Pruk S.'s avatar
Pruk S.
pruks@siamstr.com
npub1pruk...nj2f
Bitcoiner, Researcher, Beer lover and Coffee addict
Pruk S.'s avatar
Pruk S. 7 months ago
ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอุทิศผล บุญกุศลนี้แผ่ไปให้ไพศาล ถึงบิดามารดา ครูอาจารย์ ทั้งลูกหลานญาติมิตรสนิทกัน คนเคยร่วมกิจการงานทั้งหลาย มีส่วนได้ในกุศลผลของฉัน ทั้งเจ้ากรรมนายเวรและเทวัน ขอให้ท่านได้กุศลผลนี้เทอญ GN #siamstr
Pruk S.'s avatar
Pruk S. 7 months ago
GM #siamstr อะไรนะ!! ที่มอสโกว 9 โมงแล้ว?
Pruk S.'s avatar
Pruk S. 7 months ago
ระบบการเงินเดิมกำลังล่มสลายทีละน้อย ในขณะที่บิตคอยน์เติบโตอย่างมั่นคงทุก Layer คุณอาจใช้มัน... โดยไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ View article → #siamstr
Pruk S.'s avatar
Pruk S. 7 months ago
ยามเย็น… ตะวันกำลังลาลับขอบฟ้า ท่ามกลางสายลมที่เปลี่ยนแปลง กังหันลมที่เคยหมุนก็ย่อมหยุดพัก ดอกบัวที่เคยผลิบานก็โรยราในที่สุด . ทุกสรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง… ไม่สามารถทนอยู่ในสภาพเดิมได้ เมื่อเหตุปัจจัยดับไป ความงามและตัวตนของสิ่งนั้นก็ย่อมดับตาม . นี่คือ อนิจจัง — ความไม่เที่ยง ทุกขัง — ความทนอยู่ไม่ได้ อนัตตา — ความไม่ใช่ตัวตนให้ยึดมั่นถือมั่น . จึงไม่ควรยึดมั่นในสิ่งใด แม้แต่ความสุขที่มีในขณะนี้ เพราะทุกอย่าง… ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป . ถ้อยคำเรียบเรียงขึ้นจากการพิจารณาธรรมภายหลังทำวัตรเย็นและเจริญกรรมฐาน โดยอาศัยความช่วยเหลือจาก ChatGPT #siamstr
Pruk S.'s avatar
Pruk S. 8 months ago
Privacy ในโลกดิจิทัลจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? . เราอยู่ในโลกที่ ทุกคลิก ทุกไลก์ ทุกการค้นหา คือการทิ้งร่องรอยบนอินเทอร์เน็ต หรือที่เรียกว่า digital footprint — รอยเท้าดิจิทัล ที่สามารถบอกได้ว่าเราเป็นใคร สนใจอะไร เดินทางไปที่ไหน คุยกับใคร และใช้ชีวิตอย่างไร . และทุกวันนี้ โลกไม่ได้แค่เก็บข้อมูลของเราเท่านั้น แต่มี AI ที่กำลัง “เรียนรู้ตัวเรา” จากทุกพฤติกรรม ทุกความเคลื่อนไหว แม้แต่สิ่งที่เรา ไม่ได้ตั้งใจบอก . ต่อให้เราไม่ได้พูดตรง ๆ ว่าเราเป็นใคร แต่โลกดิจิทัลก็ค่อย ๆ รู้จักเรา แม้ในช่วงเวลาที่เรา “ไม่ได้เปิดเผยตัวตน” . แล้วเราจะรักษา Privacy ของตัวเองได้อย่างไร? ในโลกที่ข้อมูลไม่เคยหยุดเคลื่อนไหว และ AI ฉลาดขึ้นทุกวัน . คำตอบคือ Cryptography — วิทยาการรหัสลับ ที่ช่วย “เข้ารหัส” ข้อมูลให้เฉพาะผู้ที่ควรเห็นเท่านั้น และ “ยืนยันตัวตน” เมื่อเราต้องการเปิดเผยด้วย digital signature . Cryptography คือทั้ง เกราะ ที่ปกป้องข้อมูลของเรา กุญแจ ที่ให้เราเลือกเปิดเผยตัวเอง ในแบบที่เราต้องการ . Privacy ไม่ใช่ของที่โลกดิจิทัลจะมอบให้เราโดยอัตโนมัติ แต่มันคือสิ่งที่เราต้อง “สร้าง” ด้วยเจตจำนงของตัวเอง และเครื่องมือที่ถูกต้อง #siamstr
