ตอนนี้ relay.siamstr.com ค้างและ down ไปเรียบร้อย หลังจากที่รันมายาวประมาณเกือบ 3 เดือน โดยไม่หยุดระบบเลย อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยมีปัญหาหรือผมไม่ค่อยได้แวะเข้าไปเช็คสักเท่าไหร่ แต่ในช่วงวันนี้ก่อนจะค้าง ใช้ CPU และ Disk อ่านเยอะกว่าเดิมมาก ๆ ครับ รอแป๊บนะ กำลัง reboot เครื่องครับ
#siamstr
teemie ⚡
teemie@siamstr.com
npub1z8hu...q70x
Bitcoiner, LN node runner and nostr relay operator.
Join my nostr relay wss://relay.siamdev.cc
#nostr #siamstr #satsdays #dca108
หลังจากได้ทดลองซื้อ Bitcoin ผ่าน Exchange ที่รองรับการถอนด้วย Lightning ทั้ง 4 เจ้าคือ OKX, Binance, Bitfinex และ Kraken (จริง ๆ รอบนี้ไม่ได้ทดลองกับ Kraken ถือว่าเมื่อก่อนเคยใช้มาบ้างแล้ว) ผมขอเปรียบเทียบค่าธรรมเนียม 2 ส่วนคือ Trading Fee และ Withdrawal Fee ดังนี้
Trading Fee (Taker) Withdrawal Fee (Lightning)
OKX 0.1% 1000 sats
Binance 0.1% 100 sats
Bitfinex 0.2% 100 sats
Kraken 0.4% 0 sats
* Date: 12-Jun-2024
จากรายการค่าธรรมเนียมด้านบน ผมฟันธงไปเลยว่าซื้อ Bitcoin แล้วถอนด้วย Lightning ที่ไหนค่าธรรมเนียมถูกที่สุดคือ Binance ครับ และระบบ Lightning ของ Binance ก็ถือว่าน่าจะดีที่สุดด้วยครับ ตอนที่ผมซื้อผ่าน Bitfinex ผมถอน Lightning มาที่ Node ของผมไม่สำเร็จอยู่ 2 รอบ แต่ละรอบต้องรอ support ยกเลิกคำสั่งการถอนใช้เวลา 2 วัน รอบสุดท้ายผมจึงถอนจาก Bitfinex -> Binance ก่อนแล้วค่อยถอนจาก Binance มาที่ Node ตัวเองจึงจะสำเร็จ ผมจึงไม่ค่อยแนะนำ Bitfinex เพราะปัญหาการถอน Lightning และระยะเวลา support เนี่ยแหละ
ส่วน OKX ทีแรกดูน่าสนใจมาก การถอนสำเร็จได้ดี แต่พอเจอ Withdrawal fee 1000 sats ก็ถือว่าแพงเกินไป
สำหรับ Kraken สามารถถอน Lightning ได้ฟรีแต่ค่า Trading Fee ก็สูงที่สุดคือ 0.4% จะเหมาะกับผู้ที่ถอนจำนวนน้อยกว่า 25,000 sats ซึ่งถ้ามากกว่านั้น Binance เหมาะสมที่สุดครับ
ปล. ผมทดสอบการถอน Lightning จำนวนกว่า 700000 sat บน OKX, Bitfinex และ Binance
ปล2 Node ของผมเปิด Channel กับ OKX เพียงช่องเดียวเท่านั้น
#siamstr
หลังจากได้ลองผิดลองถูกกับ seedsigner มากว่า 1 สัปดาห์แล้ว ผมว่าเป็น hardware wallet ที่ดี น่าสนใจ แต่มีข้อควรระมัดระวังอยู่พอสมควรขอสรุปดังนี้
1. ราคาอุปกรณ์ค่อนข้างถูก ผมสั่งซื้ออุปกรณ์ทั้งหมดจาก shopee รวมแล้วไม่เกิน 1500 บาท เท่านั้น ถือว่าเป็น hardware wallet ที่ถูกที่สุดที่ผมมีอยู่ในมือครับ (ledger nano S, trezor one และ coldcard mk4) รายการอุปกรณ์ที่สั่งผมรวบรวมให้ดังนี้
- Raspberry Pi Zero W ต้องใช้รุ่นที่มี header ที่มีขั้วต่อสำหรับ LCD HAT ด้วยนะครับ
https://th.shp.ee/qeS3zsM
- หน้าจอ LCD Display 240x240 HAT Kit for Raspberry Pi Zero
https://th.shp.ee/QuEG6Zg
- Module กล้องสำหรับ Pi Zero
https://th.shp.ee/Co1hqv8
- SD Card ขนาดอย่างน้อย 64MB ถ้าใครมี SDCard เก่าไม่จำเป็นต้องซื้อก็ได้เพราะใช้เนื้อที่น้อยมากแค่ 64MB แต่ถ้าซื้อใหม่เดี๋ยวนี้ต้องซื้อ 32GB ไปแล้วครับ ซึ่งมันเยอะเกินไปมาก
https://th.shp.ee/Nb5w96W
- สายชาร์จ Micro-USB ซึ่งน่าจะมีกันทุกคน แต่ถ้าใครยังไม่มีก็จำเป็นต้องใช้ด้วยครับ
อุปกรณ์ทั้งหมดผมซื้อมาในราคาไม่มี 1400 บาท เพราะมีคูปองส่วนลดอีกนิดหน่อยครับ
2. รองรับการใช้งานได้ทั้งมือถือและคอมพิวเตอร์ แต่ต้องมีกล้องเท่านั้น การทำธุรกรรมทั้งหมดจะเชื่อมต่อกันผ่านกล้อง มันรองรับ software ได้หลายตัวเช่น Sparrow, Specter, Nunchuk, Bluewallet, Keeper จึงทำให้การใช้งานค่อนข้างง่ายเพราะใช้กับมือถือได้ และมันสะดวกมาก ๆ ครับ
3. เน้นความปลอดภัยขั้นสุด แม้มันจะใช้ SD card สำหรับเก็บ software ในการทำงาน แต่ใช้เฉพาะเมื่อ boot เครื่องเท่านั้น หลังจากที่ boot เครื่องเสร็จแล้ว เราสามารถถอด SD Card ออกจากเครื่องได้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้แน่ใจว่า private key ของเราไม่ได้ถูกบันทึกไว้ใน SD Card และไม่ต้องงงครับ อุปกรณ์ตัวนี้ไม่ได้เก็บ private key ไว้ในเครื่อง แต่ key ที่เราจะนำมาใช้ จำเป็นต้องเก็บไว้ภายนอก และต้องทำ QR Code เอาไว้ก่อน ทุกครั้งที่ใช้งานเราจำเป็นต้องนำ QR Code ของ private key มาแสกนด้วย seed signer เพื่อเป็นการ load key เข้าเครื่องเพื่อใช้งานครับ
Seed/private key ของเราจึงมี 2 รูปแบบคือเป็น 12/24 word seed phrase และ QR Code ข้อควรระวังคือห้ามถ่ายรูป QR Code เด็ดขาด เพราะมันก็คือ seed นั่นเองที่ห้ามถ่ายรูปเช่นเดียวกัน
แต่สำหรับผมที่สายตาเริ่มไม่ค่อยดีนักแล้ว การจะต้องทำ QR Code ซึ่งมีขนาดเล็ก มันยากกว่าที่คิดครับ มีฝนผิด ๆ ถูกๆ หลายครั้งเหมือนกัน แต่สำหรับน้อง ๆ ที่สายตายังโอเคมันคงไม่ได้ยากอะไรครับ
4. รองรับ Multisig ได้ดีเยี่ยม ข้อนี้ผมให้ดีที่สุด เพราะเราสามารถมี key หลายชุด โดยใช้ seed signer เพียงเครื่องเดียวเท่านั้นครับ ไม่จำเป็นต้อง hardware wallet ตามจำนวน key ที่เราใช้งาน อันนี้ผมถือเป็นข้อดีของมันที่สุดครับ
ผมว่า seed signer เหมาะมากในการใช้งาน โดยเฉพาะคนที่จะใช้ multisig เพราะใช้เครื่องเดียวเท่านั้น และการประกอบและเตรียมอุปกรณ์ก็ช่างง่ายดายเสียจริง ทุกอย่างมันเหมาะสมกันดี และสะดวกมากกับการใช้บนมือถือครับ
#siamstr #seedsignerวันนี้้เป็นวันแรกที่ทดลองใช้ node ของตัวเองสำหรับ stacksats พบว่า okx เก็บค่าถอน lightning ถึง 1000sats จึงรีบไปเช็ค exchange อื่นที่มีทันที พบว่า
okx : 1000sats
binance : 100sats
kraken : ปิดการถอน lightning มีเฉพาะฝากเท่านั้น
ครั้งนี้จึงจ่ายแพง 1000sats กับ okx ครั้งหน้าจะลองที่ binance ดีกว่าครับ
ผมจึงลองเข้าไปหน้าถอนของ binance แล้วทดลองวาง invoice ปรากฏว่าถ้า invoice เป็นตัวพิมพ์ใหญ่มันจะไม่รับ แต่จะรับเฉพาะตัวพิมพ์เล็ก ซึ่งถ้าผมสร้าง invoice จาก zeus หรือ lnbits มันจะเป็นตัวพิมพ์ใหญ่อ่ะสิ คงต้องสร้างจาก node โดยตรงสินะ
มีใครแนะนำ exchange อื่นที่รองรับการถอน lightning แนะนำเพิ่มเติมไหมครับ
#siamstr #satsdays #stacksats


