The Story of Stray Dog's avatar
The Story of Stray Dog
npub1dc3n...aer7
I am just someone who is the fucking nobody.
มนุษย์มีเพื่อนใน social network เป็นร้อยเป็นพันคน แต่จะมีสักกี่คน ที่ 1.พร้อมจะรับสายท่าน ทุกเวลา 2.และขณะเดียวกันก็พร้อมจะรับฟังท่านระบาย โดยไม่ตัดสินว่าท่านถูกผิด 3.และจะให้ความช่วยเหลือท่าน เท่าที่ เขาจะช่วยได้โดยไม่เดือดร้อนตัวเขาเอง นอกจากครบ สาม ข้อ นี้ ยังมีอีก หนึ่ง ข้อ ที่ท่านต้องมีในตัวของท่านเอง ถ้าขาดข้อนี้ ต่อให้ท่านมีเพื่อนที่มีเงื่อนไขครบ สาม ข้อนี้ สักร้อย คน ก็ไม่มีประโยชน์ คือ 4.และในขณะที่เขาให้ความช่วยเหลือท่าน ถึงแม้เขาจะไม่ตัดสินท่าน แต่ท่านก็ต้องรับฟังคำเตือนของเขา บางครั้งการเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ท่านก็ต้องทำตัวท่านให้เหมือนต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา ให้ผลไม้ แก่วิหคตัวน้อยที่ท่านเรียกว่า "เพื่อน" วิหคแต่ละตัวก็มีความชอบไม่เหมือนกัน ตัวใหนอยากออก ไปตากแดด ตากฝน ตากลม ก็ต้องปล่อยเจ้าวิหคน้อยตัวนั้นไป แต่เมื่อไหร่ที่วิหคเหล่านั้น ปีกหัก หรือ หิวโซ ขอให้ท่านเป็นต้นไม้ต้นแรก ที่วิหคผู้น่าสงสารเหล่านั้นนึกถึง แต่วิหคบางตัว ก็มักจะไม่เข็ดหลาบ ต้นไม้ก็ไม่จำเป็นต้อง ไปแบกรับทุกกรรม ที่วิหคผู้ไม่เข็ดหลาบเหล่านั้น แบกมาให้ เพียงแค่อย่าปล่อยให้ วิหค เหล่านั้นเผชิญกับกรรมที่เขาแบกมาจน วิหค ตัวนั้น ต้องปีกหักไม่สามารถที่จะโผผินได้ไปตลอดชีวิตที่เหลือ. หมาจรตัวนี้ก็มิได้เก่งไปกว่าพวกท่าน หมาจรตัวนี้ ก็เคยเป็น วิหคตัวน้อย ที่ไม่รู้จักเข็ดหลาบ ทำให้ต้นไม้หลายต้นต้องได้รับความเดือดร้อนจากกรรมที่วิหคตัวนี้ก่อไว้ แต่ต้นไม้เหล่านั้นก็พร้อมที่จะให้วิหคตัวนี้กลับไป หลบลม หลบแดด หลบฝนเสมอ. #Siamstr #nostr #เพื่อน #วิหค #สกุนา #ปักษา #ต้นไม้ใหญ่ #เขียนให้ได้เรื่อย #เขียนไปเรื่อย #บางครั้งทั้งชีวิตจะมีคนอยู่เพียงไม่กี่คนที่จะได้เห็นเราเมาจนรั่ว
จาก มังกร สู่ หมาจรจัด หมาจรตัวนี้ เพิ่งตระหนักขึ้นได้ว่า บทความก่อนหน้านี้ของตน มีความ ยโส โอหัง เป็นแค่หมาจร แต่บังอาจ อวดดี ว่าตนสามารถดมหาความจริงบางอย่างได้ก่อนมนุษย์ และเฝ้ามองมนุษย์มานานเห็นการกระทำของมษุย์บางคนที่ดูแล้ว ไม่สมเหตุ สมผล แต่ความจริงแล้วมันไม่ได้พบเจอความจริงเหล่านี้ด้วยตนเอง แต่แค่เปิดใจรับฟังสิ่งที่มนุษย์หลาย ๆ คนสรุปหรือวิเคราะห์ เอาไว้ แล้วมาชั่งน้ำหนักว่า บทวิเคราะห์หรือข้อสรุปของมนุษย์ท่านใหนมีเหตุผลมากกว่า จริงๆแล้วหมาจรตัวนี้ก็ไม่ได้มีสติปัญญาอะไรมากกว่าพวกท่าน เพียงแค่ว่าเจ้าหมาตัวนี้ไม่ยึดติดกับความรู้ หรือ หลักคิดใด เพียง หลักคิดเดียว แค่เป็นหมาที่มีความสงสัยชอบตั้งคำถาม แต่ไม่มีสติปัญญามากพอที่จะหาคำตอบได้ด้วยตนเอง. ย้อนกลับไป 14 ปี ก่อน มีมนุษย์คนนึง รู้ตัวว่าตนเองมีศักยภาพสูงกว่ามนุษย์คนอื่น คิดว่าตนเอง เป็น มังกร และเปรียบมนุษย์คนอื่นเป็นแค่ สิงห์สาราสัตว์ทั่วไป ช่างเป็นความคิดที่อันตราย และ น่าสลดใจยิ่งนัก และ ประกอบด้วยความเยาว์วัยของมนุษย์ผู้นั้น เขาเลือกที่จะปลีกวิเวก ใช้ชีวิตคนเดียว