Hipknox_ (εὐδαιμονία)

Zero-JS Hypermedia Browser

avatar
Hipknox_ (εὐδαιμονία)
hipknox@siamstr.com
npub1p0gl...v9kv
μέμνησο θανάτου จงระลึกถึงความตาย

Notes (20)

Lamar mini ราคาไม่มินิเลย ☕️#siamstr image
2025-08-28 05:46:58 from 1 relay(s) View Thread →
บันเทิงแท็กซี่ พี่แท็กซี่ : น้องทำงานแล้วหรอ จบอะไรมาละ? ผม : วิศวะครับ พี่แท็กซี่ : เหมือนลูกคนเล็กผมเลย เนี่ยเพิ่งเรียนจบวิศวะเคมีก็ได้งานแล้ว ผม : ดีใจด้วยนะครับ ว่าแต่ได้งานทำที่ไหนครับ? พี่แท็กซี่ : ที่ ป-- เนี่ยเงินเดือนสตาร์ทตั้ง 7 หมื่น คุณทำงานมานานแล้ว เงินเดือนเป็นแสนเลยสิ ผม : โหยย ผมได้เดือนนึงเป็นล้านพี่ ปั๊ดโธ่.. นี่ถ้าเป็นปีที่แล้วนะผมได้เดือนละ 2 ล้านเลยอะ พี่แท็กซี่ : เดี๋ยวนะ.. ทำไมถูกลดเงินเดือนล่ะ? ผม : อ๋อ.. ผมหมายถึง sat หนะครับ พี่แท็กซี่ : ... #siamstr
2025-08-27 11:55:15 from 1 relay(s) View Thread →
"เมื่อความดี-เลว จะถูกชี้วัดผ่านการใช้เงินของใคร" image #siamstr Prompt: เงินในยุคสมัยปัจจุบันกลายเป็นเครื่องมือทางศีลธรรมไปแล้วหรือไม่ครับ? จากการที่มันเคยเป็นเพียง ตัวกลางในการแลกเปลี่ยน, ตัวเก็บมูลค่า, และหน่วยวัดมูลค่า เป็นยุคสมัยที่รัฐต้องการจะรับรู้ทุก ๆ การเคลื่อนไหวของเงินผ่านทุก ๆ การใช้จ่ายของผู้คนไม่ว่าจะเป็นการซื้อขาย ไปจนถึงภาษี ในขณะที่ศีลธรรมทางสังคมผ่านความคลุมเครือของการไม่รู้ที่มาที่ไปของการได้มาซึ่งเงิน เช่น เงินบริจาควัดที่ไม่เข้าวัดแต่เข้ากระเป๋าของเจ้าอาวาส เงินของธุรกิจสีเทา ธุรกิจที่ใช้เพื่อฟอกเงิน การเลี่ยงภาษี ซึ่งดั่งตัวอย่างที่ให้ ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้ ‘เงินสด’ เงินในรูปแบบของฟิสิกส์คอลที่ไม่สามารถมองเห็นเส้นทางทางการเงินได้ แตกต่างจากเงินในรูปแบบของ ‘ดิจิตอล’ ที่ธนาคารหรือรัฐสามารถมองเห็นเส้นทางการเงินได้ในทุก ๆ transaction จึงทำให้สังคม แม้ประชาชนเองต่างต้องการที่จะให้เงินที่ถูกใช้จ่ายนั้น ’มีความบริสุทธิ์‘ และ ’สามารถถูกตรวจสอบเส้นทางการเงินได้‘ จึงเริ่มมีการสนับสนุน CBDC เพื่อตอบสนองศีลธรรมส่วนบุคคลที่มีต่อการใช้เงิน คำถามคือ เงินควรเป็นแค่เงินสำหรับการซื้อขาย หรือเงินควรมีฟังก์ชันทางด้านศีลธรรมเพิ่มเข้ามา? image ปล. การตอบคำถามของ AI อาจขึ้นอยู่กับปริมาณ และรูปแบบของการสนทนาใน session อื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน จากรูปแบบของการใช้งานในแต่ละคน
2025-08-25 08:51:35 from 1 relay(s) View Thread →
GATTA CAfé #siamstr image พี่หมอเขตเลี้ยงกาแฟเป็น sat ผ่านมาสามเดือนจากงาน Bitcoin Pizza Day เพิ่งได้เอามาใช้ 🙏🏼☕️ image Ethiopia Yirgacheffe G1 ใช้ได้เลย, รอบหน้ากิน Moon Stone ต่อ 😋
