“ประชาธิปไตยในแบบของพวกที่นิยมการช่วยเหลือจากภาครัฐ”
คือการที่คนกลุ่มหนึ่งอยากได้เวลาและพลังงานของคนอื่น ซึ่งกว่าที่เขาจะได้มานั้นต้องแลกมาด้วยความเสี่ยงและความพยายามอย่างหนัก
แต่คนพวกนี้กลับใช้เสียงข้างมากบีบบังคับให้คนอื่นต้องจ่าย ผ่านการเก็บภาษี โดยที่ตัวเองไม่ต้องลงแรงอะไรเลย
เพียงเพราะพวกเขามีจำนวนมากกว่า ก็คิดว่ามีสิทธิ์ริบเอาทุกอย่างไปจากคนที่ขยันกว่า
#siamstr
Login to reply
Replies (8)
ขั้นแรกต้องเข้าใจก่อนนะครับว่าคนทุกคนนั้นเสียภาษีเหมือนๆกัน นั้นคือภาษีมูลค่าเพิ่ม และการที่เขาได้เอาสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือ“เวลาในการใช้ชีวิต” ไปทำงานแลกเปลี่ยนเป็นเงินมาและต้องถูกภาครัฐบังคับเก็บไปเขาก็ต้องการสิ่งตอบแทนที่ภาครัฐต้องมอบกลับคืนในการใช้ชีวิตในช่วงที่เขาไม่สามารถที่จะทำงานได้แล้วหรืออยากเกษียรณใช้เวลาที่เหลือเพื่อหาความสุขในช่วงท้ายๆ และจำนวนเงิน(คิดแค่ภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างเดียว)ที่1คนต้องจ่ายให้ภาครัฐตลอดช่วงที่มีแรงทำงานคือ22-50ปี(คิดแบบน้อยที่สุด) ก็เป็นจำนวนเงินหลายสิบล้านนะ
แต่ในไทยมันตรงกันข้ามเพราะภาษีที่ภาครัฐใช้จะตกไปอยู่ที่กลุ่มเผด็จการทหาร,กลุ่มทุนใหญ่ผูกขาด,นักการเมืองบ้านใหญ่ ผ่านนโยบายต่างๆทางภาครัฐ
แต่พอประชาชนคนส่วนใหญ่ของสังคมที่จ่ายภาษีมากที่สุดเรียกร้องให้ภาครัฐแบ่งงบ(ที่มาจากภาษี)มาทำสวัสดิการเพื่อคุณภาพชีวืตที่ดีของผู้เสียภาษี รัฐบาลก็จะอ้างแบบเดิมๆคือ “รัฐบาลมีงบพอ”
“รัฐบาลมีงบไม่พอ”
ภาษีมูลค่าเพิ่ม จ่ายเมื่อคุณบริโภคอะไรซักอย่าง
ภาษีเงินได้ จ่ายเมื่อคุณสร้างหรือให้บริการอะไรซักอย่างกับสังคม
ผมโคตรเซงเลยเวลาคุยเรื่องภาษีกัน แล้วจะต้องมีคนที่ไม่เสียภาษีเงินได้มาแย้งว่า แต่ผมก็เสียภาษีมูลค่าเพิ่มนะ เค้าพวกนั้นไม่ได้คิดเลยว่า พวกเค้าเอาเปรียบคนที่เสียทั้งสองทางอยู่(ทั้งมูลค่าเพิ่มและภาษีเงินได้) แล้วคนพวกที่ไม่เสียภาษีเงินได้นี้แหละที่ส่วนมากเรียกร้องจะให้รัฐช่วยอย่างนั้นอย่างนี้
ล่าสุดที่แจกคนละหมื่น ก็ไอ้พวกไม่เสียภาษีเงินได้เนี่ยแหละที่ได้รับเงิน ส่วนไอ้คนที่ทำงานแทบตายต้องมาเสียภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แม่งไม่ค่อยจะได้รับเงินส่วนนี้กัน เหตุผลเพราะดันมีเงินเก็บ(เวรกำ กูออมเงินกลายเป็นถูกลงโทษ ไอ้พวกไม่ออม เอาแต่แบมือขอเงินดันได้รางวัล)
จริงๆอยากให้ ขึ้นไปที่ 12% เลย แล้วยกเลิกภาษีเงินได้ซะ
แบบนี้ fair game กว่ากันเยอะ
#siamstr
