความจำเป็นจะต้องขายเวลาชีวิตของตัวเองเพื่อแลกกับเงิน ซึ่งพระเอกก็สามารถทำได้ดีจนเป็น Top 1 ของเซลล์บริษัทแห่งนี้
ตัวละครคนที่ 2 คือนางเอกที่เป็นภรรยาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองกับพระเอก และคงเป็นธรรมดาของคนในสังคมเมืองที่มีค่าครองชีพสูง ที่ไม่ต่างอะไรในบริบทของสังคมปัจจุบัน และคงด้วยสถานะการเงินของทั้งคู่ที่จำเป็น
จะต้องขอสินเชื่อจากธนาคาร ซึ่งทั่วไปแล้วการจะขอ
สินเชื่อจากสถาบันการเงินที่รัฐบาลรับรอง นั้นจำเป็น
จะต้องมีเครดิตที่ดีถึงจะสามารถของสินเชื่อได้
แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้เลือก "เวลาชีวิต" ของคนเรามาทำหน้าที่เสมือนกับ "เครดิต" ที่เอามาใช้ค้ำประกันเพื่อมาขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
จุดที่สำคัญของเรื่องจุดหนึ่งคือ จะมีเหตุการณ์หนึ่ง
ที่ไม่คลาดคิด ที่ทำให้นางเอกและพระเอกจำเป็นเร่งด่วนต้องไปชำระค่าสินเชื่อกับธนาคาร แต่ทั้งคู่ในขณะนั้นไม่สามารถหาสินทรัพย์อะไรอย่างอื่นได้แล้ว นอกจาก
"เวลาชีวิต" ของนางเอก ที่ได้นำไปค้ำประกันสินเชื่อ
โดยที่พระเอกไม่เคยทราบมาก่อน จุดสำคัญจุดนี้แหละที่ทำให้พระเอกจำเป็นจะต้องหาวิธีทางเพื่อให้นางเอกไม่ต้องเอา "เวลาชีวิต" ไปแลก
บริบทของสังคมที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ แสดงให้เห็นตลอดทั้งเรื่องคือ บริบทที่คนในสังคมเกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนที่มีสถานะทางการเงินมั่นคง กับคนส่วนใหญ่ในสังคมที่ได้หลงเชื่อโฆษณาชวนเชื่อของบริษัทแห่งนี้
ว่าถ้าจะสามารถทำให้สังคมโลก สังคมมนุษย์ ดีขึ้นและมีความเจริญมากกว่านี้ ควรจะมีการนำ "เวลาชีวิต" ของตนเองมาขาย เพื่อเอาไปให้กับนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์
หรือบอกว่าคนที่มีความสำคัญในการพัฒนาสังคมโลกในอนาคต ให้พวกเขาสามารถมี "เวลาชีวิต" มีมากขึ้น
และจะได้สามารถคิดนวัตกรรม เทคโนโลยี หรือมา
บริหารประเทศ เพื่อให้สังคมโลกเจริญมากยิ่งขึ้น
เมื่อเกิดความเหลื่อมล้ำในสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ (ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากในบริบทของปัจจุบัน) ก็จะเริ่มมีคนในสังคมมองเห็นปัญหาว่า ความเหลื่อมล้ำในสังคมนั้นเกิดจากอะไร และการที่คนเขียนบทภาพยนตร์ เลือกใช้เหตุการณ์ที่พระเอกช่วยนางเอกทวงคืนเวลาชีวิต 40 ปี
ที่เสียไปจากเหตุการณ์ที่ไม่คลาดคิด เป็นการที่จะพา
ผู้ชมไปสัมผัสกับเหตุการณ์ต่างๆในเรื่องแต่ละเหตุการณ์ที่จะทำให้ผู้ชมได้ขบคิดกับประเด็นต่างๆ ในบริบทของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งพวกเราอาจจะสามารถคิดและ
เชื่อมโยงมาถึงในบริบทสังคมปัจจุบันที่พวกเรากำลังใช้ชีวิตอยู่ทุกวัน
" การจะซื้อชีวิตใครสักคน
เป็นแค่อีกทางหนึ่งในการคร่าชีวิต
ผมเคยเป็นส่วนหนึ่งของมัน
ตอนนี้ผมรู้แน่แล้ว
ตราบใดที่เอออนยังอยู่
ตราบใดที่มีการถ่ายโอนเวลาชีวิตผิดกฎหมาย
ความอยุติธรรมก็คงอยู่ต่อไป "
" เวลาคุณ โอกาสคุณ ทางเลือกคุณ "
" fix money, fix the world "
ศิวัช สุรัตนวนิช
21 ตุลาคม 2567
---------------------------------------
ปล.ดูจนจบแล้วยังคิดว่าคนเขียนบท ผู้กับกับ เป็น bitcoiner หรือใครที่มีอุดมการณ์แบบอิสระนิยม (libertarian) รึป่าวนะแต่คงไม่ใช่มั้ง ในเรื่องมีบอกว่ารัฐบาลจีนพยายามพูดในเวทีระหว่างประเทศเพื่อ
ต่อต้านสหภาพฯยูโรปในเรื่องการมีกฎหมายให้สามารถ
นำเวลาชีวิตของมนุษย์มาแลกกับเงินของรัฐบาล ซึ่งถ้าลองมองเปรียบเทียบเล่นๆ กับในบริบทปัจจุบันจีนนี่ก็ไม่ต่างอะไรกับสหภาพฯยุโรป หรือสหรัฐอเมริกาฯ เลยนะ
แต่ถ้าคิดว่าคนเขียนบทมองแบบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศปกติที่กลุ่มประเทศจีน รัสเซีย อินเดีย
พยามสร้างระบบการเงินศูนย์กลางแห่งใหม่แทนชาติตะวันตก ก็เป็นไปได้แหละนะ
#SiamSTRสังคมที่ผู้คนมีความต้องการสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเองอย่างรวดเร็ว
มันคือธรรมชาติของมนุษย์รึป่าว? หรือไม่ใช่?
การที่มีมนุษย์อยากมี ความต้องการที่ความมั่งคั่งมากๆ ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ซึ่งการเลือกตัดสินใจทำแบบนั้น ผิดไหม?
#siamstr
Yakihonne
สังคมที่ผู้คนมีความต้องการสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเองอย่างรวดเร็ว
มันคือธรรมชาติของมนุษย์รึป่าว? หรือไม่ใช่?
การที่มี...
คือปั่นจัดๆเลย ถ้าเป็นหุ่นยนต์จริงๆ คือขนลุกมากนะ #siamstr


