Sponsored by : Mac Mini m4 🤣




ลองไปเรื่อย...
ถ้าเงินเฟ้อดี.. ถ้าเงินเฟ้ออ่อน ๆ ดีจริง
เราคงไม่เห็นลูกหลานเอากิจการร้านอาหารสูตรโบราณของพ่อแม่มาเปลี่ยนสูตร แถมยังลดต้นทุนวัตถุดิบลงเพื่อเพิ่มผลของกำไรด้วยคำพูดชุ้ย ๆ ว่า "คนกินไม่รู้หรอก"
เราคงไม่เจอปรากฏการณ์กาแฟ 3 สี เพียงเพราะว่าโรงงานที่ทำกาแฟโรบัสต้าหาสารกาแฟไม่ได้เพราะผลผลิตโรบัสต้าในปีที่แล้วมันมีน้อย เลยไปกว้านซื้ออาราบิก้าในครอปที่ต้องคัดทิ้ง เหมารับหมดทั้ง ผลเน่า ผลดิบ แบบไม่ต้องคัด เพราะเอาไปโปรเซสขาย "คนกินก็ไม่รู้หรอก"
นอกจากคนกินจะไม่รู้ว่ากำลังเสียเงินซื้ออะไรอยู่นั้น คนถือเงินก็ยังไม่รู้ตัวอีกว่าทำไมทำงานเก็บเงินแทบตายไม่รวยสักที
เงินเฟ้อดี.. ดีที่ทำให้คนไม่อยากรู้ว่าของที่ใช้เงินซื้อมาคืออะไร? แค่เอาเวลาไปทำงานหาเงิน คิดหาวิธีในการหาเงินเพิ่มก็แทบไม่อยากจะรู้เรื่องอื่นอีกแล้ว มันเหนื่อยเกินไปที่จะรู้ รู้มากเกินไปก็ไม่ได้ทำให้มีเงินเพิ่ม
ขอสามตัวตรงสัก 10 งวดสิ! ไม่ขอรางวัลที่หนึ่งไปเลยล่ะ?
เราช่วยไม่ได้ทุกคนก็จริง แต่หนังสือก็เปิดกว้างสำหรับผู้ที่แสวงหาและพยายาม
จำได้ว่าตอนเด็ก ๆ เคยมีผู้ใหญ่สอนไว้ว่า แม้แต่ทรายในวัดเพียงเม็ดเดียวที่เราเหยียบติดรองเท้าของเราออกมาก็เป็นของวัด และถือว่าเราได้ติดหนี้สงฆ์ไปแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ดังนั้นให้เราทำบุญ/ถวายปัจจัยในการ "ชำระหนี้สงฆ์" เพื่อไม่ให้มีอะไรติดค้างที่จะตามติดตัวเราไปให้ต้องมาตามชำระคืนในภายภาคหน้าหรือชาติหน้า
พอดีว่าพาแฟนไปไหว้พระในโบสถ์ ระหว่างรอก็เลยนั่งสมาธิไป 5 นาที ในโบสถ์ที่ให้บริการเครื่องปรับอากาศสำหรับผู้ที่มาไหว้พระ/นั่งสมาธิ เราก็คิดว่าน่าจะอยู่ในส่วนของค่าไฟฟ้าซึ่งเป็นการติดหนี้สงฆ์แน่ ๆ ก็เลยหยอดใส่ตู้ไป 5 บาท เป็นค่าแอร์เย็น ๆ ระหว่างนั่งสมาธิ ตกนาทีละ 1 บาท แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นหลังจากที่หยอดไปแล้วเราก็มาคิดว่า เราไม่รู้เฟคเตอร์ของอัตราการบริโภคไฟฟ้าของเครื่องปรับอากาศแบบตั้งพื้นที่ดูแล้วน่าจะกินไฟมากกว่าแบบปกตินิหว่า ไหนจะมีผู้คนอื่น ๆ ที่เข้ามานั่งสมาธิอยู่ก่อนหน้าเรานานแล้วอีก และหลายคนตรงนั้นจะต้องมีการปล่อยพลังงานความร้อนออกมาจากร่างกายซึ่งเครื่องปรับอากาศจะต้องทำงานหนักขึ้น มันจึงทำให้ยิ่งยากต่อการคิดคำนวณว่าควรจะหารเฉลี่ยหรือแชร์หนี้สงฆ์ด้วยกันด้วยราคาค่าชำระหนี้สงฆ์เป็นราคาเท่าไหร่ดีมันถึงจะถูกต้อง
แต่โชคยังดีที่ทางวัดน่าจะคิดมาอย่างดีแล้วว่าสิ่ง ๆ นี้อาจสร้างปัญหาให้กับการคำนวณต้นทุนที่ถูกต้องของผู้ศรัทธาที่เข้ามาไหว้พระทำบุญ และแทนที่จะได้รับความสุขสงบกลับไป กลับกลายเป็นเรื่องน่าปวดหัวให้คิดคำนวณกันไม่ตกแทน ก็เลยเขียนที่กล่องรับชำระหนี้สงฆ์ว่า
"ตามกำลังศรัทธา"
นี่มันนวัตกรรมชัด ๆ
ไม่มีสาระอะไร.. ขออภัยคนที่หลงเข้ามาอ่าน
ความเชื่อนั้นไม่มีหน่วยวัด แต่คณิตศาสตร์ในสิ่งที่เรียกว่าเงินทำให้ความศรัทธาดูเป็นสิ่งที่จับต้องได้ง่ายขึ้น