ในไตรมาส 1 ปี 2025 #Bitcoin มียอดธุรกรรมทะลุ $5.5 TRILLION (188 ล้านล้านบาทไทย) 💥
ของแทร่ !!! ว๊าาาฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🧙♂️
#BTC #พ่อมดคริปโต #siamstr
พ่อมดคริปโต
npub1l8dv...g6c8
สวัสดีสหาย ! ข้าชื่อ ชับบี้ เจ้าของเพจ พ่อมดคริปโต แต่เนื่องจากตอนนี้อยู่ใน Nostr ก็จะออกแนวพ่อมดบิทคอยน์แทน55555 😂
ในไตรมาส 1 ปี 2025 #Bitcoin มียอดธุรกรรมทะลุ $5.5 TRILLION (188 ล้านล้านบาทไทย) 💥
ของแทร่ !!! ว๊าาาฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🧙♂️
#BTC #พ่อมดคริปโต #siamstr
จากเหตุการณ์ #แผ่นดินไหว ที่ผ่านมา... เราได้เห็น "ความจริง" อะไรบ้าง ? 🤔
.
1️⃣ ตึกสาทร ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 2533 จนถึงปัจจุบัน สร้างไม่เสร็จเหมือนกัน แต่แข็งแรง ไม่สั่นคลอน ไม่มีแม้แต่เศษฝุ่นฟุ้งออกมา มันเลยชวนตั้งคำถามว่า "ทำไม ?"
.
ทำไมตึกที่สร้างมาตั้งแต่สมัยก่อนถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ ทั้งที่ตึก สตง. และคอนโดหรูห้องละ 10 ล้าน ยังพากันถล่ม บ้างก็ร้าวไปทั้งตึก มันเกิดจากอะไร ? สมัยก่อนมันมีอะไรต่างไปจากสมัยนี้กันนะ ?
.
การออกแบบโครงสร้าง ? วัสดุที่ใช้ ? การลดต้นทุนและลดคุณภาพในการสร้างตึก ? มันมีคำถามในเชิงคุณภาพเกิดขึ้นมากมายสำหรับตึกสมัยก่อนกับตึกสมัยนี้... ยิ่งนับวันตึกราอาคารแพงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทำไมคุณภาพและความทนทานมันแลดูสวนทางกัน ?
.
คำตอบข้าเองก็ไม่ทราบสหาย... แค่ชวนตั้งคำถามเฉย ๆ ว่า "มันเกิดจากอะไรได้บ้าง ? ทำไมเราต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งของที่เหมือนจะคุณภาพต่ำลง ?" มีอะไรผิดเพี้ยนไปในแบบที่โลกมันไม่ควรจะเป็นหรือเปล่านะ ?
.
2️⃣ อสังหาฯ อาจไม่ใช่สินทรัพย์ที่มีคุณสมบัติด้าน Durability มากมายขนาดนั้น โดยเฉพาะในบางสถานการณ์เช่นที่ผ่านมา คุณสมบัติด้านความแข็งแกร่ง ทนทาน อยู่ข้ามกาลเวลา เริ่มมีกรณีตัวอย่างที่เป็นปัญหาให้เห็น แม้เหตุการณ์เช่นนี้จะไม่ได้เกิดให้เห็นบ่อยนักก็ตาม
.
3️⃣ มีการประกาศขายคอนโดฯกันมากมายหลังเหตุการณ์นี้ อสังหาฯหลายที่เต็มไปด้วยรอยร้าวและความเสียหายทางกายภาพ เราทำได้แค่ทิ้งมัน วิ่งเอาตัวเองและของสำคัญหนีให้รอดออกไปก่อน แล้วค่อยกลับมามองดูร่องรอยเหล่านั้นหลังจากเหตุการณ์สงบลง
.
เป็นเรื่องที่ชวนหดหู่ใจเป็นอย่างมากเลยสหาย และมันก็ทำให้คิดขึ้นได้ว่า... อสังหาฯ มันพกติดตัว เคลื่อนย้ายไปด้วยกับเราไม่ได้ มันถึงเรียกว่า "อสังหาฯ" เนอะ เพราะมันแปลว่า "เคลื่อนย้ายไม่ได้"
.
ในสถานการณ์แบบนี้... ความมั่งคั่งที่เราอุตส่าห์สั่งสมมาแลดูจะไม่สามารถไปต่อกับเราได้เลย เพราะมันไม่มี Portability อสังหาฯคงไม่ได้เกิดมาเพื่อมีคุณสมบัติข้อนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ข้าเองก็คิดแล้วเจ็บปวดเหมือนกัน
.
4️⃣ สำหรับอสังหาฯ การ "เช่า" ไม่ใช่ซื้อ (แบบที่คุณ CK เคยบอก) ก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดีในบางสถานการณ์ก็ได้
.
5️⃣ เหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้เห็นว่า... "อะไรสำคัญเมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน"
.
ที่ผ่านมาเหมือนจะเป็นเรื่องตลก... เมื่อจู่ ๆ มีคนมาตั้งคำถามว่า "ถ้าเกิดสงครามใกล้ตัวเราล่ะ ? ถ้าไฟฟ้าดับทั้งโลก #Bitcoin จะอยู่ยังไง ? ถ้าเน็ตดับทั่วโลกล่ะ ? ถ้าเกิดบลา ๆ ๆ ๆ ..." เรามักตั้งคำถามสุดโต่งเหมือนราวกับจะพยายามทดสอบความแข็งแกร่งของเทคโนโลยีตัวน้อย ๆ ที่ชื่อว่า #BTC
.
แต่เมื่อวันนี้นาทีชีวิตของจริงมาใกล้ตัว มันคงทำให้หลายคนตระหนักได้ว่า "ไม่ต้องไปตั้งคำถามทดสอบความแข็งแกร่งของมันขนาดนั้นหรอก..." ตอนนาทีที่เราวิ่งหนีออกมากันจากตึก เราสนใจเรื่องอะไรก่อนล่ะ ? เราได้สนใจทรัพย์สินเงินทองของเราขนาดนั้นไหม ?
.
หลายคนคว้ามือถือ หลายคนคว้ากระเป๋าสตางค์ หลายคนอุ้มหมาอุ้มแมววิ่งออกมา หลายคนวิ่งเท้าเปล่าออกมาโดยไม่หยิบอะไรมาเลยด้วยซ้ำ นั่นแหละความเป็นจริง...
.
มันไม่ใช่อสังหาฯ ไม่ใช่หุ้นในพอร์ต ไม่ใช่ทองคำ เผลอ ๆ นาทีนั้นเราไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าเราจะเข้าถึงบัญชีธนาคารของเราได้ไหม เราแค่คว้าสิ่งสำคัญที่มันสำคัญจริง ๆ ที่มันมีค่าในชีวิตมากกว่าทรัพย์สินพวกนั้นออกมาก็พอ
.
อ่อ... แต่ก็ขอดักไว้ก่อนนะ เผื่อยังมีคนตั้งคำถามสุดโต่งอยู่ จะบอกว่า "ยังไง Bitcoin มันก็คว้าออกไปง่ายกว่าทุกอย่างในชีวิตเอ็งโว้ย !!! เอ็งเอา Private Key ออกไปได้ก็จบ จะจำใส่ในหัวไปเลยไหมล่ะ ?" มันเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะอยู่กับเราได้ทุกที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นนั่นแหละ นั่นคือศักยภาพของมัน
.
แต่ถึงเวลาจริงเราได้ให้คุณค่าสิ่งที่เรียกว่าทรัพย์สินเงินทองขนาดนั้นไหมนะ ? เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างกลับมาปกติ เราจำเป็นไหมที่จะต้องพยายามตั้งคำถามบีบให้ BTC มันเอาชนะได้ทุกอย่าง ต้องรอดในทุกสถานการณ์บนโลก
.