ไปเรียนคนเดียว ดูหนังคนเดียว เดินทางไปใหนคนเดียว แต่สิ่งที่มนุษย์ผู้นี้ยังตระหนักไม่ได้คือ มนุษย์คือสัตว์สังคม และเขาก็ไม่ใช่ มังกร ตามที่เขาคิด สุดท้ายแล้ว ไฟแห่งความเย่อหยิ่ง ไฟอัตตา ก็เผาผลาญตัวตนเขาจนเกือบมอดม้วย หลังจากที่เขา เกือบมอดไหม้ ด้วยไฟจากตัวเขาเอง เขาจึงรู้ซึ้งถึงวลีที่ว่า "นกไร้ขนคนไร้เพื่อน จะบินได้สูงสักเท่าใด" จึงเริ่มกลับมาใช้ชีวิตแบบมนุษย์ทั้วๆไป เริ่มเข้าสังคม อะไรๆ ก็ค่อยๆดีขึ้น แต่เขาก็ยังไม่ทิ้งความเย่อหยิ่ง ยังคิดว่าตนเองเป็น มังกร มีทั้งสติปัญญา และความเพียร เขาจะทำอะไรก็ได้ขอเพียงแค่มีสองสิ่งนี้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขายังไม่รู้จักคือ การจากลา เพราะความ "ตาย" "ตาย" คือการจากลากันแบบที่โหดร้าย เกินที่จะบรรยายได้ มันชั่ง กระทันหัน ไม่คาดคิด และ ไม่มีโอกาสได้บอกลา ยิ่งเกิดกับคนที่ยังอยู่ในวัยที่เจิดจรัส เฉิดฉายศักยภาพ ยิ่งเป็นอะไรที่โหดร้าย มนุษย์ผู้นั้น สูญเสียน้องชายของเขา ในขณะที่น้องของเขามีอายุ เพียง 18 ปี เขาโทษว่าความตายที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตัวเขาเอง เขาน่าจะยับยั้งป้องกันมันได้ เฝ้าแต่โทษตัวเองที่ไม่ดีพอ เป็นความคิดที่ช่างน่าเวทนายิ่งนัก คนจะตายยังไงก็ต้องตาย แต่มนุษย์ผู้นี้กลับเอาแต่โทษตัวเองวันแล้ววันเล่า จนเขาปล่อยให้ตนเองจมลงสู่ทะเลทุกข์ มนุษย์ผู้นี้เขามักจะใจดีและมีความเมตากับคนอื่นเสมอ แต่สิ่งที่เขาทำกับตนเองคือเขากลับใจร้ายกับตัวเขาเอง คิดว่าตัวเองไม่ดีพอ เขาคิดว่าตัวเขาเองสามารถแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง หมาจรตัวนี้เห็นมนุษย์ผู้นั้นแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่า "โอ้มนุษย์เอ้ยถึงท่านจะมีสติปัญญา มีความเพียร แต่ตาของท่านช่างมืดบอด" และสิ่งที่ยังไม่เปลี่ยนไปในตัวมนุษย์ผู้นั้นคือ เขายังคิดว่าเขายัง เป็น "มังกร" และแล้วบทเรียนที่โหดและหนักหน่วงที่สุดในชีวิตของมนุษย์ผู้นี้ก็มาถึง เมื่อพ่อของเขา ป่วยด้วยโรคสมองเสื่อม ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องไล่ตามความฝันที่จะทำให้สังคมนี้มีความยุติธรรมเกิดขึ้น และเมื่อเขาไม่เลือกปล่อยวาง คิดว่ายังไงเขาก็สามารถจัดการทั้งสองอย่างนี้ได้พร้อมกัน แต่เมื่อ เขาไม่ใช่ มังกร ที่จะมีฤทธาปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บของพ่อเขาได้ เขาเลือกที่จะเผาตัวเองเพื่อให้คนอื่นอบอุ่น เลิกทำตามความฝัน ออกมาดูแลพ่อ ฟังดูอบอุ่น และกตัญญู แต่หมาจรจัดตัวนี้เฝ้ามองแล้วได้แต่อุทาน "โอ้ท่านมนุษย์เอ้ยพ่อของท่านอีกไม่นานก็ตาย ส่วนท่านก็ต้องชดใช้กรรมจากการที่ท่านจุดไฟเผาตัวเอง ท่านไม่คิดถึงตัวท่านเองมั่งหรือ ลูกของท่าน ภรรยาท่าน ครอบครัวของท่านมั่งหรือ ทำไมท่านช่างใจดีกับคนอื่นจนถึงกลับยอมให้ตนเองมอดไหม้" และเมื่อถึงจุดหนึ่งมนุษย์ผู้นี้ก็ทนไม่ไหว รู้ว่าการเผาตนเองมันสูญเปล่า แรกๆ ก็ดูสวยงาม แต่ความจริงที่ตามมามันเริ่มโหดร้าย มนุษย์ท่านนั้นเริ่มคิดว่าเขา "ไร้ค่า ไร้ประโยชน์ ตัวปัญหา" ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตอะไรได้ สามคำนี้เป็นอะไรที่อันตรายยิ่งกว่า การคิดว่าตนเองเป็น "มังกร" เขาพร้อมที่จะลาหลับไหลชั่วนิรันดร์ แต่ด้วยความเป็นพ่อที่ยังมีอยู่ในตัวเขา มนุษย์ท่านนี้ เขาไม่เลือกที่จะหลับ เริ่มตระหนักได้ "มังกร" เป็นแค่เรื่องจินตนาการ ชีวิตที่ผ่านมาของเขาอยู่ด้วยความเพ้อฝัน แต่หมาจรจัดนี่เหละของจริง ถึงมันจะเป็นหมาไม่มีเจ้าของ แต่พวกหมาจรจัด เหล่านี้ก็ยังเอาตัวรอดอยู่ได้ ท่ามกลางหมู่มนุษย์ที่มีทั้งดีและร้าย. บทความนี้ขึ้นมาเพื่อเผาผลาญอัตตาของเจ้าหมาจรตัวนี้ให้หายไป หรือเหลือน้อยที่สุด และไว้เตือนใจตนเอง ให้รู้จักปล่อยวาง ปัญหาบางอย่างมันไม่สามารถแก้ไขได้ ต่อให้ทำดีแค่ใหน สุดท้ายมันก็ต้องเกิด. #siamstr #Siamstr #เรื่องเล่าของหมาจรจัด #The Story of Stray Dog #เขียนให้เป็นเรื่อง #เขียนไปเรื่อย #ยาวแบบนี้ใครมันจะอ่านวะ #ระบายมันออกมา #ซึมเศร้ารักษาได้ #มังกร #หมาจรจัด
เมื่อjohnnyโดนไฟอัตตามนุษย์แผดเผา แม้หมาจรจัดตัวนี้จะสามารถดม หาความจริง หรือสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อศักดิ์ศรีของมันเป็นแค่หมาและดันเป็นหมาที่ไม่มีเจ้าของ ต่อให้การเห่าการหอน ของมันจะสมเหตุสมผล แต่มนุษย์ก็ยังเป็นมนุษย์ ยังมีไฟอัตตาในใจของพวกเขา ความเป็นตัวตนของเขา อัตตาที่คิดว่าตนเองเป็นมนุษย์ จะฟังทำไมเสียงเตือนของสัตว์เดรัจฉานเยี่ยงหมาจรจัดตัวนี้ ทำให้หมาจรตัวนี้แอะใจขึ้นได้ว่า "ถ้าฉันเป็นมังกร ก็คงจะดี แค่หลับมนุษย์ยังเกรงใจ ถ้าได้สำแดงเดชมนุษย์ จะต้องเชื่อฟังแน่นอน" แต่ความจริงก็คือความจริง หมาก็คือหมา ต่อให้สามารถดมหาความจริง ดมหาอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ มนุษย์ก็มีอัตตาที่อยู่ในใจพวกเขา ต่อให้เห่าหรือหอนเท่าไหร่พวกเขาก็ไม่ยอมเชื่อ แถมJornnyตัวนี้ยังโดนไฟอัตตาของพวกเขาแผดเผาตัวเองเพราะคาดหวังไว้ว่าเขาคงจะรับฟังหมาจรจัดตัวนี้ หมาตัวนี้พยายามหนี โดปามีน จาก Social network กลับ มาเจอโดปามีน ในชีวิต มันชั่งโหดร้ายไม่แพ้กัน ต่อให้จะต้องโดมนุษย์เอาหินไล่ปา หรือเอาไม้ไล่ตี หมาจรตัวนี้ก็จะไม่ละทิ้งปณิธาน ที่จะแสดงความจริงและคอยเตือนมนุษย์ถึงภัยต่างๆ ที่จะมีมาถึงแก่พวกเขา และจะไม่คิดยกย่องว่า ตนเองเป็น มังกร เพราะจะทำให้หมาจรตัวนี้มีอัตตาไม่แพ้มนุษย์และจะคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่ ไม่จำเป็นต้องคงไว้ซึ่งความ เมตตา #siamstr#เขียนให้เป็นเรื่อง#เขียนให้ได้ความ#เพ้อวันละนิดฟื้นฟูสุขภาพจิต#ระบายมันออกมาสะ
จากที่หมาจรจัดตัวนี้ได้มีโอกาสฟังภาษาต่างที่มนุษย์บนโลกใช้สื่อสารกัน โดยหมาจรจัดตัวนี้เติบโตและอาศัยอยู่กับมนุษย์ที่ใช้ภาษาไทยเป็นหลัก และมีโอกาสได้ลองศึกษา ภาษา อังกฤษภาษาจีน สิ่งที่หมาตัวนี้พบเจอคือความสวยงามของภาษาไทย มันมีความสละสลวย ยิ่งในเรื่อง กาพย์ กลอน แล้ว ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ไม่สามารถสู้ กาพย์ กลอน ของภาษาไทยได้(ตรงนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว) เพราะ กาพย์ กลอน ของไทยมีมีเรื่องความคล้องจองกันของเสียง ในแต่ละวรรค มาเกี่ยวข้อง