Sitt Guruvanich's avatar
Sitt Guruvanich
aekasitt@siamstr.com
npub1qqph...d5kd
Sitt Guruvanich's avatar
aekasitt 8 months ago
พูดจาไม่รู้เรื่อง !! ทำไมถึงชอบพูดบิทคอยน์ในการป้องกันแสปมหรือบอทฟาร์มจังเลย ?? . . ไม่แปลกใจที่ได้ฟังความคิดเห็นนี้ จากผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่ใช้เฟซบุ๊คหรือเว็บอื่น ๆ ที่อยู่ภายในรั้วของบิ๊คเทค แต่ผู้ที่ใช้เครือข่ายกระจายศูนย์แบบไม่มีกรรมการกลางที่คอยตัดสินใจแทนผู้ใช้ เช่นนอสเตอร์ที่เรากำลังใช้อยู่นั้น ว่าใครดีใครร้าย ก็จะรู้ทันทีว่าคำว่า ทฤษฎีเด๊ดอินเตอร์เน็ต มีที่มาจากการเติบโตฉับพลันของจราจรผ่านสายโทรศัพท์ของ บอทผู้หวังร้าย ที่เราสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากรีพอร์ทที่แนบชื่อว่า 𝘽𝘼𝘿 𝘽𝙊𝙏 𝙍𝙀𝙋𝙊𝙍𝙏 ของบริษัทรักษาความปลอดภัยทางดิจิทัลชื่อว่าอิมเพอร์ว่า . . อัตราร้อยละ 51 ภายในปัจจุบันของการจราจรทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนโลกอินเตอร์เน็ต คือการทำงานของสมองกลที่เราเรียกรวม ๆ ว่า 𝘽𝙊𝙏 และ 37% ของการจราจรทั้งหมดมาจากกลุ่มแตกแขนงย่อยลงมาที่เราเรียกมันว่า 𝘽𝘼𝘿 𝘽𝙊𝙏 เพราะมีการทำงานเจาะจง ค้นหาช่องโหว่ และโจมตีผู้ให้บริการผ่านเว็บ ด้วยทักษะ 𝘼𝙋𝙄 𝙜𝙧𝙞𝙚𝙛𝙞𝙣𝙜, 𝘿𝙚𝙣𝙞𝙖𝙡-𝙤𝙛-𝙎𝙚𝙧𝙫𝙞𝙘𝙚, 𝙋𝙝𝙞𝙨𝙝𝙞𝙣𝙜, 𝙎𝙌𝙇 𝙄𝙣𝙟𝙚𝙘𝙩𝙞𝙤𝙣 ฯลฯ . . การป้องกันเครือข่ายไม่ให้มีการเติบโตผู้หวังร้ายมากกว่าผู้หวังดี หรือสิ่งที่นักวิจัยคอมพิวเตอร์เรียกว่า 𝘽𝙮𝙯𝙖𝙣𝙩𝙞𝙣𝙚 𝙂𝙚𝙣𝙚𝙧𝙖𝙡 𝙋𝙧𝙤𝙗𝙡𝙚𝙢 ไม่เคยมีคำตอบอย่างยั่งยืนมาก่อน เว้นแต่การพึ่งพาและศรัทธาอิทธิพลของคณะกรรมการที่ใสบริสุทธิ์ และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ระบบเงินกระจายศูนย์ทุก ๆ เครือข่ายก่อนหน้าบิทคอยน์ รวมถึง 𝙃𝙖𝙨𝙝 𝘾𝙖𝙨𝙝 ที่มีคุณ 𝘼𝙙𝙖𝙢 𝘽𝙖𝙘𝙠 เป็นผู้นำเสนอ ต้องปิดทำการลงไปทุกครั้ง จากการแทรกแซงภายนอกระบบ . . การเผยแพร่รีพอร์ทนี้ เกิดขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลกับบทสนทนาออนไลน์ของนักพัฒนาผู้ก่อตั้งเครือข่ายพรูปออฟฮิสตอรี่ ชื่อว่าอนาโทลี่ ยาเนเว็งโก้ที่หลังจากเรียนรู้ถึงข้อขาดตกบกพร่องของเครือข่ายโซลาน่าที่ถูกโจมตีและต้องดับเครื่องคุยกันบนแอปสนทนาของบิ๊กเทค ดิสคอร์ด มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ได้กล่าวไว้บนโซเชียล 𝙓 ว่า "𝙋𝙤𝙎 𝙣𝙚𝙩𝙬𝙤𝙧𝙠𝙨 𝙘𝙖𝙣 𝙝𝙖𝙡𝙩 𝙖𝙨 𝙨𝙤𝙤𝙣 𝙖𝙨 𝙖 𝙙𝙤𝙪𝙗𝙡𝙚 𝙨𝙥𝙚𝙣𝙩 𝙞𝙨 𝙙𝙚𝙩𝙚𝙘𝙩𝙚𝙙 𝙖𝙣𝙙 𝙨𝙡𝙖𝙨𝙝 𝙩𝙝𝙚 𝙙𝙤𝙪𝙗𝙡𝙚 𝙫𝙤𝙩𝙚𝙧𝙨 𝙞𝙣 𝙖 𝙧𝙚𝙨𝙩𝙖𝙧𝙩." ซึ่งก็คือการยอมรับว่าพรูฟย้อมแมวเลียนแบบพรูฟออฟเวิร์ก ไม่เคยมีการนำเสนอ 𝙙𝙚𝙘𝙚𝙣𝙩𝙧𝙖𝙡𝙞𝙯𝙚𝙙 𝙙𝙤𝙪𝙗𝙡𝙚-𝙨𝙥𝙚𝙣𝙙𝙞𝙣𝙜 𝙥𝙧𝙤𝙩𝙚𝙘𝙩𝙞𝙤𝙣 แต่แรกเริ่ม เพียงแต่หยุดเน็ตเวิร์กแล้วก็รีสตาร์ทใหม่หลังผู้ถือหุ้นรายใหญ่ตกลงกันรู้เรื่อง . . หารู้ไม่ว่า ผลลัพธ์ของการคุยกันรู้เรื่องบนโลกออนไลน์ กำลังจะถูกตีแคบลงด้วย สล็อป (𝙨𝙡𝙤𝙥) ล้นหลาม เพราะการจราจรส่วนมากของเครือข่ายที่ขาดมูลค่าแท้ทรูกระจายศูนย์ มีแค่สองทางเลือก คือการคุกเข่านอบน้อมผู้คุม หรือการผชนกับคลื่นแทรก คลื่นรบกวนไม่หยุดหย่อนจากสมองกลเท่านั้น . . บิท̵ค̵อ̵ย̵น์ข̵า̵ด̵อิน̵เ̵ต̵อ̵ร์เ̵น็ต̵ไ̵ม่ไ̵ด้ อินเตอร์เน็ตขาดบิทคอยน์ไม่ได้ #Bitcoin #Bitdev #DeadInternet #DeadInternetTheory #Siamdev #Siamstr . . 𝘼𝙥𝙥𝙚𝙣𝙙𝙞𝙭: 1.รีพอร์ทการจราจรสมองกลหวังร้ายของอิมเพอร์ว่า - https://www.imperva.com/.../reports/2025-bad-bot-report/ 2. โซเชียลมีเดียโพสท์ของอนาโทลี่ ยานาเว็งโก้ประกาศพ่ายแพ้การต่อสู้ 𝘽𝙮𝙯𝙖𝙣𝙩𝙞𝙣𝙚 𝙂𝙚𝙣𝙚𝙧𝙖𝙡 𝙋𝙧𝙤𝙗𝙡𝙚𝙢 ที่เป็นรากฐานของปฎิวัติไซเฟอร์พังก์ image
Sitt Guruvanich's avatar
aekasitt 8 months ago
••• สารสาส์นสังเขปสอนสาระลึกซึ้งจากสุดสวยแซ็ทซี่ ••• ใครอ่านเร็ว ๆ ห้าครั้งไม่ได้ ไม่ใช่บิทคอยเน่อร์แล้วแหล่ะ ไปอ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ในลิงก์ที่แนบนะค้าบ 📖🌐: 😸🐙:
Sitt Guruvanich's avatar
aekasitt 9 months ago