ความจริงมันรอดแหละ ย้ำอีกที มันมีโอกาสรอดกว่าสินทรัพย์ทุกอย่างที่เคยมีมาทั้งปวง แต่โพสต์นี้แค่ชวนคิดเฉย ๆ ว่ามันจำเป็นต้องกังวลกับมันขนาดนั้นหรือเปล่า แค่นั้นเอง ขอให้สหายข้าโชคดีมีชัย ปลอดภัยทั้งร่างกายและทรัพย์สิน รวมถึงขอให้คนที่รักและสิ่งสำคัญทั้งปวงของพวกเจ้าผ่านพ้นสถานการณ์เหล่านี้ไปได้นะ เทคแคร์ ว๊าาาฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🧙♂️❤️
#พ่อมดคริปโต #siamstr
เพราะ #Bitcoin คือสมดุลตรงกลาง...
เทคโนโลยี+เงิน+อธิปไตยส่วนบุคคล
สิ่งนั้นคือ #BTC ว๊าาาฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🧙♂️
#พ่อมดคริปโต #siamstr
มารอฟังพี่ ๆ Right Shift อ.ต๊ำ และโค้ชหนุ่ม ในธีมงาน Exit The Rat Race ยังไงล่ะสหาย !!! ว๊าาาฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🧙♂️
#พ่อมดคริปโต #siamstrบางเรื่องศึกษาก่อนก็ได้ โวะ
จะได้ไปถกกันหัวข้ออื่น.. 🤣
#Bitcoin #BTC #พ่อมดคริปโต #siamstr


วันนี้เมื่อ 12 ปีที่แล้ว เครือข่าย #Bitcoin ที่ขึ้นชื่อว่าแทรกแซงไม่ได้ เคยถูกบังคับย้อนถอยหลังกลับไป 24 บล็อก !!! 🫨
.
วันที่ 12 มีนาคม ปี 2013 ซอฟต์แวร์ลูกข่าย (reference client software) ของ Bitcoin เคยเกิด "บั๊ก" (bug) ขึ้น จนก่อปัญหาให้ซอฟต์แวร์เวอร์ชัน 0.7 และ 0.8 มีการบันทึกธุรกรรมไม่เหมือนกัน !!! 😱
.
เอาล่ะสิ... สองเวอร์ชั่นบันทึกธุรกรรมต่างกันแบบนี้ ตัวเครือข่ายบล็อกเชนก็เลยเกิดการ “Fork” แยกออกจากกันเป็น 2 เชน เป็นเรื่องเลยทีนี้...
.
เหตุเนื่องมาจากซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นที่ใหม่กว่า มันดันไปปลดล็อคข้อจำกัดบางอย่างที่เวอร์ชั่นเก่าเคยมีปัญหา (เวอร์ชั่น 0.7 ใช้ BerkleyDB ซึ่งมีข้อจำกัดอยู่ที่ 10,000 lock ในขณะที่เวอร์ชั่น 0.8 เปลี่ยนมาใช้ LevelDB ซึ่งไม่ติดข้อจำกัดนี้) ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เครื่องขุดที่ใช้ซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นใหม่กว่าดันสามารถสร้าง Block ที่ Node เวอร์ชั่นเก่าไม่สามารถตรวจสอบและบันทึกได้ กลายเป็นการแยกเชนกันโดยไม่ได้ตั้งใจ 😲
.
👉 ด้วยปัญหาตอนนั้น ชุมชน Bitcoin จึงต้องเร่งแก้ปัญหากัน (ใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่) โดยเหล่านักขุดต้องพากันย้อนกลับมาใช้เวอร์ชั่น 0.7 และย้อนกลับไป 24 บล็อก เพื่อไปเริ่มขุดกันมาใหม่ตั้งแต่บล็อกนั้น เพื่อไม่ทำให้เกิดการแยกเชน 🙏
.
นักพัฒนาซอฟต์แวร์ Bitcoin Core (ซอฟต์แวร์ที่ชาว Bitcoin ส่วนใหญ่ใช้กัน) ก็ได้มีการออกมาปรับปรุงและออกเวอร์ชั่น 0.7.2 และ 0.8.1 เพื่อให้ทั้งสองเวอร์ชั่นทำงานร่วมกันได้โดยไม่เกิดการแยกเชนอีก 📡
.
📝 สำหรับสหายที่อ่านเรื่องนี้แล้วช็อคอยู่ ใจเย็น ๆ ไม่ต้องกังวลไป เพราะช่วงนั้นนับว่าเป็น "ช่วงหัดเดิน" ของ Bitcoin การจะหกล้มบ้างขณะหัดเดินเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในวันนี้ที่เครือข่าย Bitcoin มันพร้อมออกสู่โลกกว้าง และดำเนินมาได้ถึง 10 กว่าปีแบบนี้ แสดงให้เห็นว่ามันได้เติบโตจนไม่น่ากังวลแล้ว พูดง่าย ๆ คือมันเลยช่วงปรับปรุงและพัฒนามาไกลมากแล้ว
.
📝 และสำหรับบางคนที่กังวลเรื่องการเปลี่ยนแปลงย้อนเวลาในคราอดีตนั้น จะบอกว่าใจเย็นสหาย ตอนนั้นเครือข่ายมันยังเล็กมาก เด็กหัดเดินยังไงก็ต้องมีผู้ปกครองและคุณครูร่วมกันช่วยดูแลเป็นเรื่องปกติ แต่ในยุคที่มีเครื่องขุดและ Node กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลกขนาดนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้วที่จู่ ๆ ใครจะไปสั่งการเปลี่ยนแปลงมัน ดังนั้นก็สบายใจกันได้ !!!
.
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในอดีตครั้งนั้นก็ถึงขั้นต้องถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ของ #BTC จนมีการตั้งทุกวันที่ 12 มีนาคม ของทุกปี ให้เป็นวัน "24 Block Rollback Day" หรือ "วันย้อนกลับ 24 บล็อก" บนปฏิทินของเหล่าสาวก Bitcoin กันมาจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง ว๊าฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🧙♂️
#พ่อมดคริปโต #siamstr
แต่บ้านต้องมีเพดาน ไม่งั้นฝนเข้า 🤣
#Bitcoin #BTC #พ่อมดคริปโต"ผมไม่ใช่ Dorian Nakamoto" ผู้สร้าง #Bitcoin เคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายเพื่อปกป้องคุณลุง ✍️
คงรู้เนอะสหาย... ว่าตัวตนของผู้สร้าง Bitcoin อย่าง Satoshi Nakamoto ได้หายไปจากโลกนานมากแล้ว แต่รู้ไหมว่าอะไรคือข้อความสุดท้ายก่อนแกจะหายไปถาวร ? 🤔
เรื่องมันเริ่มจากคุณลุงโชคร้ายคนนี้ เพราะเมื่อราว 11 ปีก่อน เขาเคยโดนผู้คนมากมายเข้าใจผิดว่าเป็น Satoshi Nakamoto ผู้สร้าง Bitcoin ‼
แต่จะไม่ให้เข้าใจผิดได้ยังง๊ายย ก็ลุงแกดันชื่อ "Dorian Satoshi Nakamoto" ชื่อกลางกับนามสกุลตรงเป๊ะซะขนาดนั้น 🤣
ความซวยของลุงแกคือโดนนิตยสารกระแสหลักของสหรัฐ "Newsweek" ดันตีพิมพ์ชื่อลุงแกลงในรายชื่อผู้ต้องสงสัยว่าอาจจะเป็น Satoshi Nakamoto ตัวจริง !!!
