ในระบบนิเวศน์ของคุณมีตัวแปรที่คาดการณ์ไม่ได้มากแค่ไหน วันนี้ซัพพลายเออร์ลูกเกดของผมเแจ้งมาว่า สินค้าของเค้ากำลังจะขาดตลาด คงจะไม่สามารถส่งให้เราตามที่สั่งได้ และยังบอกไม่ได้ด้วยว่าจะกินระยะเวลานานเท่าไร นั่นเป็นเพราะลูกเกดของผมถูกส่งมาจากอิหร่าน! เฮ้ย…เค้ารบกันห่างกับเราเกือบ 7,000 กม.ทำไมกุต้องเดือดร้อนไปด้วยวะเนี่ย เข้าใจอยู่ว่าคงกระทบกับพวกค่าเงิน ราคาน้ำมัน ราคาทองคำอะไรแบบนั้น แต่นี่กุขายขนม…!!! ผมเคยได้รับบทเรียนอะไรแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังจัดการได้ไม่ทั้งหมดอยู่ดี สมัยน้ำท่วมใหญ่ปี 54 นมข้นที่ผมใช้ซึ่งต้องส่งมาจากสิงคโปร์ขาดตลาดหนักมาก ผมก็ไม่แน่ใจว่ามันเกี่ยวกับน้ำท่วมยังไง แต่ผมต้องวิ่งซื้อทุกร้านที่รู้จัก ร้านโชว์ห่วยเล็กๆที่อยู่ตามซอย ลามไปถึงแปดริ้ว ระยอง ต้องฝากน้องที่โคราชวิ่งหาซื้อมาให้ แถมยอมซื้อทุกราคาด้วย และเพราะไม่รู้เมื่อไหร่วิกฤตจะหมด ก็เลยต้องตุนให้มากที่สุดเท่าที่จะตุนได้ ตอนนั้นยังทำขนมที่บ้านอยู่ ผมจำได้เลยว่าเราไม่มีที่นั่งดูทีวีกัน นั่นขนาดว่าใช้แค่ไม่ถึง 1 ใน 10 ของปัจจุบัน ครั้งนึงโรงงานผู้ผลิตกลิ่นวานิลาที่ผมใช้เลิกผลิต ผมงงมากว่าของมีคุณภาพแต่ทำไมโรงงานเจ๊ง มารู้ที่หลังว่าถูกบริษัททุนใหญ่ในอุตสาหกรรมเบเกอรี่ซื้อกิจการไป ครั้งนั้นวิกฤตมาก ผมหากลิ่นวานิลาทั้งตลาดมาลอง ทุกแบรนด์ ทุกราคา ไม่มีอันไหนใกล้เคียงของเดิมเลย ถึงขนาดซื้อฝักวานิลามาลองดองเอง ออกมาแย่กว่าพวกกลิ่นปลอมๆในตลาดอีก (ดองครั้งนึงใช้เวลา 6 เดือน นี่กุต้องสร้าง POW อีกกี่ปีถึงจะใช้ได้วะเนี่ย) สุดท้ายโชคดีมากไปเจอเจ้านึงนำเข้ามาจากออสเตรเลีย กลิ่นแทบจะเหมือนของเดิมที่เคยใช้เลย ครั้งนั้นเสียหายมากเลย ทั้งขนมที่ใช้ไม่ได้และลูกค้าที่รู้สึกได้ว่ากลิ่นมันเปลี่ยน ยังมีอีกหลายครั้งที่ของขาดเพราะไม่มีเรือขนส่งเนื่องจากเรือทุกลำไปจีนหมด หลายครั้งที่ โรงงานผู้ผลิตต้องหยุดไลน์ผลิตเพราะเครื่องจักรเสียหาย หลายครั้งที่ โรงงานผลิตวัตถุดิบให้เราไม่ได้เพราะเค้าเองก็ขาดวัตถุดิบ ไม่ว่าเหตุผลของซัพพลายเออร์จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ บางที่มันอาจจะไม่จริงอย่างที่เค้าแจ้งมา บางทีมันอาจจะเป็นเพื่ออำนาจต่อรองทางการค้าหรือบางทีอาจจะเพื่อควบคุมปริมาณสินค้าเพื่อขึ้นราคา แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร “มันเป็นตัวแปรที่คาดการณ์ไม่ได้ในระบบนิเวศน์ของผม” ผมเริ่มเรียนรู้ที่จะหาทางป้องกันความเสี่ยงที่คาดไม่ถึง ผมไล่ดูตัวแปรในระบบนิเวศน์ของผมทุกตัว วัตถุดิบแต่ละชนิดต้องมีคู้ค้ามากกว่า 1 เจ้า ยิ่งมากยิ่งดี สำคัญว่าคุณภาพต้องได้ เราอาจจะคาดการณ์ผู้ผลิตเจ้าเดียวไม่ได้ แต่ถ้าเป็นหลายๆเจ้ามันไม่น่ามีเรื่องเซอร์ไพรซ์มาพร้อมกัน ผมมองมันเหมือนระบบนิเวศน์ในธรรมชาติเลย ยิ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพเยอะยิ่งแข็งแกร่ง ในลำไส้เรายังมีแบคทีเรียเป็น 1,000 ชนิดเลย ผมจะมองหาซัพพลายเออร์ที่เน้นยั่งยืน พวกทำราคามาต่ำๆ ยอมเจ็บตัวก่อน กะฆ่าเจ้าอื่นๆ ผมไม่เคยเอา ไม่น่าอยู่ด้วยกันได้นาน วัตถุดิบหลายอย่างมันเป็น seasonal มีช่วงของเยอะของน้อย และยอดขายขนมของเราเองก็เป็น seasonal เหมือนกัน มีช่วงขายมากขายน้อย ในช่วงแรกเงินทุนหมุนเวียนและพื้นเก็บของเรามีจำกัด การจะใช้ให้คุ้มค่าที่สุดจำเป็นต้องมีตัวเลขสถิติการผลิตที่ชัดเจนเพื่อที่จะรู้ว่าแต่ละช่วงของปีต้องตุนอะไรเท่าไหร่ มันก็มีข้อเสียอยู่นะ ผมจะต้องซื้อของชนิดเดียวกันในหลายๆราคา เราไม่สามารถทำต้นทุนให้ต่ำที่สุดได้ แต่ผมมองว่ามันเเป็นราคาที่ต้องจ่ายของการป้องกันความเสี่ยง จ่ายไปเถอะเราหวังยั่งยืน การที่ผมมีซัพพลายเออร์หลายเจ้าทำให้ยอดสั่งต่อเจ้าน้อย ไม่มีอำนาจต่อรองใดๆ (ในช่วงแรกนะ) หลายครั้งเราต้องวิ่งไปเอาของเอง หลายครั้งเค้าเลือกลูกค้าเจ้าใหญ่ก่อน แต่มันก็ค่อยๆดีขึ้น เมื่อคู่ค้าของเรามองเห็นว่าเราก็คาดหวังความยั่งยืนเหมือนกัน ทั้งหมดนั้นเกิดก่อนที่ผมจะมีสาขาที่สอง การที่เราไปอย่างช้าๆไม่ได้มีประโยชน์แค่มีเวลาในการสะสมเงินลงทุนอย่างเดียว แต่มันยังมีบทเรียนต่างๆที่ช่วยสร้างรากฐานความหลากหลายใน eco system ของเราด้วย ลองคิดดูว่าถ้าปัญหาพวก supply shortage มาเกิดขึ้นตอนนี้ เราจะเสียหายแค่ไหน ปัจจุบันผมใช้เม็ดมะม่วงประมาณเดือนละเกือบๆ 5 ตัน ถ้ามีซัพพลายเออร์อยู่เจ้าเดียว เกิดโรงงานเค้าเสียหาย การผลิตสะดุด ไม่สามารถส่งวัตถุดิบให้เราได้ ผมจะไปหาที่ไหนมาแทนได้ทัน จริงๆแค่เค้าหยุดโรงงานช่วงปีใหม่ผมก็หัวฟูแล้ว ปัญหาพวกนี้ล้วนเกิดในองค์กรที่กำลังเติบโตทั้งสิ้น