กฏหมายกำหนดว่า “คนไทยที่มีรายได้ต่อปีตั้งแต่ 120,000 บาท หรือเดือนละ 10,000 บาท มีหน้าที่ต้องทำการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” แต่ระบบภาษีของไทยยังคงมีฐานภาษีที่แคบเป็นอย่างมาก เนื่องจากขนาดเศรษฐกิจนอกระบบของไทยยังคงมีขนาดใหญ่ทำให้ยังมีกลุ่มคนและธุรกิจจำนวนมากที่ยังคงอยู่นอกระบบภาษี ในปี2019 ประเทศไทยมีกำลังแรงงาน 39ล้านคนแต่กลับมีผู้อยู่ในระบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเพียง 10ล้านคน แต่กลับมีผู้ที่ต้องเสียภาษีจริงเพียง 4ล้านคน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10% ของกำลังแรงงานเท่านั้น ฉะนั้นภาษีที่รัฐบาลไทยเก็บได้ส่วนใหญ่นั้นมาจากภาษีมูลค่าเพิ่มครับ และเห็นด้วยเลยเรื่องยกเลิกภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพราะถ้าภาครัฐง่อยในการจัดการเก็บภาษีตัวนี้ก็ควรจะยกเลิกไป
แต่สาระสำคัญคือ การบริหาร/จัดการใช้เงิบภาษีของรัฐบาลไทยมากกว่า ถึงจะมีแต่ภาษีมูลค่าเพิ่มที่เพิ่มไปเก็บที่12% คุณภาพชีวิตประชาชนตัวเล็กๆอย่างเราๆก็แย่เหมือนเดิม แต่พวกคน3กลุ่มที่เป็นคนส่วนน้อยแต่กลับมีอำนาจล้นที่ผมกล่าวถึง มากกว่าที่จะยิ้มร่า
ส่วนนโยบายแจกเงินหมื่นเป็นนโยบายประชานิยมโง่ๆของบางพรรคที่ต้องการเอาเงินภาษีไปแจกเพื่อหวังจะได้คะแนนเสียง
ผมไม่สนว่าภาษีไหนรัฐเก็บได้เยอะหรือน้อยครับ ผมต้องการจะชี้ให้เห็นว่ามันไม่เป็น fair game
แล้วไอ้พวกที่ไม่เสียภาษีเงินได้นี่ บางทีมันมีเงินได้มากกว่าพนักงานเงินเดือนซะอีกนะครับ ไม่เชื่อลองไปร้านก๋วยเตี๋ยวซักร้านแล้วถามเค้าดูสิครับว่าขายได้วันละเท่าไหร่ ส่วนมากมีรายได้ถึงเกณฑ์รายได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้นะครับ แต่เค้าไม่เสียกัน
ส่วนเรื่องทหารและพวกพ้องมีอำนาจผูกขาดในประเทศไทยนี่ เห็นด้วยมากๆ ผมเคยออกไปประท้วงอะไรก็แล้ว สุดท้ายไม่คุ้มกับการต้องเจ็บตัวและความเสี่ยงครับ
สุดท้ายได้คำพูดของ คุณนิคเรแกน เตือนใจ ว่า
ถ้าหมามันจะฉี่ใส่ คุณมีสองทางเลือก 1.เตะหมา 2. อย่าทำตัวเป็นเสาไฟฟ้า มีขาก็เดินหนีไปซะอย่าให้มันฉี่ใส่ สุดท้ายผมและครอบครัวเลยมาอยู่ต่างประเทศได้จะสี่ปีแล้ว
สำหรับคนที่ยังอยู่ในประเทศไทย หมาตัวนี้มันมีปืนครับ อย่าไปเตะ มันไม่คุ้ม ค่อยๆเอาอำนาจออกจากมัน Bitcoin และ nostr อาจจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยได้ครับ แต่อาจจะต้องใช้เวลานานหน่อย