ก็ดันมีนักข่าวหญิงที่ทำงานอยู่ในเครือนิตยสารนี้ ไปตามสอดแนมลุงแกแล้วฟันธงว่าใช่ชัวร์ ๆ น่ะสิสหาย... 👀
นักข่าวหญิงเคลมว่า Satoshi Nakamoto กับ Hal Finney เคยติดต่อกันแล้วเผลอทำเรื่องพลาดจนเป็นเหตุให้ทิ้งร่องรอย IP ไว้ แล้วเลข IP ที่ว่าดันอยู่แถวลอสแองเจลิส และลุงแกก็อยู่แถวลอสแองเจลิสพอดี !! บังเอิญมาก !!! 💻
เรื่องนี้จุดประกายให้ลุงแกถูกสัมภาษณ์ไม่เว้นวัน จนหลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยกันเองต่าง ๆ นานา เช่น วุฒิการศึกษา สาขาที่จบ ประวัติส่วนตัว หรือแม้แต่ทักษะในการพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง อะไรก็โดนจับโยงกันได้หมดจุดนี้ เพราะหลายคนดันเชื่อไปแล้วว่าลุงแกคือคนสร้าง #BTC จริง ๆ 55555 😅
นับวันเรื่องยิ่งบานปลายเลยเถิดจนลุงแกมีภาวะเครียดหนักมาก คนในครอบครัวต้องพากันมาออกสื่อขอร้องให้หยุดยุ่งกับลุงแก ไม่งั้นจะเริ่มฟ้องทนายแล้ว...
ชื่อของคุณลุงได้ถูกถอดออกจากรายชื่อผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็น Satoshi Nakamoto นานแล้ว ทำให้ลุงแกเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ตั้งแต่นั้นมา แต่สิ่งที่คงไม่มีวันลบออกไปได้ คงเป็นหน้าของคุณลุงแก ที่กลายเป็นมีมไวรัลซึ่งผู้คนคงจะไม่หยุดแชร์กันง่าย ๆ แน่ (ข้าก็ขออนุญาตแชร์อีกสักครั้ง ให้เข้าใจว่าคือลุงคนในภาพนะ ขอโทษนะลุงงง) 🙏
ด้วยเหตุการณ์นี้ บัญชีของผู้สร้าง Bitcoin ตัวจริง จึงได้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมาเป็นเวลากว่า "5 ปี" โดยเขาได้โพสต์ลงเว็บไซต์ P2P Foundation ว่า "ผมไม่ใช่ Dorian Nakamoto" และข้อความนี้ก็ได้กลายเป็นข้อความสาธารณะครั้งสุดท้ายที่มีคนเห็น Satoshi Nakamoto โพสต์ ก่อนที่เขาจะหายไปตลอดกาลมาจนถึงวันนี้
และวันนี้ก็ครบรอบ 11 ปีแด่ข้อความสุดท้ายของ Satoshi Nakamoto ที่ต้องกลับมาเคลื่อนไหวในรอบ 5 ปีเพื่อช่วยคุณลุงผู้โชคร้ายเอาไว้ จึงถูกตั้งชื่อว่า... วัน "I am not Dorian Nakamoto" ว๊าาาฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🧙♂️
#พ่อมดคริปโต #siamstr
คงรู้เนอะสหาย... ว่าตัวตนของผู้สร้าง Bitcoin อย่าง Satoshi Nakamoto ได้หายไปจากโลกนานมากแล้ว แต่รู้ไหมว่าอะไรคือข้อความสุดท้ายก่อนแกจะหายไปถาวร ? 🤔
เรื่องมันเริ่มจากคุณลุงโชคร้ายคนนี้ เพราะเมื่อราว 11 ปีก่อน เขาเคยโดนผู้คนมากมายเข้าใจผิดว่าเป็น Satoshi Nakamoto ผู้สร้าง Bitcoin ‼
แต่จะไม่ให้เข้าใจผิดได้ยังง๊ายย ก็ลุงแกดันชื่อ "Dorian Satoshi Nakamoto" ชื่อกลางกับนามสกุลตรงเป๊ะซะขนาดนั้น 🤣
ความซวยของลุงแกคือโดนนิตยสารกระแสหลักของสหรัฐ "Newsweek" ดันตีพิมพ์ชื่อลุงแกลงในรายชื่อผู้ต้องสงสัยว่าอาจจะเป็น Satoshi Nakamoto ตัวจริง !!!
ก็ดันมีนักข่าวหญิงที่ทำงานอยู่ในเครือนิตยสารนี้ ไปตามสอดแนมลุงแกแล้วฟันธงว่าใช่ชัวร์ ๆ น่ะสิสหาย... 👀
นักข่าวหญิงเคลมว่า Satoshi Nakamoto กับ Hal Finney เคยติดต่อกันแล้วเผลอทำเรื่องพลาดจนเป็นเหตุให้ทิ้งร่องรอย IP ไว้ แล้วเลข IP ที่ว่าดันอยู่แถวลอสแองเจลิส และลุงแกก็อยู่แถวลอสแองเจลิสพอดี !! บังเอิญมาก !!! 💻
เรื่องนี้จุดประกายให้ลุงแกถูกสัมภาษณ์ไม่เว้นวัน จนหลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยกันเองต่าง ๆ นานา เช่น วุฒิการศึกษา สาขาที่จบ ประวัติส่วนตัว หรือแม้แต่ทักษะในการพูดภาษาอังกฤษได้คล่อง อะไรก็โดนจับโยงกันได้หมดจุดนี้ เพราะหลายคนดันเชื่อไปแล้วว่าลุงแกคือคนสร้าง #BTC จริง ๆ 55555 😅
นับวันเรื่องยิ่งบานปลายเลยเถิดจนลุงแกมีภาวะเครียดหนักมาก คนในครอบครัวต้องพากันมาออกสื่อขอร้องให้หยุดยุ่งกับลุงแก ไม่งั้นจะเริ่มฟ้องทนายแล้ว...
ชื่อของคุณลุงได้ถูกถอดออกจากรายชื่อผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็น Satoshi Nakamoto นานแล้ว ทำให้ลุงแกเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ตั้งแต่นั้นมา แต่สิ่งที่คงไม่มีวันลบออกไปได้ คงเป็นหน้าของคุณลุงแก ที่กลายเป็นมีมไวรัลซึ่งผู้คนคงจะไม่หยุดแชร์กันง่าย ๆ แน่ (ข้าก็ขออนุญาตแชร์อีกสักครั้ง ให้เข้าใจว่าคือลุงคนในภาพนะ ขอโทษนะลุงงง) 🙏
ด้วยเหตุการณ์นี้ บัญชีของผู้สร้าง Bitcoin ตัวจริง จึงได้ออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมาเป็นเวลากว่า "5 ปี" โดยเขาได้โพสต์ลงเว็บไซต์ P2P Foundation ว่า "ผมไม่ใช่ Dorian Nakamoto" และข้อความนี้ก็ได้กลายเป็นข้อความสาธารณะครั้งสุดท้ายที่มีคนเห็น Satoshi Nakamoto โพสต์ ก่อนที่เขาจะหายไปตลอดกาลมาจนถึงวันนี้
และวันนี้ก็ครบรอบ 11 ปีแด่ข้อความสุดท้ายของ Satoshi Nakamoto ที่ต้องกลับมาเคลื่อนไหวในรอบ 5 ปีเพื่อช่วยคุณลุงผู้โชคร้ายเอาไว้ จึงถูกตั้งชื่อว่า... วัน "I am not Dorian Nakamoto" ว๊าาาฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🧙♂️
#พ่อมดคริปโต #siamstr
#พ่อมดคริปโต #siamstr
ถ้าไม่มีอินเทอร์เน็ต... #Bitcoin ทำงานยังไง ?