ยิ่งใหญ่ ตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้ยิ่งเยอะ ผมไม่แปลกใจเลยกับโมเดลที่บริษัทCP กำลังทำอยู่ เค้าใหญ่ซะจนต้องพยามควบคุมตัวแปรทุกตัว ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำเอง แม้แต่บรรดาผู้ผลิตที่ส่งขนมไปวางขายใน 7-11 ตัวCPเองแทบจะเป็นผู้ผลักดันทั้งหมด ตั้งแต่พัฒนาโปรดักส์ ออกแบบโรงงาน การเข้าถึงแหล่งทุน เพราะลำพังโปรดักส์ที่ดี การผลิตแบบชาวบ้านๆไม่สามารถซัพพอร์ตกำลังซื้อของลูกค้าเซเว่นได้พอ จริงๆแล้วนั่นคือปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนะ พึ่งพาผู้อื่นให้น้อยที่สุด คอนโทรลทุกอย่างเองตั้งแต่ต้นทางจนสุดทาง มันจะฟังดูตลกมั้ย ถ้าผมบอกว่า CP ALL ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แต่อย่างไรก็ตามด้วยความเป็นขนม เราต้องความคุมกลิ่น รสชาติและรสสัมผัส ให้คงที่ตลอดเวลา มันจะมีวัตถุดิบบางอย่างที่ต้องใช้แบรนด์นี้เท่านั้น หรือหาเจ้าผูผลิตที่ทำได้ตรงกับที่เราต้องการได้แค่เจ้าเดียว เกิดเป็นตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้ที่ต้องจำเป็นต้องผูกไว้ในสมการระบบนิเวศน์ของเรา มันยังมีตัวแปรเรื่องของลูกค้า พนักงาน หุ้นส่วน ตัวเราเอง หรือแม้แต่ลูกเมีย ที่ต้องเอามาคิดด้วย มันล้วนแล้วแต่คาดการณ์ไม่ได้ทั้งสิ้น มันมีความย้อนแย้งในกลไกตลาดอันนี้ หากคุณต้องการระบบที่มีความยั่งยืน คุณต้องพึ่งพาผู้อื่นให้น้อยที่สุด หากคุณต้องพึ่งพาคนอื่น คุณจำเป็นต้องสร้างความหลากหลายในระบบนิเวศน์ และทุกครั้งที่เพิ่มตัวละครเข้ามาในระบบ ก็จะเพิ่มตัวแปรที่มีความเสี่ยงจะควบคุมไม่ได้เข้ามาในระบบเช่นกัน มันจะกลายเป็นระบบนิเวศน์ที่เล็กแต่มีความหลากหลายภายในสูง มันจะมีปัญหามากเป็นเท่าทวีถ้าตัวระบบขยายแต่ไม่สามารถเพิ่มความหลากหลายได้เพียงพอ ยิ่งคุณใหญ่ห่วงโซ่อุปทานคุณอาจจะยาวไป จนคุณพบว่าสงครามที่อยู่ห่างออกไป 7,000กม. ก็ส่งผลกระทบต่อคุณได้ ผมสรุปของผมง่ายๆว่า ถ้าคุณหวังยั่งยืน คุณจะไม่ใหญ่ ถ้าคุณอยากใหญ่ คุณจะไม่ยั่งยืน และจะเห็นภาพนี้ชัดขึ้นในกลไกตลาดเสรี เหมือนกับเราจะส่งจรวดไปดวงจันทร์ เราต้องใช้เชื้อเพลิงมหาศาลเพื่อไปให้ถึง”ความเร็วหลุดพ้น” เพื่อจะออกไปนอกโลกได้ แต่ยิ่งเพิ่มเชื้อเพลิงเข้าไปมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้จรวดที่ต้องแบกไปมากเท่านั้น แต่คุณรู้ไหม “ความเร็วหลุดพ้น” เป็นแค่ตัวเลขทางทฤษฎี จริงๆคุณสามารถใช้ความเร็วเท่าไหร่ก็ได้เพื่อหลุดออกไปนอกชั้นบรรยากาศ ขอเพียงมีพลังงานและเวลาที่มากพอ เช่นเดียวกับคุณจะไปถึงจุดไหนก็ได้ หากคุณใช้พลังงานและเวลาสร้าง POW ที่มากพอ ตลาดเสรีนั้นโหดร้าย (โหดจริงๆนะ) ก่อนที่มันจะมาถึง POW ของคุณมากพอรึยัง แต่อย่างน้อยเราก็โชคดีมากที่มีเงินที่เป็นตัวแปรที่คาดการณ์ได้ในช่วงชีวิตเรา #Siamstr ปล. ผมมิได้เรียนบริหารหรือการจัดการมาแต่อย่างใด ทั้งหมดผมตกผลึกเอาจากสิ่งที่พบเจอมา ถ้าไม่ตรงกับบทเรียนหรือหลักวิชาการใดๆ ขอไม่ถือสากันนะครับ 🥰 image

Replies (25)

สุดยอด ครับ ... บริหารความเสี่ยง ของแท้ ที่ไม่มีในตำราเรียน 👍🙏👍 Backwards integration เป็น ทฤษฎีหนึ่ง ที่สายงานธุรกิจต่างๆ เลือกทำ เมื่อธุรกิจเติบโต ครับ
กำลังคิดในใจว่าพี่ปั้มหายไปไหนนะ คิดถึงแฮะ กดเข้ามาทุ่งม่วงตอนพักเที่ยงเห็นโน้ตนี้ดีใจเลย อ่านจบแล้วได้มุมมองการทำธุรกิจที่ชัดมากเลยครับ ขอบคุณสำหรับการถ่ายทอดประสบการณ์การบริหารจัดการกิจการแบบที่หาอ่านจากที่ไหนได้ยาก ผมว่าอีกสักพักเราได้รวมเล่มโน้ตของพี่ปั้มเป็นหนังสือขายได้สบาย ๆ เลย และตำรานี้จะล้ำค่าสำหรับคนรุ่นถัดไปที่จะได้ใช้ชีวิตในระบบมาตรฐานบิตคอยน์
5555 งานผมจะเยอะหน่อยช่วงปลายเดือนชนต้นเดือนครับ งานเอกสารปัญหาอ่อนทั้งนั้น ชะลอ productivity มากก
ขอบคุณที่แบ่งปันครับ ตอนนี้ผมเริ่มขยับเข้ามาในธุรกิจครอบครัวของที่บ้านมากขึ้นแน่นอนว่าพ่อผมยังคงเป็นคนที่ตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่หลังจากที่เข้าใจbitcoin ผมทำงานกับพ่อสมูทมากขึ้น เข้าใจพ่อมากขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้น ทะเลาะเรื่องงานกันน้อยลง เพราะสิ่งที่ผมเข้าใจก่อนหน้าที่จะรู้จัก bitcoin มันเอามาใช้ในตลาดเสรีไม่ได้ ประโยคที่คุณปนัยบอกว่า “ต้องมีซัพพลายมากกว่า1เจ้า” “ไม่ควรยึดติดกับเจ้าใหญ่ในตลาด” มันเป็นประโยคเดียวกันกับที่พ่อผมพูด มันคือบทเรียนเดียวกันที่เขากลั่นกรองได้มาจากตลาดเสรีทั้งที่เรียนจบแค่ ป6