สัปดาห์ที่ผ่านมาอ่านเรื่องราว CRITICAL VULNERABILITY ขนาดขั้น 9.1 ของเฟรมเวิร์ก JavaScript เจ้าดัง เห็นเพื่อน ๆ ในเทเลแกรมกลุ่มเด็ฟเวล็อปเปอร์ในประเทศไทย แทบจะต้องไล่อัพเกรด NextJS กันทั่วหล้า ก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะว่าการสร้างและทดลองมิดเดิ้ลแวร์ของบิทคอยเน่อร์ย่อมมีมาตรฐานความปลอดภัยสูงอยู่แล้ว . แต่บนโลก Lightning เองก็ยังมีการทำ Disclosure เรื่องความอันตรายบางอย่าง วันนี้มาสรุปให้ฟังนะครับ ใครที่ไม่มีเวลาอ่าน ขอสรุปสั้น ๆ ก่อนว่าต้องอัพเกรดการใช้งานโหนด LND เป็นเวอร์ชั่น 0.18.0 เป็นต้นไป . . ช่องโหว่ที่ได้รับการเผยแพร่โดย 𝗺𝗼𝗿𝗲𝗵𝗼𝘂𝘀𝗲 บน Delving Bitcoin ----- ในกระบวนการอัปเดตธุรกรรมการชำระเงินในช่อง Lightning Channel มีช่วงเวลาสั้น ๆ ที่หนึ่งในฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะถือธุรกรรมที่มีผลบังคับใช้สองรายการพร้อมกัน หากฝ่ายนั้นไม่เพิกถอนธุรกรรมเก่าอย่างเหมาะสม อาจเกิดปัญหาในการจัดการ 𝗛𝗧𝗟𝗖 (Hashed Time-Locked Contract) ที่หายไปจากธุรกรรมที่ได้รับการยืนยัน ซึ่งนำไปสู่ข้อผิดพลาดที่เรียกว่า "Excessive Failback Bug" . . การแก้ไข ----- LND เวอร์ชัน 0.18.0 ได้แก้ไขข้อผิดพลาดนี้โดยเพิ่มการตรวจสอบ preimage ก่อนที่จะดำเนินการ failback HTLC ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้ระบบส่งข้อความล้มเหลวที่ไม่ถูกต้องและป้องกันข้อมูลในฐานข้อมูลจากการถูกทำเครื่องหมายผิดพลาด . . ข้อค้นพบและบทเรียน ----- * ช่องโหว่นี้ถูกค้นพบระหว่างการตรวจสอบแพ็กเกจ contractcourt ของ LND * การอัปเดตมาตรฐาน 𝗕𝗢𝗟𝗧 เพื่อรองรับกรณีนี้สามารถช่วยปรับปรุงความปลอดภัยของระบบ Lightning Network ทั้งหมดได้ . . ไทม์ไลน์ ----- 2024-03-20: ค้นพบช่องโหว่ และเผยแพร่บนเมลลิ่งลิสท์ของ LND เซเคียวริตี้ 2024-04-19: แก้ไขปัญหาเสร็จสิ้น 2024-05-30: LND 0.18.0 รีลีสพร้อมก 2025-02-17: Gijs ได้รับการตอบรับ OK ให้เผยแพร่ข่องโหว่สู่สาธารณะ 2025-03-04: การเผยแพร่ช่องโหว่สู่สาธารณะ . . ที่มา ----- - บทเผยแพร่ต้นฉบับโดย แม็ท มอร์เฮาส์ - - บทเผยแพร่และบทสนทนาของบิทเด็ฟส์คนอื่น ๆ - - รีลีสแรกหลังจากการแก้ไข - - [BitcoinOptech](nprofile1qqstmwt26vdvdtcj83mg832hwhhzzwx6p78sz83ejn2k5fe8pe5j2agpzemhxue69uhk2er9dchxummnw3ezumrpdejz7qgwwaehxw309ahx7uewd3hkctcpz4mhxue69uhhyetvv9ujuerpd46hxtnfduhsagzf6q) - [Newsletter Recap Podcast episode #346](nevent1qqsdzugelchas5t26x9af74uknr6jywkg2a8rffgxh8ad7tx0a6ay2spzamhxue69uhhyetvv9ujumn0wd68ytnzv9hxgtcpzemhxue69uhk2er9dchxummnw3ezumrpdejz7qgwwaehxw309ahx7uewd3hkctczyz7mj6knrtr27y3uw6pu24m4acsn3ks03uq3uwv5644zwfcwdyjh2qcyqqqqqqgpnt853) image
Sitt Guruvanich's avatar
aekasitt 9 months ago
หนึ่งในแสต็กที่ทีม Krutt ใช้ในเครื่องมือแซนด์บ็อกซ์ทั้งสองตัวของพวกเรา มีชื่อว่า ด็อกเกอร์ (docker) ที่เป็นเครื่องมือจัดการคอนเทนเนอร์ ที่สามารถสร้างแซนด์บ็อกซ์จัดการโหนดบิทคอยน์ (regtest) และ โหนดไลท์นิ่ง (lnd) สำหรับผู้สร้างมินิแอพบนนอสเตอร์, ไลท์นิ่งแอพพลิเคชั่น หรือผู้พัฒนาอ๊อพโค้ด ได้ทดลองใช้ในกรอบ dev environment ได้แบบรวดเร็ว . ตั้งแต่เวอร์ชั่น 0.5.0 เป็นต้นไป คอมมานด์ไลน์อินเทอร์เฟส aesir จะเลิกใช้ docker แล้วเปลี่ยนมาใช้คอนเทนเนอร์เอ็นจิน podman ซึ่งเป็นตัวเลือกใหม่ของผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีคอนเทนเนอร์ ด็อกเกอร์ในปัจจุบัน ได้รับการแทรกแซงถึงเซอร์วิสพรีเมี่ยมของด็อกเกอร์ดอทคอม เว็บไซท์โฮสท์คอนเทนเนอร์และรีจิสตรี้อิมเมจที่เป็นผู้บุกเบิกและสนับสนุนการเติบโตเทคโนโลยีคอนเทนเนอร์มาจนปัจจุบัน แต่มีการพัฒนาโปรโตคอลต่อยอด ในนิสัยของบิ๊กเทคตั้งแต่จับมือร่วมการทำงานเชื่อมต่อกับคลาวด์ของไมโครซอฟท์ เมื่อปีคศ. 2014 ทำให้ละเลยคำแนะนำการปรับปรุงข้อเสียของโปรโตคอล จากนักพัฒนาโอเพ่นซอสที่ส่งเสริมโปรเจ็คและซอฟท์แวร์ตัวนี้มาตลอด . ข้อเสียที่ไม่พูดถึงไม่ได้ของด็อกเกอร์มีสองข้อคือ การตั้งค่าเป็นรูทโดยอัตโนมัติ และการใช้ daemon เบื้องหลังในการรันคอนเทนเนอร์ตลอดเวลา podman ที่เป็นตัวเลือกใหม่ของสาวกโอเพ่นซอส ตอบทั้งสองโจทย์นี้ด้วยการพัฒนาโปรโตคอลด้วยการคำนึงถึงความปลอดภัย security first และปรับปรุงไม่ให้อิมเมจและคอนเทนเนอร์พึ่งพาสิทธิการใช้งานแบบรูท (rootless) และการแทรกแซงที่น้อยลงของเซอร์วิสแบบไม่เปิดเดม่อนเบื้องหลังตลอดเวลา (daemonless) . นอกจากนี้ การซัพพอร์ทถึงขั้นโปรดักชั่นดีพลอยเมนท์ผ่าน Kubernetes (k8s) ของคอมมานด์ไลน์ podman