EP.2 วิทยุคลื่นสั้น (Shortwave radio) 📻
🗒 คำเตือน: ข้อมูลทั้งหมดในโพสต์นี้ เรียบเรียงขึ้นมาจากการค้นคว้าข้อมูลภาคทฤษฎีด้วยตัวเอง ตัวผู้เขียนยังไม่เคยทดสอบทำภาคปฏิบัติจริง ๆ สักครั้งเลย ดังนั้นใช้วิจารณญาณไตร่ตรองข้อมูลกันด้วยนะสหาย หรือใครที่อยากเสริมหรือให้ปรับปรุงข้อมูลส่วนใดก็สามารถชี้แนะกันได้เลย
การทำธุรกรรมบนเครือข่าย Bitcoin ผ่านวิทยุคลื่นสั้นมันน่าตื่นเต้นตรงไหนรู้ไหมสหาย ? มันช่วยให้เราโอนและรับ #BTC กันได้ แม้ในพื้นที่ที่ขาดการเชื่อมต่อจากอินเทอร์เน็ตเฉย ๆ ... ไปจนถึงกรณีที่โลกเราจะไร้อินเทอร์เน็ตตลอดไปเลยด้วยนะ !!! แต่ก็เป็นแค่ภาคทฤษฎีว่าน่าจะทำได้เฉย ๆ นะสหาย แถมมันก็ต้องอาศัยซอฟต์แวร์เฉพาะทางและความรู้ความเชี่ยวชาญจากทั้งทางผู้รับและผู้ส่งด้วย ไม่สิ... จากคนทั้งเครือข่ายเลยต่างหากในบางกรณี 👏
เอาจริงนะ... วิทยุคลื่นสั้น หรือ Shortwave radio นับเป็นสื่อกลางในการใช้ติดต่อสื่อสารกัน "อันแรกของโลก" เลยก็ว่าได้ (ถ้าพูดในแง่การสื่อสารติดต่อกันข้ามพรหมแดนหรือทั่วโลก) มันเคยถูกใช้งานกันมาก่อนจะมีอินเทอร์เน็ตเสียอีก แถมเข้าถึงทุกคนด้วยนะ ขอแค่มีตัวรับสัญญาณและปรับคลื่นให้ตรงก็พอ 🌐
📌 สรุปขั้นตอนการทำงานแบบคร่าว ๆ:
ฝั่งคนโอนจะใช้ซอฟต์แวร์เพื่อทำการเข้ารหัส (encode) ข้อมูลธุกรรม ➡ ชุดข้อมูลธุรกรรมเหล่านั้นจะสามารถส่งผ่านสัญญาณวิทยุคลื่นสั้นได้ ➡ ผู้รับซึ่งมีอุปกรณ์ที่ใช้รับสัญญาณและถอดรหัสข้อมูลชุดดังกล่าว (decode) จะสามารถอ่านและส่งชุดธุรกรรมนั้นไปยังเครือข่าย Bitcoin ได้ ✅
📌 ซอฟต์แวร์ที่ใช้ทำธุรกรรมออฟไลน์
ตัวอย่างก็เช่น... ฟีเจอร์ PonyDirect ของกระเป๋า Samourai Wallet ที่ไม่เพียงจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งธุรกรรม Bitcoin ผ่านสัญญาณวิทยุคลื่นสั้นได้เท่านั้น แต่ยังรองรับช่องทางอื่น ๆ และวิธีการอื่น ๆ อีกหลายวิธีในการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์อีกด้วย จุดประสงค์หลักของฟีเจอร์ก็เพื่อความเป็นส่วนตัวและต่อต้านการกีดกั้นในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงอยากช่วยให้ผู้ที่ไม่ได้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตโดยตรงสามารถเข้าถึงการทำธุรกรรม Bitcoin ได้อีกด้วย 📶
📌 ตัวรับ/ส่งสัญญาณและเสาอากาศ
ไม่ต้องกลัวจะแพงหรือเข้าถึงยาก มันคือของที่คนทั่วไปก็สามารถเข้าถึงได้ หลายคนก็แอบซื้ออุปกรณ์มาเล่นเป็นงานอดิเรกด้วยซ้ำ แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีแบบราคาสูง ๆ ที่ในระดับองค์กรหรือระดับประเทศเขาใช้กัน ระยะใกล้และไกลก็จะแตกต่างกันออกไป มีแพงและจริงจังถึงขั้นรับหรือส่งสัญญาณกันได้ไกลมาก ไปจนถึงราคาประหยัดที่ใช้กันแค่ในระยะใกล้เคียงก็มี หลายคนก็คงเคยผ่านยุคใช้งานมาด้วยซ้ำ ใครเคยคือไม่เด็กแล้วนะ555555 ถ้าถามว่าจะย้อนกลับไปใช้มันทำไมอีก ก็คือเอาไปใช้สำหรับรับและส่งข้อมูลธุรกรรมกันผ่านทางสัญญาณวิทยุคลื่นสั้น 📡
📌 คอมพิวเตอร์
ผู้รับและผู้ส่งควรมีไว้สักเครื่อง เพื่อใช้เข้ารหัสและถอดรหัสกันไปมานั่นเอง 💻
🌍 กรณีที่โลกยังมีอินเทอร์เน็ต...
เข้าใจว่าบางพื้นที่อาจเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต จึงจำเป็นจะต้องเลือกใช้งานวิธีนี้ หลักการก็แค่ส่งสัญญาณวิทยุคลื่นสั้นและให้ผู้รับสัญญาณคอยทำหน้าที่กระซิบต่อกันไปเรื่อง ๆ จนไปถึง Node ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ แค่นั้นก็หมดปัญหา และแน่นอนว่า Node ดังกล่าวก็ต้องมีตัวรับสัญญาณเช่นกัน
🌍 กรณีที่โลกขาดอินเทอร์เน็ตชั่วคราว
กรณีนี้ก็แค่กระซิบต่อกันไปเรื่อย ๆ ก่อน จนกว่าอินเทอร์เน็ตจะกลับมา และทุกอย่างก็อาจเข้าสู่สภาวะปกติ อย่างน้อยการรับข้อมูลจากดาวเทียม อย่าง Blockstream (ที่โพสต์ไปรอบก่อน) ก็เป็นอีกวิธีที่ดีในการคอยให้ Node ของเราได้รับการอัพเดทข้อมูลเครือข่าย Bitcoin เรื่อย ๆ แบบฟรี ๆ ระหว่างโลกอยู่ภายใต้ระบบวิทยุคลื่นสั้นชั่วคราว สามารถนำมาประกอบกันได้
🌍 กรณีที่โลกขาดอินเทอร์เน็ตตลอดไป
หากเรามีการอัพเดทข้อมูลของ Node ให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ... หรืออาจจะใช้ดาวเทียมที่พึ่งพูดไปเป็นทางเลือกในการอัพเดทข้อมูลเครือข่ายก็ได้ จากนั้นก็แค่ใช้ระบบกระซิบต่อกันไปเรื่อย ๆ เหมือนที่เคยทำ เพียงแต่เราไม่ได้ส่งต่อข้อมูลกันผ่านอินเทอร์เน็ต แต่เหล่าเครื่องขุดและ Node พากันมาส่งข้อมูลกระจายกันผ่านสัญญาณวิทยุคลื่นสั้นทั้งหมดก็พอ (ทุกคนต้องติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่กล่าวไปทั้งหมดเพื่อให้เกิดภาพนั้น) เครือข่าย Bitcoinจะดำเนินต่อไปภายใต้สัญญาณวิทยุคลื่นสั้นแทน !!!