2025-08-23 10:28:04 from 1 relay(s) View Thread →
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่คิดค้นเครื่องพิมพ์เพื่อการทำสำเนา เพราะฉะนั้นเราจึงจะยังคงได้ยินเสียงของปลายเข็มที่กำลังกระทบลงขูดกับพื้นผิวของผ้าหมึกพิมพ์ สลักร่องรอยของน้ำหมึกลงเป็นตัวอักษรข้อความที่จะปรากฏอยู่บนแผ่นกระดาษ กระดาษพิมพ์หลายชั้นที่กำลังถูกสลักข้อความนั้นสร้างสำเนาออกมาได้พร้อม ๆ กันหลายฉบับ ก่อนที่พวกมันจะค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกมาจากเครื่องพิมพ์ และถูกนำไปเก็บไว้สำหรับการนำส่ง เพื่อที่หลังจากนั้นพวกมันจะถูกแยกออกจากกันหลังการลงนาม ต้นฉบับมอบให้แก่คู่ค้าเก็บไว้เป็นหลักฐานการส่งมอบ สำเนาฉบับที่สองนำเก็บไว้สำหรับใช้ในการตรวจสอบทางบัญชีในภายหลัง อาจมีสำเนาฉบับที่สามที่สี่ที่ห้าเพื่อมอบให้กับแผนกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจะต้องเก็บรักษาเอาไว้ เผื่อว่าในวันหนึ่งจะต้องนำกลับมาใช้เมื่อถูกเรียกตรวจสอบย้อนหลัง เหตุผลที่ว่าทำไมจะต้องเป็นกระดาษเท่านั้น ก็เพียงเพื่อป้องกันการปลอมแปลงเนื้อหาข้อความของเอกสาร หรือไม่พวกเขาก็แค่ชื่นชอบให้มีเสียงของเข็มที่กำลังขูดลงบนพื้นผิวของผ้าหมึกพิมพ์ที่ยังคงดังอยู่อย่างต่อเนื่องภายในบริษัท เพื่อที่จะสร้างการรับรู้ต่อบุคลากรในองค์กรว่าบริษัทนั้นยังคงมีรายได้จากการดำเนินงานต่อไป ถึงแม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้สร้างผลกำไรให้กับบริษัทก็ตาม image #siamstr
2025-08-22 05:17:05 from 1 relay(s) View Thread →
การที่มนุษย์เริ่มมีการเลี้ยงไก่อาจจะเป็นความพยายามของมนุษย์ยุคโบราณในการแบ่งหน่วยย่อยของแหล่งสารอาหารอย่างโปรตีนให้มีขนาดที่เล็กลงเพื่อการนำไปใช้ เนื่องจากวัว แกะ แพะ หรือหมูนั้นมีขนาดตัวที่ใหญ่เกินกว่าจะบริโภคให้หมดภายในครั้งเดียว ถ้าหากไม่ได้ทำการแจกจ่าย แบ่งขายหรือเปลี่ยนเป็นสิ่งเก็บกักมูลค่าอื่น ๆ ก็จะต้องเน่าเสียไป และนอกจากเนื้อของไก่แล้ว พวกมันยังสามารถออกไข่ที่แบ่งหน่วยย่อยของแหล่งสารอาหารอย่างโปรตีนให้เล็กลงไปได้อีก bitcoin > sat > msat > μsat วัว > แกะ/แพะ/หมู > ไก่ > ไข่ #siamstr
2025-08-19 08:41:57 from 1 relay(s) View Thread →
ก้มหน้าก้มตาทำงาน เพื่อที่จะโงหัวขึ้นมาแล้วพบกับ Negative Income Tax #siamstr
2025-08-15 13:55:57 from 1 relay(s) View Thread →