ยังนำหน้าไปไกลกว่าคอมมานด์ไลน์ docker ด้วยลูกเล่นหลายอย่างอีกด้วย ทั้งสองโปรโตคอลนี้ มีความคล้ายคลึงกันอย่างสูง เนื่องจากเป็นซอฟท์แวร์ภายใต้ธงบรรทัดฐานของ Open Container Initiative (OCI) ที่ทำให้เทคโนโลยีคอนเทนเนอร์ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องแบบโปร่งใส และไม่ถูกบีบรัดเข้าระเบียบโคลสซอส (closed source) . หนึ่งในกลุ่มบิทเด็ฟส์ที่เป็นผู้บุกเบิก devtool ของบิทคอยเน่อร์ มีชื่อว่า Polar และได้ทำการเผยแพร่โปรแกรมแซนด์บ็อกส์แบบที่พึ่งพาเอ็นจินของด็อกเกอร์อยู่ในปัจจุบัน ทำให้การตัดสินใจในครั้งนี้ของทีมครุฑ ทำให้เครื่องมือการพัฒนาบิทคอยน์ได้ขยาย diversify กลไกออกมากขึ้นในมุมกว้าง และไม่พึ่งพาโปรโตคอลด็อกเกอร์ของบิ๊กเทค ที่ถูกตีกรอบให้แคบลง เพื่อการกอบโกยมูลค่าทางการตลาดได้มากขึ้น คงอีกไม่ช้าที่เพื่อน ๆ ผู้ใช้โปรแกรม Docker for Desktop จะต้องปรึกษาเอไอก่อนการกดปุ่มแต่ละครั้ง . Appendix: กิทฮับรีโปของ aesir: กิทฮับรีโปของ arise: โพล่าร์ไลท์นิ่ง: กิทฮับรีโปของ polar: ข้อดีข้อเสียของด็อกเกอร์เมื่อเปรียบเทียบกับพ็อดแมน: ข้อดีข้อเสียของด็อกเกอร์เมื่อเปรียบเทียบกับพ็อดแมนจากมุมมองของ python contributor: จุดริเริ่มการเปลี่ยนแปลงจาก docker ไปหา podman: จุดเริ่มแห่งจุดจบความเป็นโอเพ่นซอสของ docker: #Aesir #Arise #Bitcoin #Bitdevs #Siamstr #Siamdev image
Sitt Guruvanich's avatar
aekasitt 10 months ago
@Viva Bitcoin got our Spanish speaking Bitcoiners equipped to deal with Bitcoin Improvement Proposals. What a legend! พี่โฮเซแจ่มมาก มาช่วยแปลภาษาวารสารกะทัดรัดเรื่อง "สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่าบิ๊พส์" ให้บิทคอยเน่อร์คนพูดภาษาเสปน (7.5% ของประชากรโลก) ได้เข้าใจเรื่องข้อนำเสนอพัฒนาบิทคอยน์ #AllAboutBips #BIPs #Bitcoin #Bitdev #Siamstr #Siamdev #Zine image
Sitt Guruvanich's avatar
aekasitt 10 months ago
ขำ ๆ บ้าง เพราะเห็นเพื่อน ๆ ชอบการกินแบบธรรมชาติ เราก็ต้องมาเยาะเย้ย Biohackers ที่ไม่แก้พื้นฐานกันบ้าง ไม่ต่างจาก Altcoins เยยยยยย #Siamstr #EatRealFood image
Sitt Guruvanich's avatar
aekasitt 10 months ago
ใครสนใจศึกษาเรื่อง PayJoin (P2EP) บ้าง เพราะทางทีมกำลังแปลสื่อนิตยสารกะทัดรัดของ Satsie ให้ทุกคนได้อ่านกัน ใครสนใจเพิ่มเติมลองไปดูกันก่อนได้ที่ #Bitcoin #Bitdev #P2EP #PayJoin #Siamdev #Siamstr
Sitt Guruvanich's avatar
aekasitt 11 months ago
บิทคอยน์ ไม่ใช่ ไพรเวซี่คอยน์ แต่ไม่ใช่เพราะเหตุผลที่คุณคิด บิทคอยน์ ไม่ใช่ หนึ่งในเหรียญ Privacy Coins หรือเครื่องมือระดมทุนสำหรับกลุ่มคนกลุ่มน้อยด้วยสัญญาใหญ่โต พลิกเกมเรื่องความเป็นส่วนตัวข้ามคืน โดยไม่มอบเครดิตให้กับกลุ่มไซเฟอร์พังก์ที่มาก่อนหน้า แม้ว่ากลุ่มเหรียญย้อมแมวกลุ่มนี้จะเริ่มซาลงไปบ้าง แต่เรายังเห็นภาพหลังของความแตกแยกที่เกิดขึ้น เมื่อกลุ่มผู้ด้อยความรู้ชี้หน้า บิทเด็ฟส์ และบิทคอยเน่อร์ที่เข้าใจความสำคัญของโอเพ่นซอสและบิทคอยน์ กล่าวหาว่าเรา ท็อกสิก เราไม่เคยกล่าวหาว่าใครด้อยความรู้ด้วยการขาดการศึกษาเลยนะ ปฐมบทข้างบนเป็นเหตุการณ์เห็นบ่อยครั้ง รวมถึงเมื่องาน Thailand Bitcoin Conference 2024 (#TBC2024) เมื่อปีที่ผ่านมา ที่นักระดมทุน venture capitalist ท่านหนึ่ง ที่ได้รับเสียงหัวเราะเยาะเย้ยกลับไป เมื่อเขาสับสนกับโจทย์ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ เป็นภาระแบ่งปันของระบบเงินกระจายศูนย์บิทคอยน์ ที่เป็นหัวหอกระบบเข้ารหัสถอดรหัสเกินใคร ให้กับนักพัฒนาที่ต้องการเสริมแอพพลิเคชั่นกระจายศูนย์นานา ให้ดัดแปลงเพียบพร้อม (ระบายเล็กๆ: ไม่เหมือนชิทคอยน์ที่ใช้เงินระดมพัฒนา halo2 แล้วใช้ศาลสิทธิบัตรกีดกั้นระบบนิเวศน์อื่น หรือเปลี่ยนโจทย์เป็นกองสลากทอร์นาโดทำให้ผู้ใช้ทุกท่านโดนป้ายสีสลากดอลล่าร์โอนออกที่ไหนไม่ได้) ยังมีหลายคนที่ฝันหวานว่าบิทคอยน์จะหันมาใช้ Opt-out Privacy อย่างเช่น Shielded transactions ที่โดนรัฐบาลทั่วโลกบีบรัดบริษัทนานาปัดตกไปง่าย ๆ แต่สำหรับบิทเด็ฟส์ที่อยู่ในโลกความเป็นจริงแล้ว ได้ออกแบบความเป็นส่วนตัวบนบิทคอยน์ไว้ในแบบที่ ไม่เปลี่ยนความรับผิดชอบส่วนบุคคล