Pruk S.'s avatar
Pruk S. 8 months ago
ถึงเวลาใช้มีมนี้อีกรอบ #siamstr image
Pruk S.'s avatar
Pruk S. 8 months ago
เราไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวเองตลอดเวลา . ลองนึกภาพตอนคุณเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ หยิบน้ำขวดหนึ่งไปจ่ายเงินด้วยเงินสด . คุณได้สินค้า ร้านค้าได้เงิน ไม่มีใครต้องรู้ชื่อคุณ บ้านคุณอยู่ไหน หรือคุณทำงานอะไร . ต่างฝ่ายโปร่งใสต่อกัน โดยไม่จำเป็นต้องโปร่งใสต่อทุกคน มันคือการแลกเปลี่ยนที่สมบูรณ์ โดยไม่ต้องให้ทั้งโลกรับรู้ . แต่บนโลกดิจิทัล เรากลับถูกขอข้อมูลส่วนตัวเกินความจำเป็นอยู่เสมอ แค่จะอ่านบทความ ต้องสมัครสมาชิก แค่จะซื้อของ ต้องกรอกชื่อ เบอร์ โทร ที่อยู่ แม้กระทั่งความสนใจ . “In most cases, personal identity is not salient.” — A Cypherpunk’s Manifesto . ความจริงก็คือ: ตัวตนไม่จำเป็นต้องถูกเปิดเผยเสมอไป . สิ่งที่ควรเกิดขึ้นคือ การเปิดเผยเท่าที่จำเป็น และเราควรมี สิทธิและอำนาจ ในการตัดสินใจเรื่องนั้น — ด้วยตัวเราเอง . เพราะ Privacy คือรากฐานของเสรีภาพ และไม่มีเสรีภาพใดจะเกิดขึ้นได้ หากเราไม่มีสิทธิในการ “เลือกเปิดเผยตัวเอง” #siamstr
Pruk S.'s avatar
Pruk S. 8 months ago
ไม่ต้องตกใจครับ #siamstr วงในบอกมา มีตอัพ 13 พ.ค. พบกับ ดร. พฤกษ์นั่นเอง!! ทำไมหน้าบวมจัง🤣 image
Pruk S.'s avatar
Pruk S. 8 months ago
เย้ Economic in One Lesson มาถึงแล้ว! พักเรื่องเทคนิคมาอ่านเศรษฐศาสตร์บ้างดีกว่า #siamstr image
Pruk S.'s avatar
Pruk S. 9 months ago
กว่าจะเป็นบิตคอยน์ – 4 ทศวรรษแห่งการพัฒนาระบบเงินดิจิทัลไร้ศูนย์กลาง image แม้บิตคอยน์จะถือกำเนิดมากว่า 16 ปีแล้ว จากผลงาน white paper ของ Satoshi Nakamoto ในวันที่ 31 ตุลาคม ปี 2008… แต่แท้จริงแล้ว บิตคอยน์ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน หากเป็นผลลัพธ์ของการวิจัยและพัฒนาด้านคณิตศาสตร์และวิทยาการเข้ารหัสที่สั่งสมมากว่า 40 ปี ในวันนี้ ผมจะพาทุกท่านย้อนรอยเส้นทางสู่บิตคอยน์กันครับ ____ ทศวรรษที่ 1970s: ยุคบุกเบิกการเข้ารหัสการสื่อสาร 1974: Vint Cerf และ Bob Kahn ได้พัฒนาโปรโตคอล TCP/IP ซึ่งเป็นพื้นฐานของการสื่อสารบนอินเทอร์เน็ต 1976: Whitfield Diffie และ Martin Hellman ได้นำเสนอแนวคิดการเข้ารหัสแบบกุญแจสาธารณะ (Public-key cryptography) 1978: Ron Rivest, Adi Shamir และ Leonard Adleman ได้พัฒนาระบบการเข้ารหัส RSA ซึ่งเป็นหนึ่งในอัลกอริธึมการเข้ารหัสแบบกุญแจสาธารณะที่ได้รับความนิยมและใช้กันอย่างแพร่หลาย . ทษวรรษที่ 1980s: การพัฒนาการเข้ารหัสสู่แนวคิดเงินดิจิทัล 1980: Ralph Merkle ได้นำเสนอแนวคิด Merkle Tree