สำหรับคนที่ยังอยู่ในประเทศไทย หมาตัวนี้มันมีปืนครับ อย่าไปเตะ มันไม่คุ้ม ค่อยๆเอาอำนาจออกจากมัน Bitcoin และ nostr อาจจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยได้ครับ แต่อาจจะต้องใช้เวลานานหน่อยส่วนตัวผมในอดีตก็เคยคิดจะย้ายประเทศครับเพราะมองเห็นว่าภาคการเมืองไม่มีฝ่ายไหนเลยที่จะทำเพื่อคุณภาพชีวิตของเราอย่างจริงจัง มีแต่มาแสร้งเล่นการเมืองเพื่อรับใช้เผด็จการทหารและกลุ่มทุนใหญ่ เพื่อให้ตัวเองได้เข้าไปมีอำนาจที่จะกอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวเอง
จนมีพรรคส้ม(แต่ตอนเป็นพรรคอนาคตใหม่ผมยังไม่เชื่อและไม่ออกไปเลือกตั้งเหมือนในอดีต เพราะไอ้ธอนมันนามสกุลจึงรุ่งเรืองกิจ เลยระแวง) จนได้เห็นการทำงานและหลายๆอย่าง ผมรู้เลยไอ้พรรคนี้แมร่งของจริงไม่ได้เข้ามาเล่นละครการเมืองเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ และอ.ปิยบุตรเขาวางเกมยาวว่าในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งที่4 กลุ่มความคิดก้าวหน้าถึงจะชนะได้เข้าไปมีอำนาจบริหารประเทศ แต่ผมว่าเลือกตั้งใหญ่หน้า(ซึ่งเร็วกว่าที่วางแผนไว้)พรรคส้มมีโอกาศสูงเลยที่จะชนะและสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
แต่ผมก็รอดูแหละถ้ามันหมดหวังจริงๆก็คงต้องเปลี่ยนประเทศใหม่ แต่น่าสงสารอีกหลายล้านคนที่ถ้าหมดหวังแล้วอยากย้ายอยู่ที่อื่นแต่ด้วยปัจจัยหลายๆอย่างทำให้ทำไม่ได้
ผมแยกสองประเด็น
ประเด็นที่ 1 การที่พรรคสีส้ม ต้องการจะทำให้มีการเปิดข้อมูลภาครัฐ มีการตรวจสอบอย่างหนัก การมีความโปร่งใส เอาอำนาจออกจากกลุ่มทหาร อันนี้ผมชอบครับ และเห็นด้วยมากๆ
ประเด็นที่ 2 การที่พรรคส้มนี้เน้นรัฐสวัสดิการ อันนี้ผมไม่เห็นด้วย(แต่ไอ้ที่เป็นรัฐบาลอยู่ทุกวันนี้แม่งก็แจกแหลกพอกัน ประชานิยมจัดเต็ม ล่าสุดจะซื้อหนี้เสียอีกละ เอาจริงๆไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่เลย ได้แต่สงสารคนไทย)
เงินที่พรรคส้มจะเอามาทำสวัสดิการคือ ไปตัดงบกองทัพ เช่น ยุบ กอรมน.ที่เป็นหน่วยงานที่ได้งบประมาณสูงแต่ทำงานซ้อนทับกับหน่วยงานอื่น, ยกเลิกการเกณฑ์ทหารไปใช้แบบสมัครใจแทน ลดงบลงไปได้เยอะแถมได้ทหารที่มีคุณภาพ บลาๆ
ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับรัฐสวัสดิการผู้มีบุตร(ช่วยส่งเสริมให้คนมีลูก) , สวัสดิการผู้สูงอายุ(เพราะกว่าจะได้ก็ต้องมีอายุ60ปีและเป็นช่วงที่ทำงานเสียภาษีให้สังคมมาหลายสิบปีแล้วช่วงท้ายของชีวิตรัฐก็ต้องดูแลเขา และเงินที่เขาได้ไปเขาก็ใช้ซื้อของซึ่งในนั้นก็มีภาษีมูลค่าเพิ่มอีก) และสวัสดิการคนพิการ