ในยามที่สื่อประเคนกิเลศให้กับดวงจิตอยู่ทุกขณะ
จะยังมีใครบ้างไหมนะ
ที่กำลังเงี่ยหูฟังความเงียบของยามค่ำคืน
เหมือนกับสมัยก่อน
ที่ผู้คนแหงนหน้ามองหาดวงดางบนท้องฟ้ากันทุกคืน
#GN #siamstr ⭐️
satuser
satuser@siamstr.com
npub1e9vc...j93f
satoshi is in the word 🌳 / technical dreamer / do note
กลุ่ม ai แต่งรูปนี่บางทีก็ช่วย fullfill ให้กับคนที่ต้องการฟื้นฟูความทรงจำ ด้วยภาพเก่าๆของคนที่จากกันไป ให้มีกำลังใจกลับมาใหม่ได้ดีเหมือนกันนะ
#siamstr #ai #restore #memory 🖼️⏳🤖♻️
สารคดี #วัตถุนิยม2025
Woke ไหม ไม่รู้
แต่ได้เปิดโลกมากขึ้นละกัน
#siamstr #docstr #buynow

Watch Buy Now: The Shopping Conspiracy | Netflix Official Site
This subversive documentary unpacks the tricks brands use to keep their customers consuming — and the real impact they have on our lives and the ...
สำหรับใครที่กำลังมองหา sound 👤🔊
ลอง search : satoshi nakamoto ใน youtube musdic ดู
#siamstr sound of satoshi nakamoto


อยู่ๆก็งงเอง
ถามเอง
แล้วก็งงต่อ
T^T
ปล.ใดๆคือการถามคำถามให้เกิดการ visualize ขั้นตอนการทำงานของระบบออกมา ให้คนที่ไม่ใช่ programmer ได้เห็นภาพนั้น มันช่างยากจัง , แต่ก็อยากเข้าใจมันไปเรื่อยๆอยู่ดี / แล้วก็ไม่รู้จริงๆด้วยว่าเอไอตอบถูกต้องไหม แต่คิดว่าเขาน่าจะเข้าใจมากกว่าเราแหละ 😆
#verify #process
#siamstr #mining #gitbook
ส่วนไหนของ code bitcoin ที่บอกจำนวน hashrate ที่เข้ามาในระบบ🫸#️⃣🔍 | Learning Bitcoin Core
ถาม : Gemini 2.5 Pro
delay day
₿ingo ! 🎲
#bitcoin #mining #boardgame #siamstr
ห้องประชุมที่เรียกว่าโลก 🌎💬🌍
#universal #language #siamstr
อนัตตา อนัตตา
💬 : นี่เป็นโจทย์ที่ท้าทายและเต็มไปด้วยมิติทางปรัชญา การผสมผสาน "ยุคพระศรีอารย์" ที่เป็นยูโทเปียทางจิตวิญญาณ เข้ากับ "Bitcoin Standard" ที่เป็นยูโทเปียทางเศรษฐศาสตร์และการเงิน เพื่อสร้างภาพยนตร์ที่คู่ควรกับรางวัลจากเมืองคานส์นั้น ต้องเน้นไปที่ "ความขัดแย้งภายใน" ของมนุษย์ ไม่ใช่สงครามหรือแอ็คชั่น
นี่คือโครงเรื่องและบทภาพยนตร์ในแนวทางนั้น:
ชื่อภาพยนตร์: "คัมภีร์สัจธรรม" (The Ledger of Dharma)
Logline: ในยุคพระศรีอารย์ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งถูกสร้างขึ้นบนรากฐานของ Bitcoin Standard อันมั่นคง นักประวัติศาสตร์-บรรณารักษ์ผู้หนึ่งได้ค้นพบ "ธุรกรรมที่ให้อภัยไม่ได้" ธุรกรรมหนึ่งในบล็อกเชนยุคแรกเริ่ม ซึ่งการมีอยู่ของมันสั่นคลอนรากฐานความดีงามของสังคม และท้าทายความหมายที่แท้จริงของคำว่า "อภัยทาน"
บทภาพยนตร์ (Synopsis)
ฉากเปิดเรื่อง:
ภาพยนตร์เปิดด้วยฉาก long-take ที่งดงามและเงียบสงบ โลกในยุคพระศรีอารย์เป็นโลกที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ที่กลมกลืนกับธรรมชาติและเทคโนโลยี Solarpunk ผู้คนดูสงบเสงี่ยม แต่งกายด้วยผ้าที่ทอจากใยธรรมชาติ มีใบหน้าเปี่ยมสุข ไม่มีใครรีบร้อน ไม่มีความยากจน ทุกคนมีเวลาสำหรับศิลปะ การภาวนา และการสร้างสรรค์
สังคมนี้รันอยู่บน "พระธรรมนูญ" ซึ่งก็คือ Bitcoin Blockchain ที่ถูกยกย่องให้เป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นบันทึกแห่งสัจธรรมที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทุกธุรกรรมคือ "กรรม" ที่ถูกบันทึกไว้อย่างโปร่งใสและถาวร ความมั่งคั่งไม่ได้มาจากการพิมพ์เงิน แต่มาจากการสร้างคุณค่าและสะสมพลังงาน (Proof-of-Work) ซึ่งถือเป็น "บารมี" ที่จับต้องได้
ตัวละครเอก:
- ชีวก (Cheewok): บรรณารักษ์แห่งมหาวิหารข้อมูล (The Great Data Vihara) เขาไม่ใช่พระ แต่เป็นนักปฏิบัติธรรมในชุดสีขาวสะอาดตา หน้าที่ของเขาคือการศึกษาและตีความข้อมูลใน "พระธรรมนูญ" ยุคแรกเริ่ม เขาเป็นคนที่เชื่อมั่นในความจริงสัมบูรณ์และความโปร่งใสของระบบอย่างสุดหัวใจ
จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง:
วันหนึ่ง ในขณะที่ชีวกกำลังตรวจสอบบล็อกเก่าแก่ที่สุดเพื่อการบำรุงรักษาเชิงประวัติศาสตร์ เขาได้พบกับธุรกรรม (Transaction) หนึ่งที่ผิดปกติ มันเป็นธุรกรรมขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพระศรีอารย์ เป็นธุรกรรมที่โอนทรัพย์สินทั้งหมดจากตระกูลที่เคยทรงอิทธิพลในยุคมืด (ยุคก่อน Bitcoin Standard) ไปสู่ "มูลนิธิอริยะ" ซึ่งเป็นรากฐานของสังคมใหม่
ตามประวัติศาสตร์ที่ถูกสอนกันมา ธุรกรรมนี้คือ "มหาทานบารมี" ครั้งยิ่งใหญ่ที่ตระกูลนั้นสละทุกสิ่งเพื่อสร้างโลกใหม่
แต่เมื่อชีวกใช้เครื่องมือวิเคราะห์ขั้นสูง เขาพบ Meta-data ที่ซ่อนอยู่ในลายเซ็นดิจิทัล (Digital Signature) ซึ่งเป็นเหมือน "รอยน้ำตา" ที่ถูกเข้ารหัสไว้ มันคือข้อความสั้นๆ ที่ระบุว่า "ธุรกรรมนี้เกิดขึ้นภายใต้การบีบบังคับ"
ความขัดแย้งที่ขยายตัว:
การค้นพบนี้ทำลายโลกทั้งใบของชีวก
- ความจริง vs. ความสงบสุข: ระบบที่เขายกย่องบูชาว่าสมบูรณ์แบบ แท้จริงแล้วถูกสร้างขึ้นบนรากฐานของการขโมยหรือการบีบบังคับใช่หรือไม่? ยุคพระศรีอารย์ที่สงบสุขนี้...เป็นเพียง "ผลไม้พิษ" ใช่หรือไม่?
- ความเปลี่ยนแปลงไม่ได้ vs. การให้อภัย: ในโลกที่ทุกอย่างถูกบันทึกและเปลี่ยนแปลงไม่ได้ จะมีที่ว่างสำหรับ "การให้อภัย" ได้อย่างไร? ถ้าธุรกรรมนี้คือบาป แล้วสังคมจะลบล้างบาปนี้ได้อย่างไร ในเมื่อมันถูกจารึกไว้ในคัมภีร์สัจธรรมไปตลอดกาล?
