Sats and Sound's avatar
Sats and Sound 5 months ago
"ไม่ถือ บิทคอย ไม่ใช่ไม่รวย แต่การันตีเลยว่าจนแน่ๆ"พูดเบาๆ แต่ทัวร์ลงฉ่ำ - sats and sound EP31 ประโยคนี้ อาจารย์พิริยะ ได้กล่าวในรายการ เรื่องเล่าดอยนี้ EP.69 โดย เพจ Bitcoin Addict Thailand ได้โพสเพื่อเป็นการ PR ให้เข้าไปฟังรายการกัน ผมในฐานะบิทคอยเนอร์ ฟังแล้วก็เข้าใจว่าอาจารย์หมายถึงอะไร แต่ ประโยคนี้มันดันไป กระทบชาวเน็ตบางกลุ่ม ที่ทําให้เกิดการถกเถียงอย่างดุเด็ดในเพจ แค่ 2 วันคอมเม้นเป็นร้อยแล้ว วันนี้ผมจะมาสรุปประเด็นความคิดเห็น รวมถึง ภาพรวมของความเข้าใจของชาวเน็ตไทยเกี่ยวกับบิทคอยและเงินเฟ้อกันนะครับ เริ่มจากคําพูดต้นเรื่องก่อน "ไม่ถือ บิทคอย ไม่ใช่ไม่รวย แต่การันตีเลยว่าจนแน่ๆ" - มันเป็นการเน้นย้ำถึงแนวคิดที่ว่า การไม่ถือ Bitcoin ในระยะยาวจะนำไปสู่ความยากจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงภาวะเงินเฟ้อและการเสื่อมค่าของเงิน Fiat (เงินกระดาษ) - มุมมองนี้สอดคล้องกับแนวคิดของ Bitcoiner ที่มองว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่รักษามูลค่าที่แท้จริง ซึ่งสินทรัพย์อื่นๆ จะมีมูลค่าลดลงเมื่อเทียบกับ Bitcoin จนลงหมายถึงเงินในมือจะเสื่อมค่าลง และอํานาจการจับจ่ายจะลดลงนั่นเอง ดูง่ายๆก่อนโควิดกับหลังโควิดที่พิมเงิน และเงินเฟ้อฉ่ำ ของแพงขึ้นใช่มั้ย นั่นแหละความหมายของอาจารย์พิริยะ แต่ว่าด้วยข้อความสั้นๆนี้บางคนที่ไม่เข้าใจก็เข้ามาเม้นดุเดือดมากมายเลย จากคอมเมนเป็นร้อยเม้นแบ่งกลุ่มคนออกเป็น 2 กลุ่มคือ 1 กลุ่มที่เห็นด้วยและสนับสนุน Bitcoin (คอมเม้น 25%) กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ถือครอง Bitcoin อยู่แล้ว หรือมีความเข้าใจในปรัชญาของ Bitcoin อย่างลึกซึ้ง พวกเขามองว่าคำกล่าวของอาจารย์พิริยะเป็นความจริงที่หลายคนยังไม่เข้าใจ และสะท้อนถึงอนาคตทางการเงินที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป 2 กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยและวิพากษ์วิจารณ์ ( คอมเม้น 75%) กลุ่มนี้ส่วนใหญ่ตั้งคำถามถึงความสุดโต่งของคำกล่าว และมองว่าถ้าไม่ถือ Bitcoin แล้วการันตีความจน เป็นความคิดที่คับแคบและบิดเบือนความเป็นจริง ทัวร์จะมันขนาดไหนมาดูกัน เริ่มที่กลุ่มแรกคือ 1 กลุ่มที่เห็นด้วยและสนับสนุน Bitcoin 1.1 Bitcoin คือทางรอดจากเงินเฟ้อ - หลายคอมเมนต์มองว่าการถือเงิน Fiat เฉยๆ คือความจนที่แท้จริง เพราะเงินเฟ้อขึ้นทุกปี - Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่มีจำนวนจำกัด ทำให้มูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว 1.2 กาลเวลาจะพิสูจน์ - มีความเชื่อมั่นว่าในอนาคตผู้ที่ไม่ถือ Bitcoin จะเสียดายที่ไม่ได้ซื้อตั้งแต่แรก อารมณ์รู้งี้ - ราคา Bitcoin จะยังคงพุ่งขึ้นอีกไกล 1.3 ประสบการณ์ตรงจากการลงทุน - บางคนเล่าประสบการณ์การลงทุนใน Bitcoin ที่ให้ผลตอบแทนสูง 1.4 ความจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ - การที่คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจ Bitcoin แสดงให้เห็นว่ายังมีโอกาสในการออมอีกมาก - ผู้ที่ต้องการหลุดพ้นจากวงจรเงินเฟ้อควรศึกษาเรื่องนี้ 1.5 Bitcoin ไม่เกี่ยวกับอาชญากรรม - มีการโต้แย้งว่าการโดนจับไม่ได้เกี่ยวกับตัว Bitcoin แต่ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ คอมเม้นสนับสนุน จากบิทคอยเนอร์ ก็จะเป็นสิ่งที่รู้กันอยู่แล้วเพราะข้อโต้แย้งต่างๆ ก็เคยมีคนให้คําตอบหรือไขความกระจ่างไปแล้ว 2 กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยและวิพากษ์วิจารณ์ 2.1 มีสินทรัพย์อื่นที่ทำให้รวยได้ - ผู้คนจำนวนมากชี้ให้เห็นว่าคนรวยระดับโลกอย่าง Warren Buffett หรือ Bill Gates ไม่ได้รวยจาก Bitcoin - ยังมีสินทรัพย์อื่นๆ อีกมากมายที่สามารถสร้างความมั่งคั่งได้ เช่น หุ้น ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ 2.2 ความไม่มั่นคงและความเสี่ยงสูง - หลายคนมองว่า Bitcoin มีความผันผวนสูง ไม่เสถียร ไม่มีอะไรอ้างอิงมูลค่าที่ชัดเจน - เป็นเงินจากอากาศ - ยังกังวลเรื่องการถูกแฮกและปัญหาทางเทคนิคอื่นๆ เน็ตล่มทั้งโลกจะทําไง เกิดสงครามบิทคอยกินไม่ได้ 2.3 คำพูดเกินจริง/ปั่นราคา - บางส่วนมองว่าอาจารย์พิริยะพูดเกินจริงและมีเจตนาปั่นราคา ฟิลลิ่งล่อเม่าให้เข้าไปซื้อราคาแพงๆ - โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดในช่วงที่ราคา Bitcoin ทำจุดสูงสุด (All-Time High) - ตัวเองถือเยอะ คนเข้าที่หลังก็ไม่มีทางรวย ตามไม่ทัน 2.4 การใช้งานในชีวิตประจำวัน - ข้อโต้แย้งสำคัญคือ Bitcoin ยังไม่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง เช่น ซื้อข้าวแกง หรือใช้ในร้านค้าทั่วไป ข้อนี้เทียบกับพร้อมเพย์ มันยังไม่สะดวกเท่า แต่การใช้บิทคอยผ่าน lightning network มากขึ้นเรื่อยๆนะ 2.5 ขาดการรับรองจากรัฐบาลและปัญหาทางกฎหมาย - ยังมีการตั้งคำถามถึงความชอบธรรมของ Bitcoin ที่ไม่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลส่วนใหญ่ - ปัญหาเรื่องการเสียภาษี - บิทคอยมีการพูดถึงการเชื่อมโยงกับกิจกรรมผิดกฎหมาย เงินที่รัฐคุมไม่ได้ มันดีขนาดไหนรู้มั้ย คุณจะเป็นอิสระอย่างแท้จริงไงหล่ะ จะฟอกเงินผ่านบิทคอยมันยากนะ เพราะมันตามเส้นทางการเงินได้หมด 2.6 มุมมองเชิงเทรดดิ้ง vs การถือระยะยาว - บางคนมองว่า Bitcoin เป็นเพียงสินทรัพย์หนึ่งที่ใช้ในการเทรด เก็งกำไร ไม่ใช่การถือเพื่อความมั่งคั่งระยะยาว ซึ่งตรรกะมันไม่ค่อย make sense สรุปประเด็นในวันนี้ ในฐานะผมเป็นคนกลุ่มที่เชื่อในบิทคอยและสะสมบิทคอย มันแสดงให้เห็นว่า คนไทยหลายคนยังไม่ค่อยเข้าใจ เรื่องบิทคอยและความน่ากลัวของเงินเฟ้อ ยังมีความคิดแบบระบบเฟียต 1 คนส่วนใหญ่ยังอยู่ในวังวนของเงินเฟียต มายเซ็ตแบบเฟียตๆ ไม่เข้าใจ Cantillon Effect มีคอมเม้นนึงที่ยกตัวอย่างคนรํ่ารวย อย่างบิลเกต วอเรน บัพเฟต ที่เข้าใจและอยู่ใกล้แหล่งพิมเงินมาอ้างว่า คนพวกนี้ไม่ถือบิทคอยแต่เขารวยมากๆ 2 หลายคนไม่เข้าใจระบบการเงินโลก ไม่เข้าใจวังวนของการพิมเงิน ไม่รู้ว่าหุ้นที่ตัวเองถือ โตเพราะเงินเฟ้อ ไม่ใช่โตเพราะ productivity บางคน net worth เพิ่มจริงแต่ไม่รู้เลยว่า 7%ทบต้นที่ได้คือมาจากเงินเฟ้อ กับดักจากเงินเฟียตที่ไม่รู้ตัวนี่แหละจะทําให้คุณจนลงแบบไม่รู้ตัว 3 มีความคิดแบบ High Time Preference เช่นบางคนคิดว่า การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากๆ ได้เงินเร็วๆ ดีกว่าบิทคอย ในบางคนที่ไม่เห็นด้วยบางคนก็มีทองคําติดพอร์ต ซึ่งมันก็ต้านเงินเฟ้อได้เหมือนกัน นักลงทุนระบบเงินเฟียตเขาจะแนะนําถือทอง 5-10% ที่เหลือกระจายไปหุ้น กองทุน อื่นๆกันหมด ถ้าไม่เข้าใจข้อ 3 นี้คุณจะฟังคําพูดอาจารย์ตั้มแล้วปฏิเสธทันที เหมือนกับหลายๆคอมเม้นที่ไม่เห็นด้วย บางคนใช้ถ่อยคำหยาบคายมากด้วย เห็นต่างได้แต่ไม่จําเป็นต้องถ่อยนะครับ ที่ผมกล้าพูดแบบนี้เพราะ ผมเป็นมาก่อน ทั้ง 3 ข้อที่พูดมาเลย อาจารย์ตั้มแกเคยพูดว่า โลกใน Nostr คือทุ่งลาเวนเดอร์ ทุกคนน่ารักหมด แต่โลกความจริงคือในเฟสบุ๊คครับโหดมาก แกก็น่าจะโดนมาเยอะ ก่อนลากันสิ่งที่ได้จากการทําคอนเท้นนี้คือ 1 บิทคอยไม่ได้มีไว้สําหรับทุกคน ดังนั้นคนที่ยังไม่ศึกษาหรือปฏิเสธก็เป็นเรื่องของเขา เราไปเปลี่ยนความคิดใครไม่ได้ 2 บิทคอยไม่ได้เหมาะกับทุกคน ใครถนัดออมอย่างอื่นที่ต้านเงินเฟ้อได้ก็ดีเหมือนกัน เช่นทองคํา อสังหาฯ* หุ้น(ชนะเงินเฟ้อ)** 3 ตัวผมเองที่เปลี่ยนความคิดได้เพราะโดนระบบเฟียตทําร้ายมาก่อน แล้วหาวิธีแก้จนมาเจอบิทคอยที่เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนชีวิตผมไปเลย 4 ข้อนี้อาจจะเห็นแก่ตัวแต่ผมมองว่า ยังมีคนไม่รู้อีกเยอะมากเลย นั่นหมายความว่า เรายังมีเวลา Stack sats กันอยู่นะครับ ผมว่า 3-5 ปี แต่หลายๆคนก็มองว่าอีกสัก 10 ปี แต่แน่นอนยิ่งรู้ช้ายิ่งซื้อแพง 5 ดูจากคอมเม้นแล้ว บิทคอยยังอยู่สถานะที่ใหม่มากๆ คนทั่วไปยังคงกลัวและไม่เข้าใจมันอยู่ แต่สิ่งนี้จะเป็นไม่ได้อีกไม่นาน เพราะความจริงมันช้าเสมอ #siamstr #btc #bitcoin #เงินเฟ้อ #ความจน