เมล็ดกาแฟเกชา (ท็อปโลก) ราคาประมูลโลละ 4 แสนบาท คุณกล้าขายแก้วละ(20g) 80 บาทรึเปล่า? คุณซื้อบิตคอยน์ราคา $120,000 คุณกล้าตั้งราคาขายที่ $1,200 รึเปล่า? ตัดแฟคเตอร์อื่นออกเทียบแค่ทุนแบบนี้เห็นภาพดี ในทางเทคนิคคือเป็นไปไม่ได้ที่เราจะขายของให้ขาดทุน 100 เท่าจากราคาทุน การทำธุรกิจไม่ได้ทำกันแบบนั้น เรื่องนี้ผ่านมาสักพักแล้ว แต่พึ่งนึกออกเพราะแฟนกับน้องที่รู้จักเพิ่งบอกว่าไปลองกันมา กาแฟเกชาแก้วละ 80 บาทกับการต่อคิวรอ 4 ชม. ด้วยพลังของการตลาดอันยอดเยี่ยม ถามว่าร้านอื่นทำราคาต่ำร้อยสำหรับกาแฟสายพันธุ์นี้ได้มั้ย ทำได้เพราะไม่ใช่ว่าเกชาจะต้องประมูลมาจาก Hecienda La Esmeralda เท่านั้น ใน Panama ไร่อื่น ๆ ประเทศอื่น ๆ หรือในไทยก็มีการปลูกสายพันธุ์นี้ซึ่งถูกกว่าตัวประมูลหลายร้อยเท่า ไม่ได้ตัดสินร้าน เรื่องการตลาดยอมรับว่าเก่งมากทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีการสร้างสตอรี่มาอย่างยาวนานเกี่ยวกับการนำเสนอกาแฟสายพันธุ์ที่มีราคาแพง ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนกลับสร้างภาพจำให้กับกาแฟสายพันธุ์นี้ว่าเป็นหนึ่งในสายพันธุ์หายากราคาแพง แต่ร้านเราขายให้ถูก ๆ เพียงแก้วละ 80 บาทให้คุณได้ จิตวิทยาการตลาดแม่งไม่ธรรมดา เอาไปคิดต่อน่าจะได้อะไรจากเรื่องนี้เยอะเลยทั้งจากผู้ขายและตัวผู้ซื้อเอง ทั้งการปล่อยให้เกิดการรอนาน ๆ #siamstr
2025-08-13 09:44:16 from 1 relay(s) View Thread →
ให้ถือว่าเป็นนิทาน เงินเฟ้อ (อ่อน ๆ ที่ 4%): เปิดร้านกาแฟ งบประมาณ 2 ล้านบาท อยากทำกำไรปีละ 10% (2 แสนบาท) ปีถัดไปขนาดร้านเท่าเดิม พนักงานเท่าเดิม ลูกค้าเท่าเดิม ตั้งงบประมาณเพิ่มขึ้นจาก 2 ล้านเป็น 2.2 ล้านบาท ต้องการกำไรที่ 10% เท่าเดิม (2.2 แสนบาท) และงบประมาณปีถัดไป 2.42 ล้านบาท และปีถัดไป 2.662 ล้านบาท และปีถัดไป 2.9282 ล้านบาท เงินไม่เฟ้อ: เปิดร้านกาแฟ งบประมาณ 2 บิตคอยน์ ต้องการกำไรปีละ 10% (0.2 บิตคอยน์) ปีถัดไปขนาดร้านเท่าเดิม พนักงานเท่าเดิม ลูกค้าเท่าเดิม ตั้งงบประมาณลดลงจาก 2 บิตคอยน์เป็น 1.8 บิตคอยน์ ต้องการกำไร 10% เท่าเดิม (0.18 บิตคอยน์) และงบประมาณปีถัดไป 1.62 บิตคอยน์ และปีถัดไป 1.458 บิตคอยน์ การเป็นเจ้าของกิจการทางไหนก็เหนื่อยเหมือนกัน แต่แบบบนต้องประเมินงบประมาณให้รองรับกับการคาดเดาราคาของต้นทุนที่จะเพิ่มขึ้นจากเงินเฟ้อ และยังต้องรักษา % ตัวเลขของกำไรให้ได้เท่าเดิมด้วยการขายในปริมาณที่เพิ่มขึ้น หรือต้องปรับราคาของกาแฟที่ขาย อาจจะต้องเพิ่มสินค้าอื่น ๆ ที่ทำกำไรได้สูงกว่ากาแฟ เช่น ขนมเค้ก เบเกอรี่ หรืออาจจะต้องทำโรงคั่วเพื่อลดต้นทุนของเมล็ดกาแฟ ส่วนแบบล่างผมได้แค่เดาไปในหลาย ๆ ทาง แต่ยกตัวอย่างที่คาดเดาว่าราคาสินค้าจะถูกลงเมื่อปริมาณสินค้าในตลาดเพิ่มขึ้นในเงินที่มีประมาณเท่าเดิมในระบบ #siamstr
2025-08-08 11:11:05 from 1 relay(s) View Thread →
จาก ISTP เมื่อปีก่อน #siamstr image
2025-08-07 02:29:31 from 1 relay(s) View Thread →
เป็นข้อมูลที่โคตรดีและน่ากลัว คลิปเดียวได้ความคิดหลายอย่างเลย #siamstr https://youtu.be/10zfcfEK_3I
2025-08-05 03:03:09 from 1 relay(s) View Thread →