New project is coming
#siamstr #seedsigner 

พอค่า onchain fee ลดต่ำลงต่ำกว่า 10 sat/byte ทำให้ล่อใจในการเปิด node อีกครั้ง ผมจึงเริ่มติดตั้ง node ใหม่ขึ้นพร้อมทั้งเปิด 1 ช่องกับ okx node เป้าหมายของการรัน node ครั้งนี้คือการใช้งานส่วนตัว สำหรับการ DCA Bitcoin รายเดือนของผม ยิ่งพอราคา Bitcoin เพิ่มสูงขึ้นในช่วง bull run ในอนาคต กว่าจะเก็บได้มากพอและสมควรโอน onchain คงใช้เวลามาก การมี node ของตัวเองและเก็บ bitcoin จำนวนน้อย ๆ ใน lightning จึงเหมาะสมมากกว่า และเมื่อมีจำนวน bitcoin มากพอและเหมาะสมสำหรับเก็บ Onchain ค่อยโอนกลับเข้า okx และถอน onchain ครับ
ปล. ขนาดของ channel ไม่ได้บอกถึงจำนวน bitcoin ที่มีอยู่ใน node นะครับ
#siamstr #satsdays

Amboss Space
Satsdays.Com - 023459...89a4dd - Amboss Space
Satsdays.Com - 0234591e856f9c789cc36fac67e54641243e99003640b123b74f62a490f789a4dd - 6 channels - capacity 47,973,297 sats - Bitcoin Mainnet - Ambos...