Backward integration คือ การขยายธุรกิจ ย้อนกลับไปยังธุรกิจของ supplier ของเรา พูดไปแล้ว ก็อาจจะเป็นการทำธุรกิจ แบบ fiat หรือ ทุนใหญ่ แบบ ปลาใหญ่ กินปลาเล็ก แต่กินไปยัง supplier ไม่ใช่ ธุรกิจเดียวกัน ... ทั้งนี้ ที่พี่ป๊ำ ทำอยู่ ถือว่า เป็นการทำธุรกิจแบบยั่งยืน คือ เราอยู่ supplier อยู่ ... ป้องกันความเสี่ยง ด้วยการเพิ่มจำนวน suppliers ครับ :)
ผมเองทะเลาะกับพ่อเป็นเรื่องปกติมากครับ แล้วสุดท้ายก็พบว่าเรื่องที่เค้าพูดค่อยๆเป็นจริงทีละเรื่องสองเรื่อง ทุกวันนี้ ผมจะตั้งใจฟังเอาเรื่องที่ผู้ใหญ่พูดหรือเตือนมากลับไปคิดจริงจังทุกเรื่องเลยครับ ประสบการณ์ชีวิตมันไล่ทันกันยากจริงๆครับ
ขอบคุณที่มาแบ่งปันครับ บ้านผมก็ทำธุรกิจเจอเรื่องที่ควบคุมไม่ได้มากมายตั้งแต่เด็กยันโต สิ่งที่ผมได้ยินพ่อกับแม่พูดบ่อยๆ ในสมัยก่อน คือ เหนื่อย, เครียด, อยากเลิกสิ่งที่ทำอยู่, ไม่มีเวลาพักเลย และพวกเขาก็พยายามปลูกฝังความคิดในการรับราชการให้กับผมในสมัยเด็ก พอโตขึ้นแล้วเริ่มศึกษาหาความรู้ในการทำธุรกิจมากขึ้น แล้วก็ได้รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำมันสุดยอดขนาดไหน จากนั้นก็เล่าความสุดยอดนั้นให้พวกเขาฟัง ทุกวันนี้พวกเขาบ่นน้อยลงครับ แถมดูจะภูมิใจกับสิ่งที่ทำมากขึ้นด้วย 55555 ส่วนความคิดที่จะให้รับราชการก็ไม่ได้บังคับผมแล้ว จะทำหรือไม่ทำก็ได้ ผมยังรู้สึกว่า POW ของผมในทุกวันนี้มันยังไม่เพียงพอที่จะเอาชีวิตรอดเลยครับ แต่ก็ต้องพยายามเรียนรู้กันต่อไป
อ่านโน๊ตพี่จบ หันไปมองกระปุกคุกกี้ เอ้า‼️ หมดพอดี สัปดาห์หน้าได้เสีย sat อีกแล้ว
สุดยอดวิชา Risk management & position sizing คือมันจะเรียกว่าอะไรก็ช่าง อย่างที่ผมได้กล่าวไปในโน้ตล่าสุดของตัวเองมันสะท้อนสิ่งนี้ได้อย่างกระจ่างใสไร้สิว แม้ว่าเจตนาจริงๆ ที่ผมโพสต์คือเพื่อแอค อาร์ตทำหล่อเท่ไปเท่านั้นเอง สรุปคือ ออกทะเลแล้ว.. กลับมาเข้าเรื่อง เราไม่จำเป็นต้องรู้หรอกมันเรียกว่าอะไร สำคัญว่าทำมันได้จริงมั้ยตะหาก ทุกศาสตร์ที่เกิดขึ้นมันมีอยู่แล้วในธรรมชาติ เพียงแค่มีใครสักคนกระตุกจิตกระชากใจฉุกคิดได้ก่อนคนอื่น แล้วประกาศศักดาว่าข้อเป็นคนคิดเท่านั้นเอง เราสามารถเรียนรู้มันได้เองด้วยประสบการณ์โดยไม่จำเป็นต้องให้ใครสอน เมื่อเรามุ่งมั่นพยายามมากพอเพื่อไปถึงความสำเร็จในชีวิต วันนึงเราจะตกผลึกสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง มันดีกว่าการไปร่ำเรียนมาโดยที่ไม่เคยเข้าใจมันจริงๆ อย่างที่สมนึกเป็น ปล. อ่านแล้วคาดว่าโปรเจกต์ ร้านท้อฟฟี่เค้กชลบุรีออริจินัลเจ้าแรก ของผมคงต้องพับไปก่อน เนื่องจากไม่มีปัญญา เสียใจที่ทำให้พี่ปณัยเพื่อนรักผิดหวังครับ
ในชีวิตเราล้วนเต็มไปด้วยตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้ การรับมือกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้เป็น skill ของแต่ละคนว่าจะจัดการกับมันยังไง จะว่าไปเราเองก็เจอสิ่งที่ควบคุมไม่ได้บ่อยเหมือนกันนะเนี่ย อุตส่าห์กินข้าวจนอิ่ม กะว่าอาบน้ำ รอย่อย เตรียมออกไปวิ่งแล้วแท้ๆ หลานดันโทรมาว่าจะกินเอ็มเค เห้อ! หมดกัน ทุกอย่างที่เตรียมไว้ 🫠
รออ่านเลยครับ หนังสือพี่ปั้มวางจำหน่ายเมื่อไร บก. ต้องซื้อแน่ๆ ส่วนผมก็เฝ้ารอที่จะไปขอถ่ายเอกสารมาอ่านและออกแบบปกใหม่เพื่อเอาไปวางขายแข่งเช่นกันครับ
ขอบคุณครับ ที่แชร์ประสบการณ์ อ่านบทความพี่ทีไรมีความรู้สึกร่วมด้วยทุกที มันมีความ real มาก มันกลั่นมาจากของจริง ชอบครับ รออ่านของพี่อีกเยอะ ๆ เลย ประเด็นทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงนี่ถ้าใครเข้าใจมีประโยชน์เยอะมาก มีคุณค่ามาก ๆ
ผมเข้าใจความคิดของคุณพ่อคุณแม่เลยครับ ผมเองมีบ่อยครั้งที่คิดว่าถ้าเรากลับไปมีรายได้ประจำทุกเดือนชีวิตมันคงง่ายกว่านี้แน่ๆ แต่สุดท้ายก็เข้าใจว่าทุกๆ position ก็มีความลำบากเหมือนกันหมด เลือกทำแล้วทำมันให้ดีไปเลยดีกว่า
ขอบคุณมากที่พับโปรเจ็ค ผมยังมีเมียอีกหลายคนต้องเลี้ยง นับถือการชวนคิดของพี่นู้ก ทำเป็นทีเล่นทีจริง แขวะตัวเองบ้าง ทำแอ๊คบ้าง แต่วัตถุประสงค์คือชวนคิดตลอดทาง #นู้กแม่งมา ดีที่แม่งไม่มาทางนี้
เมื่อก่อน 3 วันหมดครับพี่ แต่พอเข้ามาอยู่ในทุ่งม่วง ต้องห้ามใจไม่ให้กินเกินวันละ2ชิ้น😅
ชื่นชมพี่ป้ำเช่นกันครับ ทำเป็นชมจริงด่าจริง จนงงว่าชมหรือด่ากันแน่ครับ
แล้วต้องเลี้ยงเพิ่มอีกหลายในอนาคตหรือเปล่า 5555+
ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์อันล้ำค่าครับ
อันนี้จริงเลยครับ ธรรมชาติของชีวิตเต็มไปด้วยตัวแปรที่เราควบคุมไม่ได้ ยิ่งใหญ่ยิ่งขยายตัวแปลยิ่งเยอะ ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติ เราก็จะเข้าใจทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนดีที่สุด