“ในเมื่อคนที่เก็บบิตคอยน์รู้ว่าบิตคอยน์คือสิ่งที่ ‘ต้องเก็บออมเพราะมีค่ามากในอนาคต‘ แล้วทำไมต้อง ‘เอาไปใช้ซื้อสิ่งของ’ จ่ายค่ากาแฟของอ.ตั๊ม หรือเบียร์ของพี่ชิต“ - comment ผมมาลองคิดเล่น ๆ ว่า เป็นไปได้มั้ยที่คำถามแบบนี้จะเกิดจากความเคยชิน โดยมาจากการใช้งาน mobile banking หรือ qr-prompt pay ที่มันเป็นการ ’ใช้จ่ายโดยตรง‘ จากบัญชีเงินฝากธนาคารที่ใช้ทั้งรับเงินเดือน (รายได้) และจ่ายเงิน (รายจ่าย) ซึ่งผมสมมติฐานว่าผู้ใช้งานส่วนใหญ่ไม่ได้มีการแยกบัญชีอีกต่อไป ระหว่าง ’บัญชีสำหรับใช้จ่าย (รับ/จ่าย)‘ กับ ’บัญชีสำหรับการออม (เพื่อสะสม)‘ มันเลยกลายเป็นการมองสิ่งต่าง ๆ ว่ามันเป็น/อยู่ใน layer เดียวกันไปทั้งหมด ถ้าเทียบกับอดีต คนที่หยอดกระปุกออมสินคงไม่มีใครทุบกระปุกเงินออมเพื่อเอาไปซื้อกาแฟ 1 แก้วของวันนั้น เราเตรียมเงินสำหรับใช้จ่ายในแต่ละวันแยกไว้ต่างหาก แยกส่วนที่เก็บออมคือเก็บออม ส่วนสำหรับใช้จ่ายก็เอาไว้สำหรับใช้จ่ายในแต่ละวัน การที่เราจะเอาเงินออมออกมาใช้จะมาจากการที่สิ่ง ๆ นั้นเป็นสิ่งเราวางแผนไว้หรือจำเป็นเฉพาะหน้า อย่างเช่น เอาเงินออมไปเรียนต่อ ซื้อบ้าน ซื้อรถ ลงทุน หรือรักษาการเจ็บป่วย อะไรก็ตามที่เงินสำหรับใช้จ่ายในแต่ละวันไม่เพียงพอที่จะใช้เพื่อซื้อมันได้ทันที เราเลยต้องมีการเก็บออมเพื่อสะสมไว้ แต่พอเรามี mobile banking ที่เราสามารถใช้รับเงินเดือน/รายได้เข้าบัญชีเงินฝาก และใช้จ่ายมันออกไปผ่านบัญชีนั้นด้วยการสแกนเพื่อจ่ายได้ทันที ความสะดวกสบายที่ทำให้เราไม่จำเป็นจะต้องแยกประเภทของบัญชีอีกต่อไป มีเงินเข้ามาเท่าไหร่ก็ใช้ไป เหลือเท่าไหร่ก็แสดงเป็นตัวเลขในบัญชีให้เห็นว่ายังเหลือที่ใช้ได้อีกแค่ไหน เราจึงไม่วางแผนอีกต่อไปว่าจะต้องใช้เงินที่มียังไง นั่นจึงทำให้เกิดคำถามที่ไม่สามารถแยกออกได้ว่า ‘บิตคอยน์ที่เก็บออม’ กับ ‘บิตคอยน์สำหรับใช้จ่าย’ อยู่กันคนละวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้ ร่ายยาวทำไม สมมติฐานก็คือ พอเรามี mobile banking ที่มันสะดวกมาก ๆ สำหรับรับ/โอน/เก็บ มันเลยส่งผลให้พฤติกรรมเราเปลี่ยนจากการเคยแยกบัญชีรับ/จ่ายกับบัญชีฝากออม มาเป็นการใช้เงินที่มีอยู่ทั้งหมดบนบัญชีเดียวแบบต้องไม่แยกมันออกจากกัน รับมา > จ่ายไป > ใช้ไม่หมด=ออม อยู่บนบัญชีเดียวกัน? อีกครั้งถ้าเป็นเงินเฟียต การที่เราจะกินกาแฟ หรือซื้อเบียร์สักแก้ว เราจะนึกถึงเงินที่อยู่ในบัญชีเงินออมก่อนเงินสดที่มันอยู่ในกระเป๋าตังเราจริงดิ? หิวเบียร์ว่ะ ชิบหายละ WoS ไม่มี sat เหลือเลย Trezor กูเก็บอยู่ไหนวะ.. หรอ? #siamstr
2025-08-01 05:25:22 from 1 relay(s) View Thread →
ก็แค่ข้ออ้างของพวกตื่นสาย #siamstr #memestr image
2025-07-25 10:02:42 from 1 relay(s) View Thread →