❌ อุปสรรค:
การดำเนินต่าง ๆ อาจจะเชื่องช้าลง ไม่ไวเท่าตอนใช้อินเทอร์เน็ต แถมแลดูจะใช้งานได้ยากขึ้นในชีวิตประจำวันด้วย แน่นอนว่าการจะให้ทุกคนมาติดเครื่องรับส่งสัญญาณวิทยุมันก็อาจจะฟังดูตลก แต่มันก็อาจเป็นสิ่งจำเป็นของทุกครัวเรือนไปแล้วถ้าโลกไร้อินเทอร์เน็ตจริง และอย่างน้อยมันก็เป็นวิธีที่เป็นไปได้อีกหนึ่งวิธีที่ Bitcoin จะดำเนินต่อไปเช่นนี้ในโลกทื่ไร้อินเทอร์เน็ตตลอดกาล (ตอบโจทย์สมใจคนที่คอยเฝ้าแต่จะถามเรื่องนี้เพื่อเอาชนะบิทคอยน์55555)
แน่นอนว่า EP ต่อไปจะตามมาอีก ใครชอบซีรีส์นี้ก็รอติดตามกันยาว ๆ ได้เลยสหาย แต่สิ่งที่อยากทิ้งท้ายของโพส์นี้คือ... ถ้าอินเทอร์เน็ตหาย ฉิบหายกันทั่วโลกนะ ระบบธนาคารแบบดั้งเดิมก็ไม่เหลือเหมือนกัน ดังนั้นแทนที่จะมาห่วง Bitcoin ไปห่วงอย่างอื่นที่น่ากลัวกว่านี้ไหม ห่วงชีวิตและความปลอดภัยของตัวเองก่อนอันดับแรกเลย จะมาถามหาการใช้งานโดยไร้อินเทอร์เน็ตอะไรแค่กับ BTC อย่างเดียวเนี่ย ไอบ้า !!! ว๊าาาฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🧙♂️
#พ่อมดคริปโต #siamstr
วันนี้ เมื่อ 8 ปีก่อน เราเคยเฉลิมฉลอง "วัน #Bitcoin เทียบเท่าทองคำ 1 ออนซ์" แต่ดูวันนี้สิ 🥳
วันที่ 3 มีนาคม 2017 คือวันที่ถูกตั้งชื่อว่า "Gold Parity Day" (วันเทียบเท่าทองคำ) เพราะมันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ราคา 1 #BTC มีมูลค่าเทียบเท่ากับ "ทองคำ 1 ออนซ์" หลายคนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้จริงในยุคนั้น !!! ทำเอาชาว Bitcoin ดีอกดีใจกันถ้วนหน้า 🎉
แต่หลังจากเทศกาลนี้ถูกฉลองมายาวนานถึง 8 ปี มาดูตอนนี้สิสหาย... Bitcoin เดินทางมาไกลมาก ๆ ซึ่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา 1 BTC มีค่าทะลุ "แซงทองคำ 1 กิโลฯ" ไปแล้วด้วยซ้ำ !!! 🚀
ในตอนนั้น 1 BTC ราคา 88,000 ในขณะที่ "ทองคำ หนัก 1 กก." อยู่ที่ $83,556.17 โดยประมาณ นับว่าเราเคยผ่านจุดที่ Bitcoin เคยแซงทองคำ 1 กก. มาแล้วอย่างเป็นทางการ แม้ตอนนี้ทอง 1 กก. จะพุ่งไป $91,884.58 ในขณะที่ 1 Bitcoin ยังอยู่แถว $85,000-$86,000 ก็ตาม ⚖️
ยังไงราคาทองคำจะคงที่ไว้ได้นานแค่ไหน หรือราคา Bitcoin จะลงหรือขึ้นต่อมากกว่านี้อีกไหม จะกลับมามีการพลิกแซงกันเกิดขึ้นอีกครั้งหรือเปล่า... ต้องรอติดตามกันต่อไปสหาย แต่สำหรับวันนี้ สุขสันต์วัน Gold Parity Day นะ !!! ว๊าาาฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🧙♂️
#พ่อมดคริปโต #siamstr
รูปปั้นนี้อาจน่าเลื่อมใสกว่าคนจริง ๆ 🙏
เหตุผลง่ายมากเลยสหาย ก็แค่... !!! 💖
น่าจะทราบกันดี ว่ารูปปั้นนี้เป็นรูปปั้นของ "ซาโตชิ นากาโมโตะ" ผู้สร้าง #Bitcoin นั่นเอง ซึ่งจะบอกว่ารูปปั้นนี้เป็นตัวแทนของพี่แกก็ได้อยู่แหละ หรือความจริงแล้วทุกรูปปั้นไหน ๆ ก็เป็นได้ทั้งนั้น เพราะตัวตนที่เรียกว่า "ซาโตชิ นากาโมโตะ" ไม่ใช่วัตถุ แต่เป็น "แนวคิด" ที่ได้ทิ้งไว้แก่โลกใบนี้ทั้งใบ 🧠
"เราทุกคนคือซาโตชิ" 🍻
แล้วก็ไม่ได้จะบอกนะสหาย ว่าซาโตชิจะน่าเลื่อมใสกว่าใคร ๆ ทุกคนบนโลก แต่ใช้คำว่า "อาจ" เพราะคาดว่าน่าจะน่าเลื่อมใสกว่าใคร ๆ ที่เรานึกถึงไม่น้อยเลยแน่นอน ไม่ใช่ทุกคน แต่น่าจะหลายคน ทั้งที่ไม่ได้มีตัวตนเป็นรูปธรรมแท้ ๆ 👤
เหตุผลที่ซาโตชิช่างน่าเลื่อมใส อย่างแรกคงหนีไม่พ้นการที่เขาได้สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ อย่าง #BTC ทิ้งเอาไว้ให้แก่มนุษยชาติ แต่เชื่อไหมสหาย... แม้พี่แกจะมีคนนับถือมากมายสักแค่ไหน ชื่อเสียงโด่งดังก้องโลกสักเท่าไร แต่ก็ไม่เคยมีเลยแม้เพียงสักคราเดียว... ที่ซาโตชิจะกระทำสิ่งเหล่านี้ ❌
✊ เขาไม่เคย "ซื้อ, ขาย, หรือใช้จ่าย" BTC ของตัวเองแม้แต่เหรียญเดียว
แน่นอนว่าเคย "โอน" แต่ก็เพื่อทดสอบเครือข่ายหรือทำให้คู่สนทนาเข้าใจกลไกการทำงานของมันเท่านั้น ไม่เคยโอนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่เคยมีเรื่องของเงิน Fiat มาเกี่ยวข้อง ไม่เคยซื้อ ไม่เคยขาย และไม่เคยใช้จ่ายเพื่อแลกกับสิ่งของและบริการอะไรเลย แม้เพียงสักครั้งเดียว
✊ เขาไม่เคยชี้นำ โปรโมท ทำการตลาด หรือกระทำการใดที่เป็นการ "เอื้อผลประโยชน์" ต่อนักลงทุนสักกลุ่มเดียว ไม่สิ ต้องใช้คำว่า "สักคนเดียว" เลยจึงจะถูก แม้แต่ตัวเขาเองก็ตาม
✊ เขาไม่เคยโกงผู้ที่เข้ามาใช้งานเครือข่ายที่เขาสร้าง เขาไม่เคยหักหลังผู้ที่ศรัทธาในตัวเขา มากกว่านั้นคือเขาไม่เคยเรียกร้องขอความเชื่อใจ เขาใช้ตรรกะของโค้ดเป็นตัวปฏิบัติ ตรรกะที่ตัวเขาเองแม้จะกลับมาในวันนี้... ก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงหรือแทรกแซงได้อีกต่อไป
🎁 สิ่งเดียวที่เขาเคยทำ นั่นคือการเขียนโค้ดแบบ Open-source ที่ทุกคนสามารถเข้ามาอ่านและตรวจสอบได้ ทุกบรรทัด ทุกตัวอักษร และได้มอบมันทิ้งไว้ให้แก่มวลมนุษยชาติแบบฟรี ๆ !!! 👏
ทุกวันนี้ แม้ตัวตนของเขาจะไม่อยู่แล้ว (หมายถึงไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวอีกต่อไปแล้ว) แต่แนวคิดที่เขาได้ทิ้งไว้ให้โลกใบนี้ จะยังคงอยู่สืบไป ผ่านผู้คนที่เห็นชอบในอุดมการณ์และพร้อมสานต่อเจตนารมณ์ของเขา ขอบคุณที่ได้สร้าง "เงินที่ดีที่สุด" ให้แก่โลกใบนี้นะ ซาโตชิ นากาโมโตะ ว๊าาาฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🌎🧙♂️
#พ่อมดคริปโต #siamstr
ยิ่งเวลาผ่านไป... เราจะค้นพบว่า... 🧙♂️
เงินที่ล้นเหลือ ทำให้มีสินทรัพย์ได้ยาก
เงินที่ได้ยาก ทำให้มีสินทรัพย์ล้นเหลือ
#Bitcoin #BTC #พ่อมดคริปโต #siamstr

ถ้าไม่มีอินเทอร์เน็ต... #Bitcoin ทำงานยังไง ?