ชีวกนำเรื่องนี้ไปปรึกษา "ท่านปัญญา" (Panya) ประธานสภาสงฆ์เทคโนโลยีผู้ชราภาพ ท่านปัญญารับฟังอย่างสงบ ก่อนจะยอมรับว่าสภารับรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่เลือกที่จะเก็บมันเป็นความลับ
- ท่านปัญญา (ฝ่าย Harmony): "ชีวก...สัจธรรมบางอย่างรุนแรงเกินกว่าที่สันติสุขจะรับไหว ประวัติศาสตร์คือเครื่องมือในการสร้างปัจจุบัน เราเลือกที่จะจดจำการกระทำนั้นในฐานะมหาทาน เพื่อให้ลูกหลานของเราได้เติบโตในโลกที่ปราศจากความแค้นเคือง"
- ชีวก (ฝ่าย Truth): "แต่นั่นคือการหลอกลวง! เราสอนให้ทุกคนยึดมั่นในความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่ตัวเราเองกลับสร้างโลกบนคำโกหก แล้วความจริงจะมีค่าอะไร?"
ไคลแม็กซ์:
ชีวกต้องเลือกระหว่าง:
- เปิดเผยความจริง: ซึ่งอาจทำลายศรัทธาของผู้คนที่มีต่อระบบทั้งหมด และปลุกความขัดแย้งที่หลับใหลมานานหลายศตวรรษขึ้นมาใหม่ ลูกหลานของตระกูลที่ถูกยึดทรัพย์สิน อาจลุกขึ้นมาทวงคืนสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นของตน
- เก็บงำความลับ: และใช้ชีวิตอยู่กับความรู้สึกผิดบาปที่ว่า โลกยูโทเปียที่เขารักนั้นเป็นเพียงสิ่งปลอมเปลือก
ภาพยนตร์ไม่ได้มีฉากต่อสู้ แต่เป็นการ "วิวาทะ" ทางปรัชญาที่เงียบเชียบและหนักอึ้ง ชีวกเดินทางไปพบกับชุมชนลูกหลานของตระกูลเก่าแก่ เขาพบว่าพวกเขามีชีวิตที่เรียบง่ายและมีความสุขดี ไม่ได้ต้องการอะไรคืน พวกเขายึดมั่นในหลักธรรมปัจจุบัน
ฉากไคลแม็กซ์คือการประชุมสภาครั้งใหญ่ ชีวกไม่ได้เปิดโปงธุรกรรมนั้น แต่เขาได้เสนอ "ญัตติ" ใหม่: การสร้าง "บล็อกอภัยทาน" (The Forgiveness Block) ซึ่งเป็นโปรโตคอลเสริมที่จะถูกผนวกเข้าไปใน "พระธรรมนูญ"
มันไม่ใช่การลบธุรกรรมเก่า แต่เป็นการสร้างธุรกรรมใหม่ที่ "รับรู้" ถึงความผิดพลาดในอดีต และเป็นการ "ประกาศเจตจำนงร่วมกัน" ของคนทั้งสังคมที่จะให้อภัยและก้าวข้ามไป เป็นการยอมรับว่าแม้แต่ระบบที่สมบูรณ์แบบที่สุดก็ยังต้องอาศัย "ปัญญา" และ "เมตตา" ของมนุษย์ในการตีความและใช้งาน
ฉากจบ:
ญัตติของชีวกถูกปฏิเสธโดยสภา ด้วยเหตุผลว่ามันจะสร้าง "แบบอย่าง" ที่อันตรายในการพยายามแก้ไขอดีต
ภาพยนตร์จบลงที่ชีวกกลับมาที่มหาวิหารข้อมูล เขามองดู "ธุรกรรม" ที่เป็นปัญหานั้นบนจอโฮโลแกรมขนาดใหญ่ เขาไม่ได้ทำอะไรต่อ แต่เขาเริ่มเขียนบันทึกส่วนตัวของเขาเอง...บันทึกถึงความไม่สมบูรณ์แบบของความสมบูรณ์แบบ
กล้องค่อยๆ ซูมออกมาจากใบหน้าของชีวกที่สงบนิ่ง แต่แววตามีความเข้าใจใหม่อย่างลึกซึ้ง ทิ้งให้ผู้ชมตั้งคำถามกับตัวเองว่า "ระหว่างความจริงที่เจ็บปวด กับความสุขที่ถูกปรุงแต่ง สิ่งใดมีค่ามากกว่ากัน?" และในโลกที่ทุกอย่างถูกตรวจสอบได้...มนุษย์จะเรียนรู้ที่จะให้อภัยได้อย่างไร?