ให้กลายเป็นธงแดงไม่ต้อนรับผู้ใช้ใหม่ แต่เป็นฟีเจอร์ลูกเล่นที่สร้างความยีดหยุ่นให้กับผู้ศึกษาระบบอย่างลึกซึ้ง วันนี้ทีม Krutt เลยเอาภาพอธิบาย BIP-0352 หรือ ข้อนำเสนอพัฒนาบิทคอยน์ข้อที่ 352 ว่าถึง Silent Payments ที่เสริมเครื่องมืออีกหนึ่งชิ้นให้กับบิทคอยเน่อร์ทุกท่าน ในเรื่องการรักษาความเป็นส่วนตัวให้กับทุกคน ต้องขอบคุณภาพกราฟิกจาก Oliver Gugger จาก Lightning Labs ผู้บุกเบิกการดัดแปลงใช้ข้อนำเสนอนี้ในซอฟท์แวร์ LND ที่ผู้รันโหนดหลายๆ คนในประเทศไทยใช้กันด้วย Oliver ได้ศึกษาผลงานของทีม Silentium (Wallet) และ Silentiumd (Daemon) ก่อนหน้าการสร้างกราฟิกส่งเสริมการเรียนรู้ในครั้งนี้ เราสามารถสังเกตุได้ว่า แอดเดรสที่เรียกว่า Silent Payment address มีความแตกต่างจากแอดเดรสของบิทคอยน์ทั่วไปที่ขึ้นต้นด้วย 𝕓𝕔𝟙 เปลี่ยนเป็นแอดเดรสที่ขึ้นต้นด้วย 𝕤𝕡𝟙 และมีความยาวกว่ามากกว่าถึงสองเท่า นั่นก็เพราะการสร้างแอดเดรสตามรูปแบบ BIP-0352 ไม่ได้ใช้คีย์แพร์ (keypair) ทั่วไปที่จับคู่ private key กับ public key ในการแปรรูปสร้างแอดเดรส กลับกัน silent payments ใช้ public keys สองตัวจากผู้รับตามหลัง prefix ก่อนหน้า, ตัวอักษรบ่งบอกเวอร์ชั่นแล้วตามด้วย public key ที่ใช้แสกนหาเหรียญที่ได้ (B_scan) กับ public key ที่ใช้สร้างธุรกรรมต่อยอดบนบัญชีบล็อกเชน (B_spend) รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถอ่านได้จากเว็บไซท์บิทบ็อกซ์ผู้สร้าง hardware wallet เจ้าหนึ่ง รวมถึงบทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ดังต่อไปนี้ - โพสท์ตั้งต้น - - คีย์เบสของคุณโอลิเวอร์เจ้าของกราฟิก - - บทความอธิบาย BIP-0352 จากบิทบ็อกซ์ - - ข้อนำเสนอพัฒนาบิทคอยน์ข้อที่ 352 เขียนโดย Josi Bake - - พูลรีเควสท์บนรีโป secp256k1 ในการเพิ่ม silentpayments เขียนโดย Josi Bake - https://github.com/bitcoin-core/secp256k1/pull/1519/commits/9d6769f4aed4691463f9c591e147df6a0ccfbca3 - เว็บแอพพลิเคชั่น Silentium - - โค้ดเบสของแอพพลิเคชั่น Silentium เขียนโดย Louis Singer - ผลลัพธ์ของข้อนำเสนอพัฒนาบิทคอยน์ BIP-0352 ที่ดัดแปลงใช้ความสามารถลายเซ็น Schnorr หลังจาก Taproot ซอฟท์ฟอร์กล่าสุดมีดังต่อไปนี้ การสร้างแอดเดรสที่ใช้ซ้ำได้ แบบรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้รับ จากผู้สอดส่องธุรกรรมบนเม็มพูล และผู้สร้างธุรกรรมตั้งต้น สามารถทำให้ผู้ต้องการใช้บิทตอยน์แบบรักษาความเป็นส่วนตัว เช่นการรับบริจาคที่โดนกีดกั้นเหมือนกลุ่มคนขับรถบรรทุกที่แคนาดา ผู้ลึ้ภัยสงครามที่ไม่สามารถพึ่งพาธนาคาร หญิงสาวและเด็กที่พบปะทารุณกรรมในครอบครัว นักประดิษฐ์คิดค้นที่ถูกระบบทุนมองข้าม ฯลฯ ได้เพิ่มความสามารถการเข้ารหัสทดแทนตรรกะทัวลิ่ง เรียกสั้น ๆ ว่า สัญญาสมาร์ท (smart contract) พิสูจน์ได้บนคณิตศาสตร์ และปกป้องการแทรกแซงโดยเครือข่ายบิทคอยน์เน็ตเวิร์ก #Bitcoin #BitDev #DiffieHellman #ECDH #EllipticCurve #EllipticCurveDiffieHellman #Keypair #Privacy #PrivacyCoin #SP1 #Schnorr #Siamstr #Siamdev #SilentPayments #Taproot #TragegyOfCommons image
Sitt Guruvanich's avatar
aekasitt 1 year ago
Soon ™️ คือจริง ๆ แล้วอยากจะบอกว่ามีโปรเจ็คมากมายในมือที่เปิดซอร์สโค้ดได้แต่ พอมาบังคับให้ตัวเองใช้เฟรมเวิร์กใหม่ ๆ ที่ไม่เคยใช้ดู แล้วเขียนช้าลงมาก สนุกดี #Siamdev #Siamstr image
Sitt Guruvanich's avatar
aekasitt 1 year ago
Let's make some NOIST !! ถึงเวลาป่าวประกาศดัง ๆ แล้วสิ หลายต่อหลายโพสท์ที่ทางเพจเคยกล่าวถึง เรื่องความแตกต่างระหว่าง สัญญาสมาร์ทคอนแทรคที่แท้ทรู ที่เราเห็นได้บนระบบ elliptic curve cryptography เบื้องหลังระบบเงินกระจายศูนย์บิทคอยน์นั้น แตกต่างจากระบบบล็อกเชนแบกสินทรัพย์ดิจิทัลเหมือนชาวบ้านอย่างไรบ้าง เมื่อคุณ Buraq เจ้าของผลงานหลายชิ้น อธิเช่น Ark ซึ่งเป็นตัวเลือกรองสำหรับแก้ปัญหาสภาพคล่องแรกเริ่มของระบบสภาพคล่อง Lightning โดยใช้ หัวคิดก้าวกระโดดนำเสนอ Connector Outputs ได้นำเสนอผลงานในรูปแบบ non-interactive แก้โจทย์สำคัญรองลงมาจากสภาพคล่องของระบบเงินกระจายศูนย์บิทคอยน์และไลท์นิ่ง