EP.1 ดาวเทียม (Blockstream) 🛰
🗒 คำเตือน: ข้อมูลทั้งหมดในโพสต์นี้ เรียบเรียงขึ้นมาจากการค้นคว้าข้อมูลภาคทฤษฎีด้วยตัวเอง ตัวผู้เขียนยังไม่เคยทดสอบทำภาคปฏิบัติจริง ๆ สักครั้งเลย ดังนั้นใช้วิจารณญาณไตร่ตรองข้อมูลกันด้วยนะสหาย หรือใครที่อยากเสริมหรือให้ปรับปรุงข้อมูลส่วนใดก็สามารถชี้แนะกันได้เลย
การทำธุรกรรมบนเครือข่าย Bitcoin ผ่านบริการดาวเทียมของ Blockstream ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ผู้ใช้ โอนและรับ #BTC กันได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ! 👏
ดาวเทียมที่โคจรอยู่รอบโลกของ Blockstream จะช่วยถ่ายทอดข้อมูลทั้งหมดบนบล็อคเชนของ Bitcoin ทำให้ทุกคนที่มีจานรับสัญญาณดาวเทียมสามารถเข้าถึง Bitcoin ได้โดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต ซึ่งจานรับสัญญาณดาวเทียมก็คือเจ้าแผ่นจานที่หลายบ้านเคยติดตั้งไว้ดูทีวีกันนั่นแหละสหาย 📡
ด้วยวิธีนี้ ผู้ใช้งานจึงสามารถส่งธุรกรรมบนเครือข่าย Bitcoin กันได้ โดยอาศัยแค่บริการดาวเทียมจาก Blockstream ผนวกกับอุปกรณ์ออฟไลน์ไม่กี่อย่างเท่านั้นเอง อาจจะดูไม่ค่อยสะดวกเหมือนตอนใช้อินเทอร์เน็ตนะสหาย แต่ในวันที่อินเทอร์เน็ตหายไป วิธีนี้จะยังใช้ได้ผลแน่นอน (ตราบใดที่ไม่มีใครไปสอยดาวเทียมร่วงอะนะ55555) 👍
📌 องค์ประกอบสำคัญ:
- จานดาวเทียม: แผ่นจานสำหรับใช้รับสัญญาณดาวเทียม พร้อม USB SDR ราคาถูก ๆ สักชิ้นหนึ่ง (SDR = Software Defined Radio เป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้เสียบกับพอร์ต USB และเสาอากาศเพื่อใช้รับสัญญาณนั่นเอง)
- Blockstream Satellite Software: เป็นซอฟต์แวร์แบบ Open-source ที่เอาไว้ใช้ถอดรหัสสัญญาณดาวเทียมให้กลายเป็นข้อมูลบล็อคเชน
- ตัวส่งสัญญาณธุรกรรม: เรารับสัญญาณและข้อมูลจากดาวเทียมที่โคจรอยู่รอบโลกได้ฟรี ๆ ก็จริง แต่การจะทำธุรกรรมจำเป็นต้องยิงสัญญาณจากภาคพื้นดินกลับขึ้นไปบนดาวเทียมด้วย ดังนั้นเราจึงอาจต้องมีตัวส่งสัญญาณหรือพึ่งพาบริการจากบุคคลที่สาม เป็นต้น
📌 สรุปขั้นตอนการทำงานแบบคร่าว ๆ:
ผู้ใช้สร้างธุรกรรมแบบออฟไลน์ผ่านซอฟต์แวร์ ➡ ตัวส่งสัญญาณหรือผู้ให้บริการบุคคลที่สามจะช่วยส่งข้อมูลนั้นขึ้นไปหาดาวเทียมบนฟ้าให้ ➡ ดาวเทียมบนฟ้าได้รับสารและกระซิบสารนี้ต่อลงไปยังเครือข่าย Bitcoin ➡ คำสั่งถูกส่งไปถึงเครือข่าย ธุรกรรมจึงเกิดขึ้นบนเครือข่าย Bitcoin !!! ✅
📌 ว่ากันด้วยเรื่อง "ค่าใช้จ่าย"
ไม่ต้องห่วงสหาย ทั้ง SDR และจานดาวเทียมไม่ได้แพงเกินคนทั่วไปจะซื้อ (ถ้าเรามีจำนวน Bitcoin เยอะพอให้ห่วงเรื่องอินเทอร์เน็ตล่มหมดโลกจริง ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ถือว่าสบายมาก) ส่วนค่าบริการจากบุคคลที่สามหรือหากฝากส่งไปกับตัวส่งสัญญาณของใคร ก็อาจจะต้องเสียค่าบริการเพิ่มเติม
สังเกตุไหมสหายว่าเราต้องพึ่งพาบริษัทที่ชื่อว่า Blockstream ค่อนข้างเยอะเลย... งั้นเรามาทำความรู้จักกับแบรนด์นี้กันสักหน่อยนะ บริษัทนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนและ Bitcoin เป็นหนึ่งในองค์กรที่มีอิทธิพลต่อระบบนิเวศของ Bitcoin มาก ๆ โดยนอกจากเรื่องดาวเทียมแล้วก็ยังเคยพัฒนาหลายอย่างขึ้นมาบนระบบนิเวศของ BTC เช่น Liquid Network, Blockstream Green Wallet, Blockstream Explorer, และเปิดให้บริการด้านการขุด Bitcoin ด้วยนะ ฟังดูยิ่งใหญ่น่าดูเลยล่ะสิ 👑
❌ แต่... ดาวเทียมของ Blockstream ก็อาจไม่ได้ส่งสัญญาณครอบคลุมได้ทุกพื้นที่ทั่วทั้งโลกนี่นา... แล้วไหนจะเรื่องถ้าเราไม่อยากพึ่งพาหรือเชื่อใจแบรนด์ ๆ เดียวแบบนี้อีก ดาวเทียมยังเป็นตัวเลือกที่ใช้งานได้จริงอยู่ไหม ?
👉 คำตอบ... ยังใช้ได้ !!! แต่แค่อาจจะต้องแบกรับหลายเรื่องหากไม่มี Blockstream:
- อันดับแรก เราต้องมีดาวเทียมเองก่อน !!!
- การเชื่อมต่อกับเครือข่าย Bitcoin คืออีกด่านที่ตามมา เราต้องหาวิธีให้ดาวเทียมของเรามันรับข้อมูลจากบล็อกและ mempool แถมยังต้องหาวิธีถ่ายทอดข้อมูลไปยังเครื่องขุดต่าง ๆ บนพื้นโลกอีก แน่นอนว่าทั้งหมดที่พูดมาทางเทคนิคสามารถทำได้จริง แต่แค่ต้องเริ่มปรับแต่งโครงสร้างพื้นฐานดาวเทียมเองตั้งแต่เริ่มเลย ซึ่งแค่คิดก็แทบจะไม่ไหวสำหรับคนทั่วไปแล้ว
- ไม่พอ ซอฟต์แวร์ของ Blockstream เป็น Open-source ก็จริง แต่อันนั้นเขาทำไว้ให้ผู้ใช้บริการของเขาใช้งาน ดังนั้นหากจะไม่พึ่งพาแบรนด์นี้ อย่าลืมพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้ถอดรหัสสัญญาณดาวเทียมให้กลายเป็นข้อมูลบล็อกเชนเองด้วยล่ะสหาย อาจจะลองเอาตัว Open-source ที่เขาทำไว้ก่อนมาปรับแต่งหรืออะไรแบบนี้ดูก็ได้ล่ะมั้ง55555
- สุดท้าย... อย่าลืมหาพาร์ทเนอร์ภาคพื้นดิน (หรือจะตั้งสถานีส่งสัญญาณเองเลยก็แล้วแต่) ที่จะเป็นตัวส่งสัญญาณจากภาคพื้นดินขึ้นไปยังดาวเทียมด้วยล่ะสหาย เพราะมันต้องใช้ทุกครั้งเวลามีคนบนพื้นโลกคิดจะทำธุรกรรม5555555
และนี่ก็เป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้เราทำธุรกรรมบนเครือข่าย Bitcoin ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาอินเทอร์เน็ตน่ะนะสหาย ไหนใครอยากลองวิธีนี้ในยามอินเทอร์เน็ตหายบ้าง ? ว๊าาาฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🧙♂️
#พ่อมดคริปโต #siamstr#Bitcoin คือ เงินที่ยุติธรรมที่สุดที่โลกเคยมี ⚖
นี่คือเหตุผลที่ไม่อาจมีที่สองต่อจาก #BTC 👇
📌 ไม่มีผู้ก่อตั้ง: Bitcoin ไม่ได้มีผู้สร้างเป็นตัวเป็นตน เพราะมันเกิดขึ้นจากตัวตน (ซึ่งอาจเป็นแค่บุคคลหรืออาจเป็นกลุ่มคนก็ได้) ที่ใช้นามแฝงว่า "Satoshi Nakamoto"
📌 ไม่มีรากฐานการปกครอง: Bitcoin ทำงานโดยไม่มีหน่วยงานหรือองค์กรใดคอยกำกับดูแลส่วนกลาง
📌 ไม่มีการขุดล่วงหน้า: Bitcoin ไม่เคยมี Pre-mine ไม่เคยมี Allocation ทุกคนเริ่มเข้าถึง BTC ได้พร้อมกันทั่วโลก โดยไม่เคยมีการจัดสรรปันส่วนไว้ให้แก่บุคคลใดหรือกลุ่มคนใดโดยเฉพาะเจาะจงตั้งแต่ก่อนจนถึงหลังออกสู่สาธารณชน
📌 ไม่มีวงใน: ข้อมูลของ Bitcoin เป็น open-source ทั้งหมด ไม่มีใครที่เข้าถึงข้อมูลส่วนไหนก่อนใครทั้งนั้น ทุกอย่างเปิดเผย อยู่ที่ว่าใครจะพยายามศึกษาช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง
📌 ไม่มีนักลงทุนแรกเริ่ม: ไม่มีการระดมทุนอะไรก่อนจะสร้างโปรเจ็กต์ทั้งนั้น ดังนั้นจะไม่มีใครมีส่วนแบ่งหรือควรจะได้รับผลประโยชน์จาก Bitcoin นับตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบันนี้
📌 ไม่มีสำนักงานหรือเว็บไซต์องค์กร: Bitcoin ไม่มีสำนักงานให้ใครเข้าถึงได้ในโลกกายภาพ และแม้แต่เว็บไซต์ที่ถูกควบคุมโดยส่วนกลางก็ไม่มี ทุกเว็บไซต์ต่างเป็นบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ Bitcoin เลย แถมยังพากันกระจายตัวและต่างให้ข้อมูลตามมิติของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องดีที่เราจะเปรียบเทียบและประเมินข้อมูลต่าง ๆ จากหลายเว็บไซต์ด้วยตัวเอง ดีกว่าเชื่อถือเว็บไซต์เดียวโดยใช้ความไว้วางใจ
📌 ไม่มีการจ่ายเงินให้ทีมงาน: ทั้งการตลาดและการพัฒนาต่าง ๆ บนระบบนิเวศของ Bitcoin ไม่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนกลาง เพราะ Bitcoin ไม่มีทีมงานประจำ ทุกอย่างต่างเกิดจากความสมัครใจที่จะมีส่วนร่วม และเป็นไปตามกลไกเสรี
📌 ไม่มีแม้แต่ราคาเริ่มต้น: Bitcoin ไม่มีการเปิดขายที่ราคาเริ่มต้น ไม่มีการ IPO หรือ ICO ใด ๆ ทั้งสิ้นนับตั้งแต่เปิดตัวมา ราคาทุกอย่างที่เห็นเป็นไปตามกลไกตลาดทั้งหมด แถมความต้องการซื้อยังมาจากคุณสมบัติที่เป็นอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะมีธุรกิจอะไรค้ำหลัง จึงไม่ต้องมีการประเมินมูลค่าพื้นฐาน ไม่ต้องถูกตัดสินว่าราคาไหนแพงไปหรือถูกไป ยิ่งมันสร้างผลกระทบต่อโลกได้มากเท่าไร และผู้คนมองว่ามันจะเข้ามาแก้ปัญหาจากเงินที่ไม่ดีได้เพิ่มมากขึ้นเท่าไร ราคาของมันก็พร้อมจะขยับตามความต้องการของตลาดในท้ายที่สุด ส่วนการที่ราคาผันผวนจากการถูกเก็งกำไร ส่วนตัวข้าว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะอย่างไรการเก็งกำไรก็ไม่ได้กระทบพื้นฐานและคุณสมบัติของ BTC แม้แต่น้อยเลย
📌 ไม่มีช่องให้มนุษย์แทรกแซงได้: Bitcoin ถูกปกครองโดยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่กระจายตัวกันทั่วโลก ไม่มีมนุษย์คนใดหรือกลุ่มใดที่คิดจะเปลี่ยนแปลงหรือแทรกแซงระบบก็ทำได้ตามใจชอบ ตราบเท่าที่สิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่เครือข่ายทั่วโลกต้องการจริง ๆ (ซึ่งคาดว่าหากมีจริงมันก็ควรจะเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์ร่วมกันถ้วนหน้า)
และนี่คือเหตุผลที่ไม่อาจมีที่สองรองจาก Bitcoin เพราะ Decentralized ของแท้ ไม่มีคำปลอบใจ ขอให้โชคดีมีชัยนะสหายเอ๋ย ว๊าาาฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🧙♂️
#พ่อมดคริปโต #siamstr
📌 ไม่มีผู้ก่อตั้ง: Bitcoin ไม่ได้มีผู้สร้างเป็นตัวเป็นตน เพราะมันเกิดขึ้นจากตัวตน (ซึ่งอาจเป็นแค่บุคคลหรืออาจเป็นกลุ่มคนก็ได้) ที่ใช้นามแฝงว่า "Satoshi Nakamoto"
📌 ไม่มีรากฐานการปกครอง: Bitcoin ทำงานโดยไม่มีหน่วยงานหรือองค์กรใดคอยกำกับดูแลส่วนกลาง
📌 ไม่มีการขุดล่วงหน้า: Bitcoin ไม่เคยมี Pre-mine ไม่เคยมี Allocation ทุกคนเริ่มเข้าถึง BTC ได้พร้อมกันทั่วโลก โดยไม่เคยมีการจัดสรรปันส่วนไว้ให้แก่บุคคลใดหรือกลุ่มคนใดโดยเฉพาะเจาะจงตั้งแต่ก่อนจนถึงหลังออกสู่สาธารณชน