ซึ่งเป็นโครงสร้างข้อมูลที่ช่วยในการตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อมูลในระบบกระจายศูนย์ แนวคิดนี้ถูกนำมาใช้ใน Bitcoin เพื่อยืนยันความถูกต้องของบล็อกธุรกรรม 1982: Leslie Lamport, Robert Shostak และ Marshall Pease ได้นำเสนอปัญหานายพลไบแซนไทน์ (Byzantine Generals Problem) ซึ่งอธิบายถึงความยากลำบากในการบรรลุความสอดคล้องในระบบไร้ศูนย์กลาง 1983: David Chaum ได้นำเสนอแนวคิดลายเซ็นปกปิด (Blind Signatures) ซึ่งช่วยให้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินโดยไม่สามารถติดตามได้ แนวคิดนี้เป็นพื้นฐานของการพัฒนาเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ (eCash) 1985: การเข้ารหัสแบบเส้นโค้งวงรี (Elliptic Curve Cryptography) ถูกพัฒนาและนำมาใช้ในการสร้างกุญแจเข้ารหัสที่มีความปลอดภัยสูงและขนาดเล็ก ซึ่งถูกนำมาใช้ในระบบการเข้ารหัสอย่าง Elliptic Curve Digital Signature Algorithm (ECDSA) ของ Bitcoin 1988: Timothy C. May ได้เขียน "The Crypto Anarchist Manifesto" ซึ่งทำนายถึงการใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสเพื่อสร้างสังคมที่ผู้คนสามารถสื่อสารและทำธุรกรรมได้อย่างไม่ระบุตัวตนและปลอดภัย แนวคิดนี้เป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนา Bitcoin และการเคลื่อนไหวของ Cypherpunks 1989: David Chaum ได้ก่อตั้งบริษัท DigiCash เพื่อทำให้แนวคิด eCash ของเขาเป็นจริง eCash เป็นระบบเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้เทคโนโลยีลายเซ็นปกปิด (Blind Signatures) เพื่อให้การทำธุรกรรมไม่สามารถติดตามได้ . ทษวรรษที่ 1990s: การเกิดขึ้นของ Cypherpunk และระบบเงินดิจิทัลยุคแรก 1991: Stuart Haber และ W. Scott Stornetta ได้นำเสนอวิธีการประทับเวลาบนเอกสารดิจิทัลเพื่อรักษาความสมบูรณ์ของข้อมูล 1991: Phil Zimmermann ได้พัฒนาและเปิดตัว Pretty Good Privacy (PGP) ซึ่งเป็นโปรแกรมเข้ารหัสอีเมลที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสื่อสารอย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว 1992: Eric Hughes, Timothy C. May และ John Gilmore ได้ก่อตั้งกลุ่ม Cypherpunks ซึ่งเป็นกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่สนับสนุนการใช้การเข้ารหัสเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพในโลกดิจิทัล กลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin 1993: Eric Hughes ได้เขียน "A Cypherpunk's Manifesto" ซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญของความเป็นส่วนตัวและการใช้การเข้ารหัสเพื่อปกป้องเสรีภาพของบุคคลใน 1994: CyberCash เปิดตัวในฐานะหนึ่งในผู้บุกเบิกระบบการชำระเงินออนไลน์ โดยมีการนำเสนอเทคโนโลยีการชำระเงินผ่านอินเทอร์เน็ตที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับระบบการชำระเงินดิจิทัลในอนาคต 