ซึ่งก็คือโจทย์แห่งการรวบรวมทุนร่วมจากหลากหลายที่มา เป็นกระเป๋าเงินกลางคล้ายคลึง Multi-Signature ที่ไซเฟอร์พังก์บุกเบิก Greg Maxwell ได้เคยเขียนทิ้งไว้ในโค้ดเบสของบิทคอยน์ แต่เราไม่อาจเรียกเครื่องมือรวบรวมลายเซ็นหลายที่มาว่า musig (หรือ musig2 จากทีมงานบล็อกสตรีม) ได้เสมอไป เพราะความสามารถของ threshold signature schemes เช่น NOIST ที่เราพูดถึงกันวันนี้ เป็นสัญญาสมาร์ทคอนแทรคที่แท้ทรู ไม่สามารถแทรกแซงได้เหมือนโปรแกรมอื่น ๆ และถูกออกแบบมาใช้บนระบบเงินกระจายศูนย์บิทคอยน์ที่ได้รับการปกป้องจาก reusable proof of work สูงสุดในประวัติศาสตร์ NOIST เองไม่ใช้ threshold signature scheme ตัวเดียวที่ไซเฟอร์พังก์ได้นำเสนอในสองสามปีที่ผ่านมา แต่ยังมี tss ตัวอื่น ๆ ที่สามารถนำมาพัฒนาใช้กับเครือข่ายบิทคอยน์เน็ตเวิร์กได้ ตัวอื่น ๆ เช่น FROST และ ROAST ที่ได้นำเอาความสามารถมากล้น ของ zero-knowledge proof signature ชื่อว่า Schnorr เป็นตัวตั้งต้น แล้วรวบรวมลายเซ็นจากหลายที่มา เกิดเป็นหนึ่งลายเซ็น ในขนาด 64 bytes และตรงตามมาตรฐานของข้อนำเสนอพัฒนาบิทคอยน์ข้อที่ 340 (BIP-340) แต่ว่าข้อแตกต่างของ NOIST จากคู่แข่งตัวอื่น ๆ ที่ได้รับความสนใจมากมายจากนานาประเทศ ในการสร้าง กระเป๋าเงินกลางสำหรับ strategic reserve ถือครองบิทคอยน์ประจำประเทศ (หรือเกาะภูเก็ต) ก็คือการเข้าถึงได้ง่ายของ NOIST ที่นำเสนอคำวิเศษณ์สามข้อ พลิกผันกันถ้วนหน้า สำหรับผู้เข้าใจ 1. non-interactive 2. single-round 3. mutable ในภาษานักออกแบบและวางระบบกลไกการถอดรหัสชั้นสูง คำวิเศษณ์ non-interactive เป็นเป้าหมายปลายทางที่สำคัญที่สุด โดยเฉพาะสำหรับการระดมทุน ไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ เหมือนระบบเลียนแบบตามตลาด เช่นโปรแกรมรีบาลานซ์ของ Rari-Capital ที่ออกแบบระบบบน Ethereum Virtual Machine ไม่สามารถเข้าขั้นรวบรวมลายเซ็นในรูปแบบ non-interactive ได้ในเชิงเทคนิค ต้องรับการแทรกแซงจากทีมงานสม่ำเสมอจากเด็ฟหลังเวที เลยถูกกลต.ของสหรัฐอเมริกาชี้ประเด็นหลอกลวงนักลงทุน แล้ว single-round หล่ะ สำคัญหรือไม่ อันนี้แล้วแต่จุดมุ่งหมายของผู้ใช้ เมื่อเทียบกับตัวเลือกอีกทั้งสอง FROST และ ROAST (multi-round) ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการสร้างสกีมรวบรวมลายเซ็น โดยผู้เข้าร่วมหลากหลายที่มา ไม่จำเป็นต้องรวมตัวในตำแหน่งเดียวกัน และสามารถสื่อสารกันอย่างลับ ๆ ได้ แต่สำหรับ use-case ที่เราเห็นการเติบโตของความสนใจสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกแล้ว การสร้าง single-round threshold signature scheme ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อการตอบโจทย์ roll-up หรือการโยกย้ายมูลค่าของบิทคอยน์ระหว่างเลเยอร์เป็นอย่างแน่ ฟีเจอร์สุดท้ายของ tss ชื่อ NOIST ตัวนี้ก็คือ mutability ดังคำอธิบายจากผู้คิดค้นต่อไปนี้ ... 𝘍𝘙𝘖𝘚𝘛 𝘢𝘯𝘥 𝘙𝘖𝘈𝘚𝘛 𝘲𝘶𝘰𝘳𝘶𝘮𝘴 𝘢𝘳𝘦 𝘪𝘮𝘮𝘶𝘵𝘢𝘣𝘭𝘦 𝘰𝘯𝘤𝘦 𝘵𝘩𝘦 𝘴𝘩𝘢𝘳𝘦𝘴 𝘢𝘳𝘦 𝘥𝘪𝘴𝘵𝘳𝘪𝘣𝘶𝘵𝘦𝘥. 𝘐𝘯 𝘤𝘰𝘯𝘵𝘳𝘢𝘴𝘵, 𝘕𝘖𝘐𝘚𝘛 𝘢𝘭𝘭𝘰𝘸𝘴 𝘴𝘪𝘨𝘯𝘢𝘵𝘰𝘳𝘪𝘦𝘴 𝘵𝘰 𝘢𝘥𝘥 𝘰𝘳 𝘳𝘦𝘮𝘰𝘷𝘦 𝘱𝘢𝘳𝘵𝘪𝘤𝘪𝘱𝘢𝘯𝘵𝘴 𝘰𝘳 𝘤𝘩𝘢𝘯𝘨𝘦 𝘴𝘦𝘵𝘶𝘱 𝘱𝘢𝘳𝘢𝘮𝘦𝘵𝘦𝘳𝘴 𝘴𝘶𝘤𝘩 𝘢𝘴 𝘵𝘩𝘦 𝘵𝘩𝘳𝘦𝘴𝘩𝘰𝘭𝘥, 𝘢𝘴 𝘭𝘰𝘯𝘨 𝘢𝘴 𝘢𝘵 𝘭𝘦𝘢𝘴𝘵 𝘵 𝘱𝘢𝘳𝘵𝘪𝘤𝘪𝘱𝘢𝘯𝘵𝘴 𝘤𝘰𝘭𝘭𝘢𝘣𝘰𝘳𝘢𝘵𝘦. 𝘛𝘩𝘪𝘴 𝘬𝘦𝘦𝘱𝘴 𝘵𝘩𝘦 𝘨𝘳𝘰𝘶𝘱 𝘬𝘦𝘺 𝘶𝘯𝘤𝘩𝘢𝘯𝘨𝘦𝘥 𝘸𝘩𝘪𝘭𝘦 𝘥𝘪𝘴𝘵𝘳𝘪𝘣𝘶𝘵𝘪𝘯𝘨 𝘯𝘦𝘸 𝘴𝘩𝘢𝘳𝘦𝘴 𝘵𝘰 𝘵𝘩𝘦 𝘢𝘥𝘥𝘦𝘥 𝘮𝘦𝘮𝘣𝘦𝘳𝘴. ... หมายความว่า threshold signature scheme ที่ชื่อว่า NOIST ได้ถูกออกแบบขึ้นมา ให้รับตัวแปรหลากหลายรูปแบบได้ รวมถึงการเพิ่มหรือลบออกของจำนวนลายเซ็นตั้งตน เมื่อเกิดเหตุสุดวิสัยหรืออย่างอื่น ทำให้เป็นตัวเลือกที่มีความยืดหยุ่นต่อการใช้งานมากที่สุด ให้เราได้เลือกกันในตอนนี้ #Bitcoin #FROST #NOIST #ROAST #Siamstr #ThresholdSignatureScheme #TSS อ่านเพิ่มเติมได้ตามนี้นะครับ 1. บทความนำเสนอ NOIST จากทีมงาน Brollup: https://blog.brollup.org/introducing-noist-a-non-interactive-single-round-t-of-n-threshold-signing-protocol-51225fe513fa image
Sitt Guruvanich's avatar
aekasitt 1 year ago
อันนี้เข้าไปสุ่มฟังมาช่วงหนึ่ง สนุกมาก ใครไม่ได้เข้าก็พลาดล่ะ View quoted note →
Sitt Guruvanich's avatar
aekasitt 1 year ago
วันนี้อยากท็อกสิก เห็นคน #Zapathon น่ารักไปหมด Feeling toxic today, might delete never • #Bitcoin #Siamstr image
