Tungkukk🇹🇭's avatar
Tungkukk🇹🇭
tungkukk@siamstr.com
npub1e8e3...9tp3
Toxic Maximalist #bitcoin #anarchocapitalism #Libertarianism
Tungkukk🇹🇭's avatar
TungKukk 1 year ago
ไม่อยากเห็นใครบางคนที่ต้องเสียบางสิ่งไป… จากการให้อภัยความอ่อนล้าของตัวเอง อาอจจะทุกข์หรือสุข แต่ทุกวันมีความหมาย #musicstr
Tungkukk🇹🇭's avatar
TungKukk 1 year ago
ผมไม่ใช่บิตคอยน์เนอร์นะครับ ผมไม่อยากเก็บบิตคอยน์มันมีความเสี่ยง นี่ผมยังบอกอาจารย์ตั๊มเลยว่าผมไม่กล้า ตัดกลับมาอีกด้าน เป็นผู้จัดการงานอีเว้นท์คริปโต และ อีเวนท์ 18+ เหอะๆ ควย ไอ้สัส ใครที่อยู่จนจบ discord เมื่อวานท่านจงรู้ไว้เถิดว่าทำไมผมออกจากห้องแล้วเข้าไปใหม่ เยดแม่ พ่องตาย
Tungkukk🇹🇭's avatar
TungKukk 1 year ago
“He who has a why to live can bear almost any how.” ผู้ใดจักต้องการเหตุผลของการมีอยู่ ย่อมทนได้กับทุกสิ่ง -ฟรีดริช นิทเช่- ทำไมผมถึงแนะนำ Man’s Searching for meaning (ชีวิตไม่ไร้ความหมาย) เพราะว่าแท้จริงแล้วมันมีความหมายเสมอ และแนวทางที่นิทเช่วางไว้มันต่างจาก Existentialism สายอื่นๆ รวมถึง การตีความของซาร์ต คีย์เคียการ์ด หรือ กระทั่งฟูโก ที่เป็น บก. หนังสือของนิทเช่ที่ฝรั่งเศส Man’s Searching for meaning เป็นงานศึกษาในช่วงพาร์ทแรกของชายอย่าง Victor Frankl ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาในค่ายกักกัน ซึ่งเค้าพูดถึงสภาวะการมีอยู่ ของชาวยิวใน ค่ายนาซี รวมถึงค่าย เอาสวิตซ์ รวมถึงสภาวะการขาดแคลน ที่ค่อยร่อยหลอ ตามกาลเวลาทุกวัน และ การบำบัดของเค้า งานชิ้นเอกของแฟรงค์ไม่เพียงเสนอเรื่องที่ว่า มนุษย์นั้นดำรงค์อยู่เพราะเพราะการมีอยู่ แต่ปฏิเสธการที่บอกว่าชีวิตมันไร้ความหมายเราเลยต้องสร้างความหมาย แต่มันกำหนดมาให้มีความหมายตั้งแต่ต้น ผมแนะนำว่า “ผู้ใดที่เริ่มอยากศึกษาการมีอยู่ รวมถึงการดำรงค์อยู่” ในทางตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผมเรียกว่า ”พวกฝั่งซ้าย“ ควรอ่านเล่มนี้ เป็นที่สุด #siamstr View quoted note →
Tungkukk🇹🇭's avatar
TungKukk 1 year ago
If it repeat and repeat again like a cruse, how could you let it down in the same.
Tungkukk🇹🇭's avatar
TungKukk 1 year ago
@HuaiphuengProject จากวันงาน เราก็เลยไปหาใน Shoppee เหลือ 300/กระปุก ก็ถือว่าคุ้ม image
Tungkukk🇹🇭's avatar
TungKukk 1 year ago
2 inch Technique Steak! เริ่มแรกเดือนที่ผ่านมาผมลังเลว่าจะสั่งเนื้อดีไหมสุดท้ายก็ตัดจบง่ายๆคือสั่งหั่นแม่ง 2 นิ้วไปเลยดีกว่าเพราะขี้เกียจ ย่างสเต็กสองรอบ เพราะปกติผมจะทานเสต็กสองชิ้น ทอดไข่อีกสี่ฟอง สิริเวลาทำแล้ว 20 กว่านาที ใช้เวลาแดกอีก 20 กว่านาที เอาง่ายๆ คือคุณเสียไปแล้วเกือบ 1 ชม.ฟรีๆ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นเถอะ หลังจากสั่งแบบสองนิ้วมาก็คิดแล้วคิดอีก “กูจะย่างยังไง” ลองคิดดู เทคนิค direct sear หรือ Method ที่สอนกันทั่วไปคือ -พักเนื้อ 1 ชม. -ไฟแรง -ใส่น้ำมัน -ย่าง -rest เท่านาทีการย่าง ประเด็นก็คือ คุณไม่สามารถทำมันได้กับเนื้อที่มีความหนาสองนิ้ว เพราะอะไรรู้ไหม เพราะสิ่งที่คุณจะพบคือ ผิวแม่งไหม้ เนื้อแม่งไม่สุก แล้วคุณก็จะตอแหลให้กำลังใจตัวเองว่า “ฉันชอบกินแบบ Rare มากกว่า” หรือประเด็นถัดมาคือ ไฟอ่อน ด้านในสุก แต่ด้านนอกแห้งยังกะหนัง…ของหญิงชะลา แต่ถ้าการจินตนาการของเราเอื้อมถึงเราก็จะพบว่า เราจะใช้วิธีไหน ดีไปกว่า การ มิกซ์แม่งทั้งหมด -เอาเนื้อออกจากตู้เย็น (ไม่ต้องพักเนื้อเลย) -ซับน้ำเนื้อ -โรยเกลือให้ทั่วๆ -ใส่น้ำมัน เปิดไฟกลางค่อนแรง รอประมาณ สามนาที -เอาเนื้อลง และเทคนิคที่สำคัญเลยคือ ไม่ต้องพลิกเนื้อบ่อยแต่ต้องพลิก เนื้อชิ้น ในโพสข้างล่างผมใช้เวลาทำรวมกันเลยคือ 10 นาที 30% ของเวลาที่ใช้คือการรอน้ำมันเดือด ซึ่งผมใช้เวลาย่างทั้งหมด 7 นาที ไฟกลางค่อนแรง (5 นาที) พลิกทุก 1 นาที ไฟแรง 2 นาที พลิกทุก 45 วินาที ส่วนตัวคิดว่าในอนาคตอาจจะซื้อเนยมาเพิ่มอโรมาตอนไฟแรง น่าจะได้รสสัมผัสที่หอมนม มากขึ้น แต่สิ่งที่อยากบอกก็คือ ไอ้เนื้อ สองนิ้ว และ วิธีที่ผมใช้ คุณจะได้สิ่งที่เรียกว่า Crust ชัดเจนมากๆ รวมถึงปฏิกิริยา ไมยราด อีกด้วย ทั้งหมดเป็นแค่ทริก ใครอยู่คอนโดสิ่งที่คุณควรมีคือสัญญาณกันไฟดัง บรัยยย~