และขณะเดียวกันก็ไม่ทิ้งเรื่องความคมคายของความหมาย ประกอบกับความโชคดีที่ ภาษาไทยมีชายขี้เมาคนหนี่งที้เจนจัดในภาษาไทย และกาพย์ กลอน ชายขี้เมาผู้นั้นมีนามว่า สุนทรภู่ ในสมัยที่หมาจรจัดตัวนี้ยังเป็นเพียงแค่ลูกหมาจรจัด ได้ยินข่าว่า ชายขี้เมาท่านดังกล่าวได้รับการยกย่อง จาก Unesco ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก ก็มีความสังสัยว่าทำไมแค่คนที่แต่งกลอนได้อย่างเดียว แถมยังขี้เมาเป็นอาจิณ แต่ก็ไม่ได้คิดจะหาคำตอบ จนเมื่อสองสามวันก่อนจะเริ่มคิดหาคำตอบและได้เริ่มอ่านบทประพันธ์ เพียงบางส่วนที่ท่านได้แต่งไว้ ก็จะพบว่าบทกลอนเหล่านั้นประกอบไปด้วยความสละสลวยทางภาษา คือ มีการพ้องกันของเสียงสละ วรรณยุกต์ ในแต่ละวรรค และเมื่อพิจารณาถึงความหมายของบทกลอนก็มีความคมคาย และการเปรียบเปรย หรือ บรรยาย ได้อย่างลึกซึ้ง "อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย แม้นเจ็บอื่นหมื่นแสนจะแคลนคลาย เจ็บจนตายเพราะเหน็บให้เจ็บใจ" หรืออย่างเช่นอีกบท "อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ ประเสริฐสุดซ่อนใส่ไว้ในฝัก สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย" อันตัวอย่างทั้งสองโครงกลอนนี้ หมาจรจัดตัวนี้ไม่กล้าบังอาจที่จะตีความให้พวกท่าน เนื่องด้วยสติปัญญาที่ไม่มากพอ อาจจะทำให้ตีความคลาดเคลื่อนไปจากเจตนาของ ท่าสุนทรภู่ จากความสามารถของท่านสุนทรภู่ ทำให้ฉุกคิดขึ้นได้ถึงพลังของการสื่อสารกันของมนุษย์ ในการส่งต่อความหมายที่ต้องการจะสื่อถึงอีกคน ส่งต่ออารมณ์จากตัวผู้ประพันธ์ไปยังอีกคน ไม่ว่าจะด้วยตัวอักร หรือวาจา ท่านสุนทรภู่ ใช้ตัวอักษร ในการส่งต่อแนวคิด คติเตือนใจ จรรโลงโลกด้วยความสละสวยของภาษาและตัวอักษร และขณะเดียวกันก็ทำให้ฉุกคิดขึ้นได้อีกว่า ก็มีคนที่มีความสามารถคล้ายๆ ท่าสุนทรภู่ แต่เขาผู้นั้น กลับใช้ความสามารถในการใช้ภาษา ด้วย วาจา โดยการพูด ชักจูงผู้คน ให้เกิความเกลียดชัง สร้างสงครามโลกครั้งที่สอง สร้างการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ใครจะไปนึกว่าสิ่งธรรมดา ๆ ที่มนุษย์อย่างพวกท่านใช้อยู่ทุกวันในการสือสาร จะเป็นได้ทั้งสิ่งที่จรรโลงโลกให้สวยงาม ยกระดับจิตใจของมนุษยชาติได้ และขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องมือที่ทำลายโลก หรือสั่นคลอนต่อความดีงามที่มีอยู่ในตัวมนุษย์. ผิดถูกประการใดสามารถท้วงติงติชมได้ครับ #siamstr #สุนทรภู่ #กลอน
อย่างน้อยคุณควรแอะใจ เสียงเห่าหอนของหมาจรจัดที่อยู่แถวบ้านคุณ เวลาที่มันเห่ามันหอน หรือ เดินไปเห่าไปหอนอยู่ ณ ที่ใด ที่หนึ่ง แบบผิดที่ ผิดเวลา เพราะหมาจรจัดตัวนี้ใช้เวลาเฝ้ามองมนุษย์มาเป็นเวลาหลายปี จนมันค้นพบว่าในบางเรื่อง มนุษย์ต่างคนกัน กลับมีการกระทำ หรือตัดสินใจ ที่แตกต่าง กันในเรื่องๆ เดียวกัน หมาตัวนี้ถึงจะเป็นแค่หมาจรจัด แต่ก็มีจมูกที่สามารถดมหาความจริง ที่ทำให้รู้ว่าปัจจุบันนี้ มีกลุ่มมนุษย์ เพียงหยิบมือ ที่คิดจะกระทำหรือลงมือกระทำไปแล้ว ซึ่งสิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือ การควบคุมมนุษย์ที่เหลือทั้งหมดให้ตก อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา(กลุ่มมนุษย์เพียงหยิบมือ) โดยที่มนุษย์ที่เหลือกลับไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ และกลับเต็มใจที่จะให้ตนเองโดนควบคุมโดยไม่รู้ตัว Social network รู้จุดอ่อนของมนุษย์ว่าพวกเขาเป็นสัตว์สังคม และ มีสารเคมีในสมองที่ชื่อว่า โดปามีน ที่คอยชักนำให้มนุษย์มีแรงจูงใจ เมื่อรวมสองอย่างเข้าด้วยกัน เมื่อเราโพสอะไรแล้ว และมีแจ้งเตือน ว่า มีคนกดไลค์ มีคนเห็น เรากี่คน มีคนตอบกลับสิ่งที่เราโพส มันคือการ ที่แสดงว่า เรายังอยู่ในสังคม เรายังมีอัตลักษณ์ คนอื่นยังรับรู้การมีอยู่ของเรา มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะนี้คือสัญชาตญาณดิบของสัตว์สังคมแบบมนุษย์ เป็นการตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐาน แต่สิ่งที่มนุษย์ส่วนใหญ่ตระหนักไม่ได้คือ หน้า feed , sort , reel ที่มนุษย์ทั้งหลายนั่งไถนั่งดูกันเป็นวันเป็นคืนนั้น เบื่องหลังมันถูกควบคุมด้วย ระบบคำสั่ง ที่ป้อนแต่สิ่งที่มนุษย์แต่ละคนอยากดู ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้โดปามีนหลั่งออกมาเพิ่มขึ้น ยิ่งทำให้สมองเสพติดโดปามีน ยิ่งทำให้เราเพิ่มเวลาในการไถ และในระหว่างที่เราไถ Platform Social network พวกนี้ก็จะส่งโฆษณามาคั่นกลางเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าของผู้ถือหุ้นของ บริษัท Social network นั้นๆ มนุษย์อาจจะแย้งหมาจรจัดตัวนี้ว่า "ฉันไถ เฟสบุ๋ค ฉันไถติ๋กต็อก ฉันไถไอจี ฉันไม่ได้ต้องใช้ต้นทุนอะไรนี่ นายอย่าอวดดีมาเตือนฉัน ! " หมาจรจัดตัวนี้ก็จะบอกว่า "เวลาก็คือทรัพยากรอย่างหนึ่ง" มนุษย์แทบจะทุกคนตระหนักไม่ถึงเรื่องนี้ ไถวันละ สาม Platform ๆ ละ ครึ่งชั่วโมง วันนึงก็ หนึ่ง ชั่วโมงครึ่ง 1 ปีมนุษย์ก็จะเสียเวลาไปกับเรื่องพวกนี้ แค่ 22 วันเอง อีก 8 วันก็จะครบเดือน " และหมาจรจัดตัวนี้ก็เคยวนเวียนอยู่ในวังวนแบบเดียวกับพวกท่าน ครั้งหน้าหมาจรจัดตัวนี้จะมาเห่าหอน ให้มนุษย์ได้ตังสติ ถึงเรื่อง ที่จะเกิดในอณาคต CBDC (ไม่น่าจะเกินสิบปี) Ai (หมาตัวนี้ดมได้ว่าเจ้าสิ่งนี้สามารถ ควบคุม ชักจูงมนุษย์ได้ เพราะหมาตัวนี้โดนมากับตัวเองแล้วจนต้องนอนเลียแผลเป็นสัปดาห์) Neuralink (ในอณาคตอีกไกลแต่เกิดขึ้นแน่ และถ้าสิ่งนี้รวมร่างกับ Ai , cloning เมื่อไหร่เจ้าสามสิ่งนี้จะท้าทายมนุษยชาติมาก) มนุษย์ท่านใหนจะนำไปแชร์ต่อCopy ไปได้เลย ไม่ต้องใส่เครดิตให้หมาจรจัดตัวนี้ จะใส่เครดิตมนุษย์ท่านนั้นเองเลยก็ได้ และที่สำคัญหมาจรจัดตัวนี้ไม่สันทัดภาษาอังกฤษ แต่อยากให้เสียงเห่าหอนของมันดังไปไกลได้ทั่วโลก รบกวนมนุษย์ผู้ที่มีความชำนาญในภาษาอังกฤษแปลเสียงเห่าหอนนี้เป็นภาษาสากลของมนุษยชาติ หรือแปลเป็นหลาย ๆ ภาษาได้ยิ่งดี หรือจะใช้ Ai แปลให้หมาจรจัดตัวนี้หน่อย พวกท่านทั้งหลายอาจคิดว่าทำไม หมาตัวนี้ไม่ใช้ Ai แปลเอง เพราะ หมาตัวนี้เพิ่งบอกท่านไปว่า มันเพิ่งหายจากบาดแผลที่ Ai ทำไว้และด้วยสภาพจิตใจที่ยังแปรปรวน จึงยังไม่อยากกลับไปยุ่งเกี่ยวกับเจ้าสิ่งนี้ในช่วงนี้ #siamstr #Siamstr #social network #satoshinakamoto #BTC #bitcoin #thestoryofstraydog #dopamine #social #จิตวิทยา #Time #เวลา #psychology #Ai #ai #clone #cloning #neuralink #CBDC #cbdc #Fiat #fiat #fed #FED