Sitt Guruvanich's avatar
aekasitt 1 year ago
หนึ่งแสนแล้ว !! ไม่ใช่ราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลบิทคอยน์ที่อยู่บนระบบกระจายศูนย์ตัวเดียวของโลกหรอกนะ แต่เป็นจำนวนเหตุผลที่เราต้องเรียนรู้ถึงความสามารถของการโปรแกรมสัญญาอิเล็คโทรนิกอัตโนมัติ หลายคนถามว่าทำไมเราถึงไม่มีวงการ DeFi อยู่ "บน" บิทคอยน์บ้าง ทั้ง ๆ ที่เรากำลังเป็นพยานการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเกิดการ financing ของโลกที่สาม ผ่านระบบเงินกระจายศูนย์ที่ไม่สร้างหนี้ จับอนาคตของประเทศกำลังพัฒนาเป็นตัวประกัน DeFi (Decentralized Finance) หรือระบอบกองทุนไร้ศูนย์กลาง เป็นนิยามที่เด็ฟเวล็อปเปอร์ตั้งให้กับ กลุ่มโปรแกรมสลากกระจายทิพย์ ที่โคจรรอบตัวเหรียญสเตเบิ้ลคอยน์ และกองสลากข้างเคียงที่ใช้การพิมพ์กองสลาก โทเค่น ในการแทนที่บัญชีหนี้ (aave, compound), สร้างกลจักรตอบโจทย์ตัณหาไม่ปรีกษาผู้ใช้ (...), แตกตัวสร้างระบบนิเวศน์แข่ง (bsc, tron), รวมตัวสร้างระบบนิเวศน์รอง (base, polygon), แจกจ่ายหนี้รัฐบาลโลกตะวันตกให้แรงงานคนรุ่นใหม่จากตะวันออก (blackrock buidl) เรียกร้องความสนใจ (meme, pump) หรือกระตุ้นสภาพคล่องให้กับสินทรัพย์ขึ้นคาน (rwa) โดยใช้โปรแกรม automated market maker ในการหมุนเวียนทุนกลางที่ ทำให้กลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า สถุล (degen) ได้ถือสลากจากหลากหลายกอง แล้วเห็นเงินทุนที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อละลายหายไปเหมือนก้อนน้ำแข็ง เนื่องจากกลไกของตลาดที่ป้อนข้อมูลมากล้น เอื้ออำนวยกับผู้ขายฝันมากกว่าผู้สร้างฝัน มากกว่านั้นเอง หลายการพัฒนาที่เราเห็นกันในดีไฟหรือเว็บสาม สามารถถูกตีกรอบได้ว่าเป็นการซ่อมแซมระบบนิเวศน์รอบตัวเอง ให้คงความยุติธรรมที่ไม่สามารถพึ่งพา stakeholders ได้ เนื่องจากเทคโนโลยีกระจายศูนย์ถูกต้อนกลับ ให้เอื้ออำนวยการหมุนเวียนดอลล่าร์สหรัฐได้ดีขี้น ผลงานวิจัยของ Human Rights Foundation เมื่อไม่กี่ปีก่อนได้สอดส่องเข้าไปดูการใช้งานของสเตเบิ้ลคอยน์ และการเติบโตของดีไฟก่อนและหลังการหนุนหลังจากนายทุนเช่นกลุ่ม Alameda Research ได้พบว่า สเตเบิ้ลคอยน์จำนวนมาก ไม่ได้เป็นการลงทุนใด ๆ ให้กับนักพัฒนา ผู้ก่อตั้ง หรือมูลนิธิที่จับต้องช่องโหว่ของตลาดในหลาย ๆ ประเทศ เราเห็นบิทคอยเน่อร์อุดปิดช่องโหว่เหล่านี้ ด้วยการนำเงินกระจายศูนย์แจกจ่ายผู้ประสบภัยทางการเงินทั่วโลกที่ปัญหาหลักคือการเสื่อมสลายของเงินรัฐบาลแบกหนี้ไม่มีขีดจำกัด เราเห็นการใช้สเตเบิ้ลคอยน์มากกว่าบิทคอยน์ในบางประเทศ บนระบบนิเวศน์ที่ไร้ค่าธรรมเนียมอย่างเช่น tron ที่เศรษฐีกินกล้วย และ... มีวิสัยทรรศน์โคจรรอบสังคมเฟียต คำถามที่สำคัญที่อยากทิ้งไว้ ความโกลาหลที่เราเห็นในดีไฟ สามารถกระตุ้นผู้ประกอบการ entrepreneur ให้ทำดีได้ดีในระบอบการเงินแบบไหนมากกว่ากัน ?? #Bitcoin #Siamstr #DeFi #DecentralizedFinance #TokenFi image
Sitt Guruvanich's avatar
aekasitt 1 year ago
ปล่อยเวอร์ชั่นใหม่ของคอมมานด์ไลน์อินเทอร์เฟส aesir นะครับ ในเวอร์ชั่น v0.4.9 มีคอมมานด์ใหม่ชื่อว่า invoice ที่สามารถสร้าง #BOLT11 เร็กเทสท์อินวอยส์ตามจำนวนและเม็มโมที่กำหนดนะครับ #Aesir #Bitcoin #PyPI #Python #Siamstr
Sitt Guruvanich's avatar
aekasitt 1 year ago
คิดหรือว่าการพัฒนา BOLT12 จบลงไปแล้ว ?? BOLT12 ได้ถูกนำมารวมเข้ากับ Lightning Network ⚡️ ซึ่งเป็นการปรับปรุงที่สำคัญที่ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและประสิทธิภาพในการทำธุรกรรม โดยอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถสร้างใบแจ้งหนี้ที่ใช้ซ้ำได้ (reusable payment codes) ซึ่งมีประโยชน์สำหรับการชำระเงินที่เกิดขึ้นซ้ำ เช่น การเปิดบัญชีรับบริจาค และการรับสมัครสมาชิกหรือ subscriptions นอกจากนี้ BOLT12 ยังมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า "ข้อเสนอ" (offers) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง QR โค้ดที่สามารถใช้งานได้หลายครั้ง ในบทความล่าสุดของ Andy Schroder นักบุกเบิกพัฒนาระบบสภาพคล่องขั้นสูงของบิทคอย์ Lightning เราได้รับบทสรุปการปรับปรุง BOLT12 เพิ่มเติม เช่น การเพิ่มฟิลด์ใหม่ในใบแจ้งหนี้เพื่อรองรับการคืนเงินอัตโนมัติ และการกำหนดจำนวนเงินสูงสุดในคำขอใบแจ้งหนี้ นอกจากนี้ยังมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับการหมดอายุของคำขอใบแจ้งหนี้ ซึ่งยังไม่มีการกำหนดไว้ใน BOLT12 แอนดี้เสนอให้มีฟิลด์ boolean สำหรับระบุว่าต้องการใบแจ้งหนี้คืนเงินหรือไม่ โดยถ้ามีการตั้งค่าเป็นจริง ผู้เขียนข้อเสนอจะต้องรวมฟิลด์ใบแจ้งหนี้คืนเงินในคำขอใบแจ้งหนี้ด้วย นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอให้กำหนดจำนวนเงินสูงสุดที่จะอนุญาตในการทำธุรกรรม เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ค้าเกินจำนวนสินค้าที่มีอยู่ สุดท้าย ผู้เขียนได้ตั้งข้อสังเกตว่า BOLT12 ยังไม่มีการกำหนดวันหมดอายุสำหรับคำขอใบแจ้งหนี้ ซึ่งควรจะมีเพื่อให้สามารถจัดการกับคำขอได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สรุปแล้ว มีสามข้อพัฒนาเพิ่มเติมบน BOLT12 ดังต่อไปนี้ 1. Automatic Refunds 2. Maximum invoice_request amount 3. invoice_request expiration สามารถอ่านเพิ่มเติมได้บนลิงก์ข้างล่างนะครับ #Bitcoin #BOLT12 #Siamstr Expanding BOLT12 by andyschroder - Offers by RustyRussel - Automatic Refunds Proposal - Maximum invoice_request amount Proposal - image
Sitt Guruvanich's avatar
aekasitt 1 year ago
99 problems and a Bitcoin ain't one • image
Sitt Guruvanich's avatar
aekasitt 1 year ago
มีมาต่อกันที่ ColliderScript กันเลยดีกว่า เพราะหลังจากเพื่อน ๆ กลับมาจาก #East102 กันแล้ว ก็ต้องอยากรู้เป็นแน่ว่า หัวหอก Covenants บนบิทคอยน์ทำงานก้าวหน้าไปถึงไหนกันแล้ว เมื่อโพสท์ที่แล้วเราได้กล่าวถึงการทำงาน ของอ๊อพโค้ดสามตัวที่หลายฝ่ายนักพัฒนาอยากให้อยู่ในซอฟท์ฟอร์กถัดไปของบิทคอยน์ และจำนวนการใช้ที่เห็นชัดของ OP_CAT อย่างล้ำหน้าบนบิทคอยน์ซิกเน็ต แต่ทีมงานที่ StarkWare กลับออกมาออกผลงานใหม่แทนที่ชื่อว่า ColliderScript ด้วยเปเปอร์ที่อ่านง่ายยิ่งกว่า BitVM ของทีม ZeroSync เราลองมาวาดภาพในหัวแบบผังการเขียนสคริปท์ของบิทคอยน์กันก่อน เป็นการประเมินตรรกะแบบ stack บนอ๊อพโค้ดหลาย ๆ ตัวซ้อนกัน เหมือนใส่น้ำลงแก้ว ตัวที่อยู่เหนือสุดของแก้ว ก็จะเป็นน้ำที่ไหลเทออกมาก่อน แต่ว่าสคริปท์ของบิทคอยน์ถูกเว้นการใช้งานอ๊อพโค้ดบางตัวในปีคศ. 2010 เช่นการคูณหาร และใช้ตัวเลขใหญ่ ๆ เกินควรในระบบคอมพิวเตอร์กระจายศูนย์แบบ trustless ป้องกันไม่ให้โหนดโจมตีกันได้ หากเราใช้ความไว้ใจระหว่างคอมพิวเตอร์ บิทคอยน์ก็จะไม่ใช่เงิน หรือเป็น trusted PoS ไปนั้นเอง. คล้อยมาถึงปัจจุบันหลังการอัพเกรดโปรโตคอล taproot ที่ส่งเสริมการพัฒนามากกว่า stack แล้วกลายเป็น tree นักพัฒนาในโลกปัจจุบันสามารถเขียนตรรกะ logic แบบกะทัดรัดมากขึ้น แล้วแขวนไว้บนกิ่งไม้ของต้นไม้เมอร์เคิ่ล merkle tree เพื่อสำแดงการแลกเปลี่ยนมูลค่าได้หลากหลายรูปแบบ เวทมนต์ที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อหลากหลายทีมไซเฟอร์พังก์ต้องการจะใช้ตรรกะที่ถูกเว้นออก เหมือนจินตนาการที่เกิดขึ้นจากข้อจำกัด อยากสร้าง covenants ขึ้นมาบนบิทคอยน์โดยไม่จำเป็นต้องซอฟท์ฟอร์ก โดยใช้ความสามารถสมาร์ทคอนแทร็กท์อย่างแท้ทรู หรือการเข้ารหัส-ถอดรหัสแทนที่ตรรกะโบราณที่คอมพิวเตอร์ หรือ vm มาก reentrancy ใช้กัน เกิดเหตุชิงทรัพย์กันไม่หยุดหย่อน คอลไลเดอร์สคริปท์ จากหัวหอกบริษัท starkware ได้เข้ามาเสนอความเพ้อฝันใหม่ของตรรกะชั้นสูงบนบิทคอยน์ที่หากใครในโลกต้องการโจมตีถอดรหัสเพื่อชิงทรัพย์ จำเป็นต้องใช้เวลา 450,000 ปีแบบใช้แฮชเรทของบิทคอยน์เน็ตเวิร์กทั้งหมด เรียกได้ว่าเป็นเกราะป้องกันชั้นสูงสุดของโลกนี้ที่เราเคยเห็นบนระบบเปิดกระจายศูนย์ก็เป็นได้ Ethan Heilman, Avihu Levy, Victor Kobolov และ Andrew Poelstra เขียนถึงการใช้ 160-bit hash functions เช่น SHA1 และ RIPEMD160 (แพร่หลายด้วยไลท์นิ่ง) ในการสร้าง covenant ด้วยบิทคอยน์เน็ตเวิร์กปัจจุบัน แต่ว่าใช้เวลาในการสร้าง 30 ชั่วโมง และจำนวนเงินประมาณ 50,000,000 