ทำไมถึงจะเป็นภาพยนตร์รางวัลคานส์?
เน้นปรัชญา ไม่เน้นพลอต: หนังตั้งคำถามลึกซึ้งเกี่ยวกับธรรมชาติของความจริง, ประวัติศาสตร์, และการให้อภัย
ความงามทางภาพ (Cinematography): ใช้ภาพที่นิ่ง, งดงาม, และมีความหมายเชิงสัญลักษณ์สูง เพื่อสื่อถึงความสงบที่ซ่อนความขัดแย้งไว้
การแสดงที่ละเอียดอ่อน: นักแสดงต้องสื่อสารความขัดแย้งภายในผ่านแววตาและความเงียบ ไม่ใช่บทพูดที่โผงผาง
ตอนจบที่กำกวม: ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน แต่ทิ้งให้ผู้ชมครุ่นคิดต่อ ซึ่งเป็นสไตล์ที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ชื่นชม
ปล.อ่านจบนึกถึง Homer ของ Nolan ที่กำลังจะเข้าโรงเลย
#siasmtr #SriArn #filmstr #geministr


Mempool ไม่ได้เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับค่า hashrate ของทั้งระบบครับ แต่เป็นเพียงพื้นที่พักสำหรับธุรกรรม (transactions) ที่ยังไม่ได้รับการยืนยันเท่านั้น
พูดง่ายๆ คือ:
- Mempool (Memory Pool): คือ "ห้องรอ" ของธุรกรรม 📬 เมื่อคุณส่งบิตคอยน์ ธุรกรรมของคุณจะถูกส่งไปที่ Mempool ก่อน เพื่อรอให้นักขุด (miner) ดึงไปใส่ในบล็อกถัดไป ข้อมูลใน Mempool จึงเป็นเรื่องของธุรกรรม เช่น ผู้ส่ง, ผู้รับ, จำนวนเงิน, และค่าธรรมเนียม (fee)
- Hashrate: คือ พลังการประมวลผลทั้งหมดในเครือข่าย Bitcoin ที่นักขุดใช้ในการแก้สมการเพื่อสร้างบล็อกใหม่ 💻⛏️
แล้วระบบรู้ค่า Hashrate ทั้งหมดได้อย่างไร?
คำตอบคือ ระบบไม่ได้ "รู้" ค่า Hashrate ที่แน่นอน แต่ใช้วิธี "ประมาณการ" โดยอาศัยข้อมูล 2 อย่างจากการสร้างบล็อกที่เกิดขึ้นแล้วบน Blockchain ไม่ใช่จาก Mempool:
- ค่าความยากในการขุด (Mining Difficulty): เป็นตัวเลขที่ระบบ Bitcoin กำหนดไว้เพื่อควบคุมความเร็วในการเจอบล็อกใหม่ให้เฉลี่ยอยู่ที่ 10 นาทีต่อบล็อก
- เวลาที่ใช้ในการเจอบล็อกจริง (Block Time): ระบบจะดูว่าในช่วง 2,016 บล็อกล่าสุด ใช้เวลาในการขุดไปเท่าไหร่
หลักการทำงาน:
- ถ้าเจอบล็อกเร็วกว่า 10 นาที: แสดงว่ามีพลังขุด (Hashrate) เข้ามาในระบบเยอะเกินไป ระบบจะปรับ เพิ่ม ค่า Difficulty ในรอบถัดไป
- ถ้าเจอบล็อกช้ากว่า 10 นาที: แสดงว่ามีพลังขุด (Hashrate) ในระบบน้อยลง ระบบจะปรับ ลด ค่า Difficulty ลง
ดังนั้น เว็บไซต์หรือเครื่องมือต่างๆ ที่แสดงค่า Hashrate ของ Bitcoin จะใช้สูตรคำนวณจากค่า Difficulty ปัจจุบันและเวลาในการเจอบล็อกล่าสุด เพื่อประมาณการพลังการขุดทั้งหมดในเครือข่าย ณ เวลานั้นๆ ครับ
สรุปคือ ข้อมูล Hashrate มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลบน Blockchain ที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ได้มาจากข้อมูลธุรกรรมที่รอการยืนยันใน Mempool ครับ
#siamstr #hashrate #stepbystep #mining #geministr #️⃣


เรื่อง #narcissist ก็เปิด map มาก