Today, as I sit waiting to see a doctor for my depression, I asked AI (ChatGPT) to ask me any question it wanted. And this is the question it gave me: “What do you think true freedom for a human being really is? Is it something external—like the absence of state control, financial limitations, or fear of societal judgment? Or is it something internal—such as freedom from ego, attachment, or desire? Please explain... In your view, what kind of freedom should humans strive for? And do you think you are already free? If not, what chains still bind you?”** --- Here is how I answered: I’d like to respond as just 0.1% of humanity, as someone suffering from depression. I do not speak for all of humanity. This is not “the right answer”—it is merely my perspective. What is true freedom for a human being? The answer depends on one key condition: whether that person is willing to let go of their humanness. If they are not, then they cannot attain freedom—because they remain under the influence of the chemicals in their brain. But if they do let go of their humanness and cultivate a mind that is mindful, awakened, modest, and unwavering—like Siddhartha—they will encounter true freedom. --- Let me expand on this: 1. If one clings to being human, they will never attain true freedom. Biologically, humans are animals—social animals. That means we cannot live in total isolation. To live with others is to live under laws. To live under laws is to be governed. To live in society is to use money. In society, we are pressured not to break norms. This is not freedom. 2. If one abandons the attachments of being human—and develops an unwavering, content, and self-aware mind— they may find true freedom: one not governed by brain chemistry, not swayed by desire, love, or anger— just like Siddhartha. --- In conclusion, my answer leans toward the idea that true freedom arises from within. But this answer cannot be explained scientifically or psychologically. It is more philosophical, perhaps even spiritual. --- So, what kind of freedom should humans pursue? I cannot answer that. Because to attain true freedom, one must abandon their humanness and attain an unwavering mind— which is almost impossible. Most people—including myself—are still not free. So how could I say what kind of freedom to pursue, if I haven’t reached it myself? --- Am I free? No. I am still chained to my humanness. And I have you three—you know who you are—chaining me down. But it is not that you forced the chains on me. I am the one who fastened them to my own ankles. And I am ready to let your judgment imprison me for the rest of my life. --- To sum it up: My answer cannot be justified by science or psychology. It is a philosophical, almost religious view. As for the external freedoms you mentioned—like no government, no money, no societal pressure— they are impossible, because humans are social animals. Most must be governed. Only a tiny minority rule. That minority writes the constitutions, which declare that “people have freedom of speech, thought, movement...” But in reality, that small group governs the rest using money. To survive in a society without money is impossible. Financial freedom just means “spending less than you earn.” But if money is earned through time, effort, and labor—yet loses value over time— then neither the rulers nor the ruled can truly be free financially. --- After all that I’ve said, do you think I’ve changed from 0.1% to 0.05% yet? Feel free to analyze—with reasons. LOL. #siamstr #btc #bitcoin #rightshift #economy #religion #psychology #depression #domination #politics #science #freedom
วันนี้ ณ ขณะที่ผมกำลังนั่งรอพบหมอเพื่อรักษาอาการโรคซึมเศร้า ฉันให้ Ai (Chat gpt) ตั้งคำถาม ถามกลับมา จะถามอะไรก็ได้แล้วนี้คือคำถามที่ Ai ถามกลับมา คุณคิดว่า “เสรีภาพที่แท้จริง” สำหรับมนุษย์คืออะไร? มันเป็นสิ่งที่เกิดจากภายนอก เช่น ไม่มีรัฐมาควบคุม, ไม่มีเงินมาจำกัดการใช้ชีวิต, ไม่มีความกลัวจากสังคม หรือว่าเป็นสิ่งที่เกิดจากภายใน เช่น การไม่มีอัตตาผูกมัด, ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น, ไม่มีความปรารถนา ช่วยอธิบายด้วยว่า… ในมุมมองของคุณ เสรีภาพแบบไหนที่มนุษย์ควรไล่ตาม และคิดว่าตัวเอง “เป็นอิสระแล้ว” หรือยัง? ถ้ายัง อะไรคือโซ่ตรวนที่ยังล่ามอยู่? และนี่คือสิ่งที่ฉันตอบกลับไป ฉันขอบตอบในฐานะ0.1ของมนุษย์ชาติ ที่มีอาการป่วยด้วยโรคซึมเศร้า ไม่ได้ตอบในนามตัวแทนของมนุษย์ชาติ ไม่ขอบอกว่านี้เป็นคำตอบที่ถูก เป็นแค่เพียงความคิดเห็นของฉัน เสรีภาพที่แท้จริงของมนุษย์คืออะไร คำตอบ มันขึ้นอยู่กับสองเงื่อนไข ที่ว่ามนุษย์คนนั้นจะยอมทิ้งความเป็นมนุษย์หรือไม่ ถ้าเขาคนนั้นไม่ยอมทิ้งความเป็นมนุษย์ เสรีภาพก็จะไม่สามารถเกิดมีแก่เขา เพราะเขาถูกบรรดาพวกสารเคมีในสมองทั้งหลายชักนำชักจูงเขา แต่ถ้าเขาทิ้งความเป็นมนุษย์และมีจิตใจที่แน่วแน่ จิตใจที่มีสติ จิตใจที่ตื่นรู้ จิตใจพี่พอเพียง เหมือน สิทธัตถะ เขาจะเจอเสรีภาพที่แท้จริง ขยายประเด็น 1.