internet เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ทำให้สังคมชนบทหรือ สังคมที่มีความหนาแน่นต่ำกว่าสังคมเมืองในปัจจุบันที่ ที่ทำให้ขนาดของตลาดไม่ได้มีขนาดที่จำกัดเหมือนในอดีต ซึ่งทำให้เกิดการแบ่งงานกันทำได้มากขึ้น และทำให้เกิดความหลากหลายในอาชีพได้มากกว่าในอดีต
และการที่มีโครงสร้างของคอมพิวเตอร์กระจายศูนย์ที่เชื่อมต่อกันได้โดยไม่ต้องพึ่งคอมพิวเตอร์ที่ศูนย์กลางเพียงไม่กี่แห่ง ก็จะเป็นอีกเครื่องมือที่จะทำให้ระบบตลาดมีความหลากหลายโดยไม่จำเป็นจะต้องพึ่งสังคมเมืองที่มีความหนาแน่น และสามารถถูกควบคุมจากผู้มีอำนาจในรัฐได้ง่ายกว่าในสังคมชนบท
#siamstr


อย่างเท่แสงสีแดง #siamstr


ครั้งแรกเลย โดนเฟสบุ๊คแบนโพสต์ที่แชร์จาก nostr ซึ่งอ่านเหตุผลแล้ว มันคืออะไรก็ไม่รู้ 55


อยากแนะนำคลิปของ The Cloud คลิปนี้ให้ทุกคนได้ฟังกันเบนครับ เรื่องการถ่ายทอดธุรกิจครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นของครอบครัวที่ทำซีคอน แสควร์