📌 ไม่มีวงใน: ข้อมูลของ Bitcoin เป็น open-source ทั้งหมด ไม่มีใครที่เข้าถึงข้อมูลส่วนไหนก่อนใครทั้งนั้น ทุกอย่างเปิดเผย อยู่ที่ว่าใครจะพยายามศึกษาช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง
📌 ไม่มีนักลงทุนแรกเริ่ม: ไม่มีการระดมทุนอะไรก่อนจะสร้างโปรเจ็กต์ทั้งนั้น ดังนั้นจะไม่มีใครมีส่วนแบ่งหรือควรจะได้รับผลประโยชน์จาก Bitcoin นับตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบันนี้
📌 ไม่มีสำนักงานหรือเว็บไซต์องค์กร: Bitcoin ไม่มีสำนักงานให้ใครเข้าถึงได้ในโลกกายภาพ และแม้แต่เว็บไซต์ที่ถูกควบคุมโดยส่วนกลางก็ไม่มี ทุกเว็บไซต์ต่างเป็นบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ Bitcoin เลย แถมยังพากันกระจายตัวและต่างให้ข้อมูลตามมิติของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องดีที่เราจะเปรียบเทียบและประเมินข้อมูลต่าง ๆ จากหลายเว็บไซต์ด้วยตัวเอง ดีกว่าเชื่อถือเว็บไซต์เดียวโดยใช้ความไว้วางใจ
📌 ไม่มีการจ่ายเงินให้ทีมงาน: ทั้งการตลาดและการพัฒนาต่าง ๆ บนระบบนิเวศของ Bitcoin ไม่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนกลาง เพราะ Bitcoin ไม่มีทีมงานประจำ ทุกอย่างต่างเกิดจากความสมัครใจที่จะมีส่วนร่วม และเป็นไปตามกลไกเสรี
📌 ไม่มีแม้แต่ราคาเริ่มต้น: Bitcoin ไม่มีการเปิดขายที่ราคาเริ่มต้น ไม่มีการ IPO หรือ ICO ใด ๆ ทั้งสิ้นนับตั้งแต่เปิดตัวมา ราคาทุกอย่างที่เห็นเป็นไปตามกลไกตลาดทั้งหมด แถมความต้องการซื้อยังมาจากคุณสมบัติที่เป็นอยู่แล้ว ไม่ใช่เพราะมีธุรกิจอะไรค้ำหลัง จึงไม่ต้องมีการประเมินมูลค่าพื้นฐาน ไม่ต้องถูกตัดสินว่าราคาไหนแพงไปหรือถูกไป ยิ่งมันสร้างผลกระทบต่อโลกได้มากเท่าไร และผู้คนมองว่ามันจะเข้ามาแก้ปัญหาจากเงินที่ไม่ดีได้เพิ่มมากขึ้นเท่าไร ราคาของมันก็พร้อมจะขยับตามความต้องการของตลาดในท้ายที่สุด ส่วนการที่ราคาผันผวนจากการถูกเก็งกำไร ส่วนตัวข้าว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะอย่างไรการเก็งกำไรก็ไม่ได้กระทบพื้นฐานและคุณสมบัติของ BTC แม้แต่น้อยเลย
📌 ไม่มีช่องให้มนุษย์แทรกแซงได้: Bitcoin ถูกปกครองโดยเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่กระจายตัวกันทั่วโลก ไม่มีมนุษย์คนใดหรือกลุ่มใดที่คิดจะเปลี่ยนแปลงหรือแทรกแซงระบบก็ทำได้ตามใจชอบ ตราบเท่าที่สิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่เครือข่ายทั่วโลกต้องการจริง ๆ (ซึ่งคาดว่าหากมีจริงมันก็ควรจะเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์ร่วมกันถ้วนหน้า)
และนี่คือเหตุผลที่ไม่อาจมีที่สองรองจาก Bitcoin เพราะ Decentralized ของแท้ ไม่มีคำปลอบใจ ขอให้โชคดีมีชัยนะสหายเอ๋ย ว๊าาาฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🧙♂️
#พ่อมดคริปโต #siamstrค่อย ๆ เก็บออม = ค่อย ๆ สะสม
เราถึงได้เรียกว่า "stack" sats 🧙♂️
#Bitcoin #BTC #พ่อมดคริปโต #siamstr


วิธีซึ่งให้ได้มานั้นไม่ยากสหาย... 🤔
1) เจาะพื้นโลก
2) ช่วยสร้างความปลอดภัยให้เครือข่าย
3) ขโมยมูลค่าจากคนเก็บออม
ชอบอันไหนกัน ? ว๊าาาฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🧙♂️
#Bitcoin #BTC #พ่อมดคริปโต #siamstrยิ่งนับวัน การจะครอบครองสัก 1 #BTC
ยิ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ 👐💎
และหากยิ่งในอนาคตมี Demand มากขึ้น (ตามสมมุติฐาน) ในขณะที่ Supply เรารู้อยู่แล้วว่านับวันมีแต่จะผลิตใหม่ได้ลดลง และปลายทางยังมีจำนวนจำกัดอีกด้วย ก็ยิ่งไม่แปลกที่เราอาจจะต้องใช้ Productivity และเวลาในชีวิตเรามากขึ้นไปอีกในการจะแลกมา เพราะมัน "ขาดแคลน" ขึ้นทุกวัน
#Bitcoin คือนวัตกรรมประเภทนั้น มันคือประมาณ 0.1% ที่เราไม่ค่อยได้เห็นกัน ✅
🎯 ดังนั้น หากสหายของข้าผู้ใด รู้ตัวว่ามิใช่ผู้สามารถหาเงินล้านได้โดยง่าย ในขณะที่ก็ดันมีความฝันอยากจะเก็บให้ได้สัก 1 Bitcoin อยู่เช่นกัน วิธีที่ข้าแนะนำคงหนีไม่พ้นการค่อย ๆ Stack Sats เก็บหอมรอมริบเศษของ BTC ไปเรื่อย ๆ สักวันก็จะถึงฝั่งฝันเอง
✍ และแน่นอน... อย่าลืมบริหารกระแสเงินสดในชีวิตประจำวันให้ดี เพราะราคาของ BTC ขึ้นชื่อเรื่องความผันผวนระยะสั้น ต่อให้จะไม่มองเทียบเงิน Fiat ก็ไม่ควรไป All-in เพราะสภาพคล่องในชีวิตจริงก็สำคัญต่อการไปถึงเป้าหมายในการเก็บออมของเราเช่นกัน
📝 ถ้าใครไม่ได้มีเป้าหมายอะไรแบบนั้นก็ไม่ว่ากัน แต่ใครที่ตั้งเป้าไว้แล้วว่าจะต้องมีให้ได้ ข้าคงขอแนะนำวิธีนี้ที่สุด ข้าคิดว่าเหมาะสำหรับคนทั่วไปที่เงินล้านไม่ได้คิดจะหาก็หาได้ง่ายดายขนาดนั้น
📌 แต่อย่าเข้าใจผิดนะสหาย !!! การที่นับวันยิ่ง "ขาดแคลน" หรือนับวันยิ่งยากจะครอบครองให้ครบ 1 BTC ได้ ไม่ได้หมายความว่า BTC จะเข้าถึงยากขึ้นสำหรับคนทั่วไปแม้แต่น้อยเลย ทุกคนยังสามารถเข้าถึงได้ง่ายดายเหมือนเดิม เพราะ Bitcoin มีคุณสมบัติที่เรียกว่า "Divisability" ความสามารถในการแบ่งออกเป็นหน่วยย่อยได้
👉 โดย 1 Bitcoin สามารถแบ่งได้เป็น "ร้อยล้าน Satoshi" (ทศนิยม 8 ตำแหน่ง) เลยทีเดียว ยิ่งถ้าใช้งานบน Lightning Network จะยิ่งแบ่งได้เยอะกว่าปกติมากขึ้นไปอีก ของแทร่ !!!
ดังนั้น แม้ในอนาคตเราอาจยิ่งขาดแคลนและหาครอบครองจนครบ 1 BTC ได้ยากขึ้น แต่นวัตกรรมนี้จะยัง "เหลือใช้" เพียงพอสำหรับทุกคนบนโลกอย่างแน่นอน พูดแล้วก็ขอตัวไปสร้าง Productivity เพื่อ Stack Sats เพิ่มก่อนนะสหาย ว๊าาาฮ่า ๆ ๆ ๆ !!! 🧙♂️
#พ่อมดคริปโต #siamstr


ข้าเองก็เป็นสายลงทุนสหาย เทรดก็ทำ เก็บออมก็ด้วย แต่ทั้งหมดทั้งปวง มันก็จะวนมาอยู่ดี 🤣
#Bitcoin #BTC #พ่อมดคริปโต #siamstr