1997: Adam Back ได้พัฒนา Hashcash ซึ่งเป็นระบบ Proof of Work ที่ใช้ในการป้องกันสแปมและการโจมตีแบบ DoS แนวคิดนี้ถูกนำมาใช้ในกระบวนการขุด Bitcoin 1997: Nick Szabo เสนอแนวคิดสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ที่ช่วยให้ธุรกรรมอัตโนมัติปลอดภัยและเชื่อถือได้ 1998: Wei Dai ได้นำเสนอแนวคิด B-money ซึ่งเป็นระบบเงินดิจิทัลแบบไร้ศูนย์กลางที่ไม่ต้องการตัวกลาง แนวคิดนี้มีอิทธิพลต่อการพัฒนา Bitcoin 1998: Nick Szabo ได้เสนอแนวคิด Bit Gold ซึ่งเป็นระบบเงินดิจิทัลที่ใช้การพิสูจน์การทำงาน (Proof of Work) และการประทับเวลา แนวคิดนี้ถือเป็นบรรพบุรุษของ Bitcoin . ทษวรรษที่ 2000s: พัฒนาการก่อนการเปิดตัวบิตคอยน์ 2001: Bram Cohen สร้าง BitTorrent ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแบบไร้ศูนย์กลางที่มีหลักการใกล้เคียงกับการกระจายข้อมูลของ Bitcoin 2002: โครงการ Tor ถูกพัฒนาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตโดยไม่เปิดเผยตัวตน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ Cypherpunks ในการปกป้องความเป็นส่วนตัว 2004: Hal Finney ได้พัฒนาระบบ RPoW ซึ่งเป็นระบบ Proof of Work ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แนวคิดนี้เป็นพื้นฐานของระบบการขุด Bitcoin 2008: วิกฤตการเงินครั้งใหญ่ Lehman Bankruptcy กระตุ้นให้ผู้คนหันมาสนใจระบบเงินรูปแบบใหม่ 2008: Satoshi Nakamoto เผยแพร่ Bitcoin Whitepaper เอกสารที่เสนอแนวคิด Bitcoin ซึ่งรวมองค์ความรู้ทั้งหมดก่อนหน้านี้ไว้ในระบบเดียว 2009: Satoshi Nakamoto เปิดตัว Bitcoin พร้อมบล็อกแรก (Genesis Block) ____ แนวคิดและนวัตกรรมต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ เปรียบเสมือนจิ๊กซอว์ที่ค่อย ๆ ถูกประกอบเข้าด้วยกันตลอดระยะเวลากว่า 4 ทศวรรษ จนในที่สุด Satoshi Nakamoto ก็ได้นำองค์ความรู้เหล่านี้มาหลอมรวมเป็นบิตคอยน์ ระบบการเงินรูปแบบใหม่ที่ไร้ศูนย์กลาง โปร่งใส และตรวจสอบได้ นอกจากนี้บิตคอยน์ไม่ได้เป็นเพียงนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพทางการเงินที่ผู้คนสามารถควบคุมและปกป้องทรัพย์สินของตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง และแม้เส้นทางนี้จะยาวนานกว่า 40 ปี แต่บิตคอยน์ก็เพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น... เครดิตรูปภาพ: cliffc2 (Bitcoin HK) #siamstr
Pruk S.'s avatar
Pruk S. 9 months ago
ทำไมคนเราต้องมีฟันคุด? #siamstr
Pruk S.'s avatar
Pruk S. 9 months ago
คุยกะพี่คนหนึ่งวัยน่าจะหกสิบกว่า เค้าบอกกับผมว่า: "บิตคอยน์สร้างขึ้นโดยญี่ปุ่น ทรัมป์เลยสร้างเหรียญของเมกาเพื่อมาสู้กับญี่ปุ่น" ใจเย็น ๆ ก่อนนะพี่นะ ค่อย ๆ ฟังผมนะ😅