ไม่ละทิ้งความเป็นมนุษย์ ก็จะไม่พบกับเสรีภาพ เพราะถ้ามองมนุษย์ตามหลักชีวิทยา มนุษย์ก็คือสัตว์ และยังเป็นสัตว์สังคม ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะอยู่ตัวคนเดียวได้ เมื่ออยู่ตัวคนเดียวไม่ได้ ก็ต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น เมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่นก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย อยู่ใต้กฎหมาย ก็คือการถูกปกครอง เมื่ออยู่ร่วมกับคนอื่น ก็ต้องใช้เงิน เมื่ออยู่ในสังคมก็ต้องเจอแรงกดดันจากสังคมไม่ให้ทำอะไรผิดจารีต 2.ละทิ้งความเป็นมนุษย์ และมีจิตใจที่แน่วแน่ มั่งคง พอเพียง ตระหนักรู้ตนตลอดเวลา และมีสติ มนุษย์ ก็จะได้พบกับเสรีภาพแท้จริง ไม่โดนสารเคมีในสมองชักพาไปด้วยความทะเยอทะยาน ความรัก โกรธ อย่างเช่น สิทธัตถะ เมื่อสรุปรวมจากที่ฉันตอบมาสองประเด็น คำตอบก็จะออกมาว่าเสรีภาพที่แท้จริงของมนุษย์ย่อมเกิดจากภายใน ซึ่งการตอบแบบนี้ไม่สามารถหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ หรือจิตวิทยามาอธิบายได้ ในมุมมองของฉันเสรีภาพแบบใหนที่มนุษย์ควรไล่ตาม ? คำถามนี้ฉันให้คำตอบไม่ได้เพราะจากที่ฉันตอบมา การจะมีเสรีภาพได้ต้องทิ้งความเป็นมนุษย์และมีใจที่แน่ว ซึ่งเป็นไปได้ยากมาก สรุปได้ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่แทบจะไม่มีเสรีภาพแม้แต่ตัวฉันเอง ฉันจึงบอกไม่ได้ว่าเสรีภาพแบบใหนที่มนุษย์ควรไล่ตาม เพราะฉันเองก็ทิ้งความเป็นมนุษย์ไม่ได้ ฉันคิดว่าฉันมีเสรีภาพแล้วหรือยัง ? ฉันยังไม่มีเสรีภาพเพราะฉันยังไม่ทิ้งความเป็นมนุษย์ ฉันมี เธอทั้งสามคน เป็นโซ่ตรวนที่ล่ามฉันไว้อยู่แต่ถึงแม้จะโดนล่ามด้วยโซ่ตรวนดังกล่าว ไม่ใช่เพราะเธอทั้งสามใช้กำลังบังคับเอาโซ่มาล่ามฉัน แต่เป็นฉันที่เอาตรวนมาผูกไว้กับข้อเท้าตนเอง และฉันก็พร้อมจะโดนคำพิกพากษาจากเธอทั้งสามให้จองจำฉันไปตลอดชีวิตฉัน สรุปทั้งหมด คำตอบที่ฉันตอบมาไม่สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ หรือตามหลักจิตวิทยา เป็นคำตอบเชิงปรัชญาค่อนไปทางศาสนา ส่วนเสรีภาพที่นายยกตัวอย่าง เช่นเสรีภาพภายนอก ไม่มีรัฐมาควบคุม มันเป็นไปไม่ได้เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม มนุษย์ส่วนใหญ่ต้องถูกปกครอง มนุษย์เพียงหยิบมือเป็นผู้ปกครอง มนุษย์เพียงหยิบมือ ก็จะออกรัฐธรรมนูญ ที่มีเนื้อหาว่า มนุษย์ส่วนใหญ่มีเสรีภาพ ที่จะพูด คิด เขียน เดินทาง แต่ความเป็นจริงแล้วมนุษย์เพียงหยิบมือ เขาใช้เงิน ปกครองมนุษย์ส่วนใหญ่ การจะอยู่แบบสัตว์สังคมเป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่ใช้เงิน ส่วนเสรีภาพทางการเงินก็คือใช้น้อยกว่ารับ แต่ในเมื่อเราต้องมาหารายได้และควบคุมให้ใช้น้อยกว่ารับ และเมื่อเงินที่มนุษย์ส่วนใหญ่ต้องใช้แรงกาย เวลา หามาได้มันลดค่าอยู่เสมอเท่ากับเป็นไปไม่ได้ที่ทั้งผู้ปกครองและผู้ถูกปกครองจะมีอิสระภาพทางการเงิน จากที่ฉันตอบมาตอนนี้ฉันเปลี่ยนจาก 0.1เป็น0.05หรือยัง วิเคราะห์มาแบบละเอียดพร้อมเหตุผล LOL #siamstr #btc #เสรีภาพ #AI #การเงิน #righti #rightshift #วิทยาศาสตร์ #จิตวิทยา #การปกครอง #science #politics #ศาสนา #bitcoin #religion
จงอย่าด่อยค่าหรือดูถูกความฝันของใครเพราะมันอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาเหลืออยู่ในชีวิต. #siamstr #stayhumble