#siamstr
View quoted note →
https://www.youtube.com/live/XIwEc64h-BE
อัพเดทความเบร้อกับรางวัล Ig Nobel
ตั้งแต่นาทีที่ 55:00 เป็นต้นไป
#siamstr #witcast #IgNobel
web-app + app : beybladex thailand tournament
เป็น platform ที่ให้ผู้จัดแข่ง beyblade หรือ admin หรือ user สามารถมา create การแข่งขันและอัพเดทให้ผู้ที่ใช้งาน app นี้ เห็น point status ของการแข่งขัน beyblade ทั่วทั้งประเทศ หรือทั่วโลกเป็นสี เขียว เหลือง แดง ตามกำหนดการ , เพื่อการเดินสายแข่งขันเก็บแต้ม เก็บประสบการณ์แล้วแต่ mode ที่ create และมี menu shop&market และ community list ให้ด้วย , โดยสามารถ log in ได้หลายช่องทางแม้กระทั่ง nostr
🚥🗺️🏟️🏆
#siamstr #beybladex #map #webapp
คลังแสงเบย์เบลด 🎌
#beybladeX #store #GUNMA #siamstr
time is spinning
เงินเถื่อน
#siamstr #TUENTravel #TUENClassroom #เถื่อนtravel #badbadworld
amount > prices
#21M #bitcoin #siamstr
a book on amazon cart be like 📚🛒
#siamstr #bookstr


โครงการ "BEYBLADE GOOUT PROJECT" คือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมปฏิสัมพันธ์กลางแจ้งของผู้คน ผ่านของเล่น "BEYBLADE X" (เบย์เบลดเอ็กซ์) ของบริษัท Takara Tomy
ภาพรวมของโครงการ
โครงการนี้มุ่งเน้นการเพิ่มสภาพแวดล้อมให้สามารถเล่น "BEYBLADE X" ได้ในสถานที่กลางแจ้ง เช่น สวนสาธารณะ, สเก็ตพาร์ค, และลานกางเต็นท์ เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างผู้คน แทนที่จะเป็นการสื่อสารแบบดิจิทัล
กิจกรรมหลักและเป้าหมาย
- บริการให้ยืมเบย์เบลด
- โครงการกำลังรับสมัครสวนสาธารณะและสถานที่ที่สามารถให้ความร่วมมือในการให้ยืมเบย์เบลด เพื่อขยายพื้นที่ให้ทุกคนสามารถเล่นเบย์เบลดได้อย่างง่ายดายทั่วประเทศ
- ข้อความหลัก "ออกไปข้างนอกกันเถอะ" (外に帰ろう。)
- สนับสนุนให้เกิดประสบการณ์จริงที่ผู้คนจะได้ใช้ชื่อและเสียงของตัวเอง ไม่ใช่นามแฝง และ**"ปะทะกันอย่างยุติธรรมและเปิดเผย"** กับผู้คนที่ไม่เคยรู้จักหรือแม้แต่ผู้ที่ไม่ถนัด โดยข้ามผ่านข้อจำกัดทั้งอายุ สถานะ และภาษา ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่
- จุดเริ่มต้นเฟสแรก
- ในฐานะการเริ่มต้นเฟสแรก โครงการได้เริ่มจากย่านชิบูยะที่เป็นแหล่งรวมผู้คน และได้เริ่มบริการให้ยืมเบย์เบลดและเข้าร่วมงานอีเวนต์ที่ "Yoyogi Park BE STAGE" (เวทีบีสเตจ สวนโยโยกิ)
โครงการนี้ชูสโลแกนว่า "เบย์เบลดสู่สวนสาธารณะทั่วประเทศ" โดยเป็นกิจกรรมที่มุ่งเพิ่มโอกาสในการเล่นและพบปะผู้คนกลางแจ้ง
ปล.ใดๆคือ logo สวย และแคมเปญดีมาก ในไทยก็น่าดันแคมเปญนี้เนาะ
source :
#siamstr #beybladeX 🌳🏟️🌳


X (formerly Twitter)
【公式】ベイブレード開発チーム (@tbh_pr) on X
「BEYBLADE GOOUT PROJECT」始動
公園やスケートパーク、キャンプ場などでBEYBLADE Xを遊べる環境を増やして、
人と...