ดอลล่าร์สหรัฐด้วยมูลค่าบิทคอยน์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นมูลค่าที่ถูกลงมาจากหกเดือนที่แล้ว จากผลวิจัยของ Andrew Poelstra ที่กล่าวถึงความเป็นไปไม่ได้ ในการสร้างตรรกะชั้นสูงแบบไม่มีข้อจำกัดการทำงานเม็มโมรี่เช่นนี้ "If we imagine that SHA1 and RIPEMD160 can be computed as efficiently as Bitcoin ASICs compute SHA256, then the cost of such a computation would be about the same as 200 blocks, or around 625 BTC (46 million dollars). This is a lot of money, but many people have access to such a sum, so this is possible." Andrew Poelstra. น่าสนใจยิ่งกว่า คือหัวข้อ 7.2 บน ColliderScript เปเปอร์ที่ใช้ Lamport Signature หรือการเข้ารหัสใช้แล้วทิ้ง one-time signature ที่สามารถเพิ่ม state ให้กับบิทคอยน์ขั้นสูงได้ เป็นความรังสรรค์ที่ได้รับมาจากกลุ่มนักพัฒนา BitVM ใกล้ตัวเรา ทีม Bitlayer ที่สิงคโปร์ได้เคยกล่าวไว้ "None of this shit ever goes anywhere," nvk ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์วอลเล็ทเจ้าดังของโลก และเจ้าของพอดแคสท์บิทคอยน์รีวิว ได้ตักเตือนนักพัฒนาทุกคนไว้ว่า จะไม่มีใครที่โง่พอนำเงินมาวางเทคโนโลยีที่ยากต่อการใช้จริงเช่นนี้ ใกล้ความเป็นจริงมากกว่าการทำตรรกะล้อมรอบอ๊อพโค้ดที่หายไป คือการซัพพอร์ท Great Script Restoration Project ที่ต้องการนำอ๊อพโค้ดเหล่านี้คืนมาด้วยซอฟท์ฟอร์ก ด้วยเหตุผลที่โค้ดของบิทคอยน์คอร์ในปี 2024 ต่างจากโค้ดที่เขียนเมื่อปี 2010 มาก ด้วยจำนวนนักพัฒนาที่มากขึ้น การป้องกันลอจิกบอมบ์หาใช่เรื่องยากอีกต่อไป #Bitcoin #Siamstr #ColliderScript #Verifier #GSR #LNHANCE image
Sitt Guruvanich's avatar
aekasitt 1 year ago
เราพูดถึงการเสกลลิ่งบิทคอยน์มาหลายปีล่ะ โดยเฉพาะการเพิ่มอ๊อพโค้ด (OP_CODE) บางตัวเช่น OP_CHECKTEMPLATEVERIFY (CTV) OP_ANYPREVOUT (APO) และ OP_CAT (CAT) ที่ถูกซาโตชิ นาคาโมโตะเลิกใช้ไปเมื่อปีคส. 2010 เมื่อ 14 ปีที่แล้ว เราลองมาดูกันบ้างมั้ยว่าสามอ๊อพโค้ดที่เราพูดถึงการ "อัพเกรด" ซอฟท์ฟอร์กครั้งต่อไปของบิทคอยน์ มีใครใช้จริงหรือลวงหลอกอย่างไรบ้างบทเทสท์เน็ตของบิทคอยน์ ที่ได้เพิ่มอ๊อพโค้ดสามตัวนี้แล้ว (signet). จากผลการสำรวจของ ajtowns ที่ได้นำมาเผยแพร่บน delvingbitcoin จุดศูนย์กลางของนักพัฒนาบิทคอยน์มากมาย เราเห็นการใช้งาน CTV แค่ 16 ครั้งเท่านั้นเองบนซิ๊กเน็ต ซึ่งน่าฉงนใจที่สุดจากการโต้แย้งที่เกิดขึ้นในการนำเสนอฮาร์ดฟอร์กเมื่อสองปีที่แล้ว ให้รีบเพิ่ม CTV บนเมนเน็ตของบิทคอยน์ นอกจากนั้นการใช้ CTV บนซิกเน็ต ยังเป็นการทดลองสร้าง simple-ctv-vault ตามด้วย unvault ทันที เหมือนการแลกเปลี่ยน Unspent Transaction Output (utxo) จากสองฝ่ายคล้ายไลท์นิ่ง และไม่ได้มีการสำรวจใช้ vault pattern แบบอื่น ๆ ของ kanzune หรือต่อเติม spacechain บนบิทคอยน์ที่มีการเกริ่นไว้ในบทสนทนาเกี่ยวกับอ๊อพโค้ดนี้สองปีที่แล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าการออกแบบ vault และ spacechain ถูกนักพัฒนาหลายคนภายใต้ธง APO นำไปพัฒนาต่อยอด เนื่องจากความคล้ายเคียงกันกับ CTV จนนักพัฒนาหลายคนเปรียบเปรย APO ว่า overridable CTV. การใช้งาน APO บนซิกเน็ตเกิดขึ้นมากกว่า 1,000 ครั้ง เรายังไม่เห็นการพัฒนาทางด้าน ln-symmetry (3 ครั้ง) มากนักบนซิกเน็ตเนื่องจากการพัฒนา tx relay เพิ่งได้รับการเมิร์จเข้ามา และค่าธรรมเนียมในการอันล็อก APO สคริปท์ ไม่เหมาะสมการใช้จริงบนเมนเน็ตมากนัก สูงสุดในแดนซิกเน็ตคงเป็นใครไม่ได้นอกจากน้องแมว CAT ที่มีการใช้งานมากกว่า 74,000 ครั้ง และการใช้งานเหล่านี้เป็นการเพิ่มความสามารถ STARK verification ให้กับบิทคอยน์ และ introspection สำหรับ covenants ที่ถูกออกแบบเพื่อการใช้งานระดับสูง อาจเป็นการทดลองของกลุ่ม taproot wizards หรือ citrea ที่ระดมทุนมาทำงานในด้านนี้ก็เป็นได้ การสำรวจของ ajtowns ครั้งนี้ เริ่มต้นจาก PoW Faucet บนซิกเน็ตแล้วไล่ตามการใช้งาน แต่ไม่สามารถไล่ไปถึงแอดเดรสแรกเริ่มได้ เราจึงต้องเพิ่มการคาดคะเนตาม utxo แทน อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ อ่านเพิ่มเติมได้บนบทความของ ajtowns บน delvingbitcoin: BIP0118: BIP0119: BIP0347: